523. วิทยาลัยเกษตรกรรรม พลิกโลก


เมื่อวานสอนวิชาพัฒนาองค์กรเชิงบวก (Positive Organization Development) ที่ตัวผมเองพัฒนาขึ้นจากการนำ Appreciative Inquiry (AI)  ไปผสมผสานกับศาสตร์ OD อื่นๆ ว่ากันตั้งแต่ Learning Organization มาเลย เมื่อวานเป็นชั้นเรียน AI ครับ ผมให้นักศึกษาโทรกลับไปที่ทำงาน ไปทำเรื่องดีๆ กับคนในองค์กรว่า “ประทับใจอะไร หรือภาคภูมิใจอะไรในองค์กรมากที่สุด”  มีลูกศิษย์มาจากวิทยาลัยเกษตรกรรม เธอก็ถามลูกศิษย์ได้ความว่า… “..ชอบตรงที่ได้ปฏิบัติ ชอบตรงที่วิทยาลัยมีกิจกรรมจิตอาสา..”

                 

                         Cr: http://www.budnet.org/boonvolunteer/node/23


ส่วนด้านลบ เจอเด็กม.ปลายบอกว่า “ ไม่รู้จักเลยนะ และถ้าเลือกจะเลือกอันดับสุดท้าย”  ฟังแล้วหดหู่ แต่เอาหล่ะ มีเรื่องดีอยู่ ก็นักศึกษา หลายคนบอกเรื่องชอบการได้ปฏิบัติ และการได้ทำโครงการจิตอาสานี่นา”

ครับ ผมจับจุดนี้ แล้วถามเขาว่ามีนักศึกษาผู้ชายในสัดส่วนที่สูงมากๆ ใช่ไหม เธอบอกว่าใช่ 

เอาหล่ะถ้าอธิบายตามหลักของของ AI นี่คือการค้นพบครับ..(Discovery)

ว่าเด็กนักศึกษาชอบโครงการจิตอาสา เพราะฉะนั้น

สิ่งที่ควรจะเป็น (Dream) ก็คือเป็นวิทยาลัยที่ขึ้นชื่อว่า บัญฑิตมีจิตอาสาที่สุด

ออกแบบให้ความฝันเป็นจริงคือ (Design) ให้เขาลองคิดโครงการจิตอาสา ง่ายๆ ทั้งเดี่ยวและกลุ่มดู (ให้นักศึกษาลองคิดดูเอาเอง)

Destiny (ทำให้เกิดจริง) แล้วติดตามผม ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ให้ทำทุกเดือน ถือเป็นแกนของหลักสูตรไปเลย

ส่วนเรื่องภาคปฏิบัติ ผมยุเขาบอกว่า “นี่น่าจะทำเป็นมหาวิทยาลัยคาวบอยตัวจริงนะ”…

                          

           Cr: http://richardbejah.com/2009/09/20/the-cowboy-3.aspx



ล่าสุดไปเที่ยวแถวปากช่องไปพักโรงแรมแห่งหนึ่ง ที่เจ้าของมีกิจกรรมประเภทคาวบอย… ดูดีนะ  แต่ตอนเช้าตื่นมา เจอเขาต้อนม้ามาเป็นฝูง งดงามมาก มีคาวบายตามมาด้วย แต่พี่แกขี่ฮอนด้า ดรีม ต้อนม้าครับ ….ใส่เสื้อกล้าม..  เสียชาติคาวบอยหมด..

(ลูกศิษย์ฮา…)

Ok ครับ ภาคการตลาดเดี๋ยวว่ากัน มาว่าเรื่องการศึกษา เนื่องจากผมได้ยินว่าที่นี่สุภาพบุรุษมาเรียนกันมาก แถมชอบปฏิบัติ ชอบจิตอาสา นี่ตรงกับเรื่องความรู้เรื่องฮอล์โมน และการเรียนรู้ครับ ว่าตามชีววิทยาแล้ว ผู้ชายจะแสดงศักยภาพได้สูงสุด ถ้ามีฮอล์โมนเทสโตสเตอโรนออกมามาก ส่วนผู้หญิงเป็นอ๊อกซี่โตซินครับ โดยมี “กระบวนการ” ที่ทำให้ฮอล์โมนสองตัวหลั่งออกมาได้ดังนี้ครับ


