อบรมเชิงปฏิบัติการ การจัดการเรียนการสอนศตวรรษที่ 21
วันที่ 22-23 เมษายน 2556
ณ มหาวิืทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์
ด้วยความสนใจที่ท่านอาจาiย์วิจารณ์ได้พยายามสื่อสาร ผู้เขียนจึงตั้งความหวังและวัตถุประสงค์จากการเข้าประชุมดังนี้
ด้านความรู้
เพื่อรับความรู้ในการพัฒนาตนเองให้ทันกับศตวรรษที่ 21
ด้านกระบวนการ
เพื่อให้เกิดทักษะ วิธีการสอนในศตวรรษที่ 21
ด้านการนำไปใช้
สามารถนำการสอนศตวรรษที่ 21ไปวางแผนการสอนนักศึกษาพยาบาลได้
สรุปสาระ
การสอนในศตวรรษที่ 21 คือ การเข้าใจผู้เรียน ด้วยการคิดอย่างเป็นระบบ สอนโดยให้ผู้เรียนหาคำตอบด้วยตนเองโดยครูมีหน้าที่เป็นโค้ช
คุณลักษณะที่สำคัญของครู
วิธีการสอนที่ได้รับ
การสอนแบบ Coaching มีดังนี้
ผู้สอนให้สถานการณ์เป็นภาพนิ่งต่อเนื่อง
เรื่องราวของเด็กชายแฮมเบอร์เกอร์ ที่เรียนในชั้นปะถมศึกษา โดยครุมอบหมาให้นักเรียนทำอาหารเป็นกลุ่มกลุ่มละ 1 อย่าง เด็กผู้หญิงในชั้นเรียนต่างรีบเข้ากลุ่ม เหลือเพียงเด็กชายแฮมฯกับเพื่อนชายที่ต้องจำใจเข้ากลุ่มเดียวกันเนื่องจากเพื่อนไม่รับเข้ากลุ่ม และเด็กชายพิการนั่งWheelchair อีกคน ทั้งสามจึงต้องอยู่กลุ่มเดียวกันด้วยความจำใจ ครูให้แต่ละกลุ่มบอกเหตุผลในการคิดเมนูอาหารที่จะทำ โดยให้ผู้เรียนมาอธิบายหน้าชั้นเรียน จากนั้นให้ไปเตรียมอุปกรณ์ กลุ่มดังกล่าวต้องการทำแฮมเบอร์เกอร์ ต่อมามีปัญหาต่างๆที่กลุ่มต้องแก้ไข...
วิทยากรตั้งคำถามเป็นระยะ รอคำตอบจากผู้เรียน แล้วเฉลยแนวคิดจากภาพ
จากนั้นให้ผู้เรียนแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ บริหารจัดการกลุ่ม
สำหรับกลุ่มที่ได้เข้าร่วมได้คิดประเด็นที่เกี่ยวกับเรื่อง 5 ประเด็น แต่ละประเด็นมีผู้รับผิดชอบเป็นกลุ่มเล็กนำไปเขียน Mapping จากนั้นนำมานำเสนอในกลุ่มตัดประเด็นความซำ้ซ้อน แล้วนำMapping มาต่อยอดกันเป็นแผ่นใหญ่ จึงนำเสนอแนวคิดหน้าชั้นเรียน
อีกกลุ่มทำโดยเริ่มจากกลุ่มเล็กที่สนใจประเด็นเดียวกันมารวมกันเขียน จากนั้นหากลุ่มที่เขียนประเด็นไม่เหมือนกันมารวมเป็นกลุ่มใหญ่ภายหลัง
วิทยากรอธิบายว่าระหว่างทำกลุ่มนี้ ผู้สอนจะต้องเป็นโต้ช สิ่ที่เป็นตัวกระตุ้นแนวคิดอาจเป็นเรื่องราว บทละคร คลิปต์ วิดีทัศน์ เป็นต้น
การแลกเปลี่ยนเรียนรู้โดยผูเชี่ยวชาญคล้ายกัยการทำ KM คือ PCL
ผลงานของแต่ละกลุ่ม
สรุปว่าการสอนในศตวรรษที่ 21 ต้องสอนแบบ Active Learning
วันที่สองของการอบรม
วิทยากรให้ผู้เข้ารับการอบรมแต่งตัวตามสบาย จัดชั้นเรียนใหม่นั่งแบบยู รู้สึกสบายขึ้นและมีส่วนร่วมในการตอบคำถามวิทยากรอย่างใกล้ชิดมากกว่าบรรยายบนเวที
วิธีการสอนแบบโครงงาน(PBL:Project Base Learning)
