วันนี้เป็นบันทึกที่เกี่ยวเนื่องกับการต่อยอดขยายผล ครูภูมิปัญญาไทย มีอยู่ ๒ เรื่อง..ครับ
เรื่องที่ ๑ ต่อยอด
วันนี้ผมตั้งใจไปที่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเขต 1 จึงหวัดพิษณุโลก (ซึ่งใช้สถานที่ของโรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี) ไปถึงเวลาประมาณ 9.15 น. ไปถามหาคุณปราณีต (จุลการ) ได้รับคำตอบจากคนที่อยู่ชั้น 1 ว่า เธออยู่ชั้น 3 ฝ่ายบุคคล (ตอนอยู่มน.เธอก็ได้อยู่ฝ่ายบุคคล)
พอไปถึงห้องฝ่ายบุคคลชั้น 3 เธอไม่อยู่ ไปออกเลขหนังสือ.. พลันผมก็สังเกตเห็นชื่อเรียมจิต สายทอง ซึ่งผมจำชื่อเธอได้ตอนโทรมาบอกผมเรื่องครูภูมิปัญญาไทย ผมก็เลยขอโอกาสขายแนวคิดเรื่องต่อยอดครูภูมิปัญญาไทย
แต่เธอไม่ได้อยู่ในระดับตัดสินใจ จึงจะพาไปพบหัวหน้าของเธอในอีกห้องหนึ่ง แต่หัวหน้าไม่อยู่ในห้อง เธอจึงตามคุณปราณีตมารับฟังข้อเสนอหรือ idea ต่อยอดครูภูมิปัญญาของผม
พอคุณปราณีตมาแล้ว ก็เตรียมรับฟัง Idea ของผม แต่ผมเริ่มโดยให้เธอเล่าถึงความหลังครั้งก่อน ว่าเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ ซึ่งพอสรุปความได้ดังนี้ (บันทึกจากความจำของผมล้วนๆ เพราะตอนคุยมิได้จดบันทึกเลยสักนิด)
เหตุการณ์เริ่มในปี 2542 เธอขอย้ายจาก การเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยนเรศวร (เข้าใจว่าเธอคงสอบได้อัตราบรรจุ) มาอยู่ที่โรงเรียนเนินมะปราง แต่อยู่แผนกที่ไม่ได้สอนโดยตรง พออยู่ไประยะหนึ่ง มีอัตราว่างที่เขตฯ เธอจึงขอย้ายมาอยู่ที่นี่
ภายหลังเมื่อมีการรวมหน่วยงานอื่นๆ มาอยู่ที่นี่ทำให้อัตรากำลังเกิน จึงมีหลายท่านย้ายไปทำการสอนในโรงเรียน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเมือง
ที่เขตพื้นที่การศึกษานี้ ดูแลโรงเรียนในจังหวัดพิษณุโลก 2 อำเภอ คือ อำเภอเมือง และอำเภอบางระกำ
คุณจำรุญ บุญเอม ได้เกษียณอายุราชการไปในเดือนกันยายนแล้ว
ต่อไปก็มาเข้าเรื่อง การต่อยอดครูภูมิปัญญาไทยครับ ผม sale idea เธอว่า
- ทางสกศ.เขาน่าจะมีงบประมาณจำนวนหนึ่ง ซึ่งน่าจะเจียดมาให้ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ ได้ ซึ่งจะเป็นเรื่องที่จะต่อยอดของครูภูมิปัญญาไทย
- เนื่องจาก ในรุ่นที่ ๕ นี้ ทางสกศ. ให้ความสำคัญกับเขตพื้นที่การศึกษาฯ (เลือกเขต 1 ในทุกจังหวัด) ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการคัดเลือกครูภูมิปัญญา ดังนั้นควรมีส่วนร่วมต่อไปในการต่อยอดครูภูมิปัญญา
- และเนื่องจากในปีงบประมาณ 2549 นี้ จังหวัดพิษณุโลกมีครูภูมิปํญญาไทย เพียงท่านเดียว น่าจะใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่าในการต่อยอด