วิทยากรปูพื้นกระบวนการคิดของผู้สอนโดยใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สอนให้ผู้เรียนได้คิด3 ห่วง 2 เงื่อน เพื่อให้ผู้เรียนคิดอย่างรอบคอบ
ใช้ระัฆังเป็นตัวกระตุ้นการตั้งสติของผู้อบรมเป็นระยะ
ตั้งคำถามผู้เรียนโดยให้ผู้อบรมแลกเปลี่ยนถ่ายทอดประสบการณ์มากกว่าความรู้ที่เป็นทฤษฎีเพื่อนำไปสู่การทำโครงงานที่นักศึกษาสนใจตามที่นักศึกษาได้แสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วมุ
จากนั้นให้ผู้อบรมคิดประเด็นที่สนใจเพื่อพัฒนาทักษะต่างๆของผู้เรียน
เข้ากลุ่มใหม่เพื่อร่วมคิดแผนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะที่ต้องการพัฒนาผู้เรียนนับตั้งแต่การกำหนดวัตถุประสงค์ กระบวนการเรียนการสอน และการประเมินผล
ที่กลุ่มนำเสนอ คือ ทักษะการคิด ทักษะการเขียน ทักษะการวิเคราะห์ ทักษะการอ่าน ทักษะการฟัง ทักษะการพูด ทักษะการคิดเชิงเหตุผล
คิดเพิ่ม ทักษะการสื่อสาร ทักษะการสัมผัส ทักษะการปรับตัว ทักษะการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทักษะการนำเสนอ ล้วนแต่สำคัญสำหรับวิชาชีพพยาบาล
วิทยากรเสนอว่าทักษะดังกล่าวเป็นทักษะที่ผู้สอนจำเป้นต้องฝึกให้กับผู้เรียนเพื่อให้สามารถใช้เกิดเป็นทักษะพื้นฐานทักษะ
ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับวิทยากรเป็นระหว่างพัก
ประเด็นท์่พูดคุยเป็นเรื่องการมอบหมายให้นักศึกษาได้มีพัฒนาการเรื่องการเขียนรายงานโดยใช้กระบวนการพยาบาลซึ่งนักศึกษาไม่สามารพัฒนาได้ หลังจากได้ค้นหาสาเหตุร่วมกันแล้วพบว่าอาจารย์ต้องมีความอดทนในการให้นักศึกษาหาคำตอบที่ทุกคนมีพัฒนาการไม่เหมือนกัน
การนำไปใช้ในคณะพยาบาลศาสตร์
TEACH LESS LEARN MORE
ฝึกทักษะพื้นฐานในชั่วโมงพบคณบดีทุกชั้นปีทุกสัปดาห์ มีขั้นตอนดังนี้
กำหนดประเด็น เช่น
ชั้นปีที่ 1 เรียนอย่างไรให้เป็นสุข
ชั้นปีที่ 2 เจตคติต่อวิชาชีพพยาบาล
ชั้นปีที่ 3 การเตรียมสอบใบประกอบวิชาชีพ
ชั้นปีที่ 4 จิตอาสา การเตรียมตัวเข้าสู่ตลาดนัดแรงงาน
วิธีการ
เพียงได้คิดก็เป็นสุข หากได้ปฏิบัติจะสุขเพียงใดที่จะได้เรียนรู้ความใหม่จากนักศึกษา
ทิพบวรรณ นิลทยา
23 เมษายน 2556
ขอบคุณความรู้ครับ ผมชอบแนวคิดและวิธีการของ รศ.ไพโรจน์ กำลังตามท่านไปครับ....
ส่วนใหญ่จะเห็นครูบาอาจารย์ที่เป็นผู้บริหาร มุ่งเน้นการพัฒนาตนด้านการบริหาร และไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการพัฒนาการเรียนการสอนนะคะ
เมื่อเห็น "ผศ.ทิพยวรรณ นิลทยา" ซึ่งเป็นคณบดี ขนขวายพัฒนาตนเองเพื่อนำความรู้และประสบการณ์ไปพัฒนาศิษย์จึงรู้สึกชื่นชมมากค่ะ
และการเขียนบันทึกแบ่งปันประสบการณ์ ก็เป็นประโยชน์มากค่ะ สำหรับผู้ที่ไม่ได้เข้ารับการอบรม
ขอโทษค่ะ พิมพ์ผิด "ขวนขวาย" ค่ะ ไม่ใช่ "ขนขวาย"