- ในความเป็นไปได้ คือ การทำงานแบบ 3 ประสาน (เขต/โรงเรียน/ครูภูมิปัญญาไทย) คือ ทางเขตพื้นที่การศึกษาฯ เป็นตัวกลางเชิญ โรงเรียนมัธยม (ต้น+ปลาย) ในความดูแลซึ่งมี 13 โรง มาหารือร่วมกันว่าควรจะใช้ประโยชน์ของครูภูมิปัญญาอย่างไร
- สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ คือ เชิญให้เข้าไปเป็นที่ปรึกษาของโรงเรียน ในการทำโครงงานของนักเรียนและครูที่ปรึกษา (เน้นเรื่องผึ้งและผลิตภัณฑ์จากผึ้ง) หรืออาจเป็นการจัดบรรยายความรู้ทางด้านนี้ก็ได้
- โดยที่ไม่เน้น ด้านจำนวนโรงเรียน แต่เน้น ด้านคุณภาพของโรงเรียน
- หากเป็นไปได้จะมีโครงการ 3 ประสาน ที่ของบประมาณสนับสนุนจาก สกศ. โดยทางโรงเรียนอาจมีโครงงานของนักเรียนกับครูที่ปรึกษา ทางสำนักเขตมีเรื่องกรณีศึกษา (ซึ่งถอดบทเรียนจากโรงเรียนหนึ่งเป็นกรณีศึกษา) และ ครูภูมิปัญญาไทยอาจช่วยเขียนเค้าโครงร่างของ 3 ประสาน เป็น 3 โครงการย่อย
- เครือข่ายทีมงาน จะมี 2 ทีม + 1 คน คือ ทีมของสำนักงานเขตฯ ทีมของโรงเรียน และครูภูมิปัญญา
- เป็นการทำงานที่เน้นการสร้างเครือข่ายต่อยอดครูภูมิปัญญา
- โดยเริ่มที่คุณปราณึต นำเรียนเสนอหัวหน้างาน เพื่อดำเนินการต่อไป
- ส่วนว่าลักษณะงานจะเป็นอย่างไร จะใช้เวทีในการลปรร.ที่สำนักงานเขต
- เน้นการได้ประโยชน์ร่วมกันทั้ง 3 ฝ่าย....win win win.....จบ (09.15-10.30 น.)
เรื่องที่ ๒ ขยายผล
- เป็นเรื่องของการประชาสัมพันธ์ เนื่องจากม.นเรศวร มีสถานีวิทยุเป็นของตนเอง
- เมื่อสัปดาห์ก่อน จนท.จากพิพิธภัณฑ์ชีวิต จะทำวารสารของพิพิธภัณฑ์ผ้า ได้โทรมาสอบถามข้อมูลกับผมเพื่อจะนำลงวารสาร เกี่ยวกับที่มาและเป็นไปของผลิตภัณฑ์จากผึ้ง (น้ำผึ้ง)
- ผมก็ได้เล่าเรื่อง การได้รับตำแหน่งครูภูมิปัญญาไทยให้ฟัง ซึ่งเขาบอกว่าน่าสนใจมาก เขาทำรายการวิทยุด้วย แต่ได้นัดท่านหนึ่งไปก่อนหน้านี้แล้ว (ออกรายการเดือนละ 1 ครั้ง)
- เขาจึงอาสาติดต่อสถานีวิทยุให้ (ติดต่อคุณจามรี อ่อนโฉม)
- สักครู่คุณจามรี ก็โทรมาหาผมเพื่อนัดไปออกรายการวิทยุ (NU Focus) ผมจึงขอผลัดให้เข้าไปอยู่ในเดือนตุลาคม ซึ่งก็ OK
- วันนี้ผมโทรไปขอนัดวันสัมภาษณ์ ซึ่งคุณจามรีได้ให้ผมไปพบที่สถานีวิทยุเพื่อสัมภาษณ์ในวันพรุ่งนี้เวลา 15.30 น.
- เรื่องที่ผมจะให้สัมภาษณ์ ภายในเวลา 20 กว่านาที ก็น่าจะเป็น (1) ที่มาของการได้เป็นครูภูมิปัญญาไทย (2) หลักเกณฑ์ใหญ่ๆ ในการคัดเลือก (3) สิ่งที่ได้รับเมื่อเป็นครูภูมิปัญญาไทย (4) สิ่งที่จะทำต่อไป (5) การต่อยอดขยายผล (เมื่อเป็นครู ต้องขยายผลที่นักเรียนแน่นอน เพราะเป็นของคู่กัน)..