ผู้ชาย        
 ผู้หญิง
ได้เผชิญวิกฤติ      
 เอาใจใส่
ได้แก้ปัญหา  
  ดูแล
ได้เป็นฮีโร่    
   ค่อยเป็นค่อยไป


                                           อ้างอิง: Venus on Fire, Mars on Ice

 คุณลองคิดดูสิครับ ว่า การที่เขาชอบจิตอาสา ชอบปฏิบัติ นี่ตรงกับเงื่อนไขที่ทำให้ฮอล์โมนเทสโตสเตอโรนหลั่งออกมา ทำให้เขามีความสุข มีพลัง มีความฉลาดขึ้นมา  นี่ไงครับ เงื่อนไขการเรียนรู้  ถ้าเขาทำจิตอาสา เขาจะต้องเผชิญวิกฤติแน่นอน เพราะต้องมานั่งคิดอะไรนอกกรอบ เขาได้แก้ปัญหา เพราะมีอะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้นมาก สุดท้ายจิตอาสามักเกิดจากการปฏิบัติ และมาจากความชอบเป็นทุนเดิม (ในเรื่องที่ทำ) ตรงนี้แหละที่เขาจะรู้สึกภูมิใจเป็นฮีโร่ขึ้นมา

 คุณอาจมอง เออ… อาจารย์ธรรมดาเน๊อะ อาจารย์ แค่จิตอาสา แค่เนี๊ย เอาหล่ะ ใจเย็นครับ ฟังทางนี้ ตั้งแต่ผมให้คนตั้งคำถามเชิงบวกมาเกือบสิบปี ไม่ว่าจะถามเรื่องดีๆ กับใคร ลูกค้า พนักงาน เวลาให้คนถามสรุป สักคำ คือให้หาคำอธิบายว่า สิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นมาที่มาจากระบวนการอะไร ให้เขาสรุปมาเป็นคำๆเดียว ได้คำดังนี้ครับ … เสียสละ ดูแล เอาใจใส่  หรือ การให้ หรือ คำอะไรที่ไกล้เคียง สรุปแล้วไม่ว่าจะอยู่ในอุตสหากรรมใด ธนาคาร การศึกษา ร้านขายของชำ อะไรก็ตาม กระบวนการที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวดีๆ ที่นำมาสู่การสร้างสรรค์ดีๆ จนได้ลูกค้าดีๆ รายได้ดีๆ.. ล้วนมี “การให้” หรือ "จิตอาสา" อยู่เบื้องหลังครับ.. ยืนยันครับ และทั้งหมดเป็นเรื่องราวที่คุณไม่ต้องเรียนปริญญาโท MBA จบเมืองนอก ไม่ต้องไฮโซ มาก  คุณก็ทำได้ครับ  ที่สำคัญ ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย


         

                   Cr: http://www.budnet.org/boonvolunteer/node/23


ดังนั้นหากคุณปลูกฝังลูกศิษย์ให้มีจิตอาสา นั่นคือคุณกำลังฝึกให้คนรู้จักการให้ แน่นอนคุณกำลังเตรียมพร้อมนักศึกษา เข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง (โลกดีๆ)  นั่นหมายความว่าคุณไม่ใช่ฝึกนักศึกษาเกษตร เข้าสู่อุตสาหกรรมเกษตร หรือไปทำการเกษตร หากแต่ที่นี่จะฝึกคนให้ ไปทำงานอะไรก็ได้ เข้าได้ทุกจุด แล้วจะไปได้ดีทุกจุด แล้วเจริญก้าวหน้าด้วย

นอกจากนี้ “การให้”  ยังอยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงสำคัญๆของโลก เช่น มหาตมะคานธี เนลสัน แมนเดลล่า ไกล้ๆเราก็อองซาน ซูจี  นี่ก็จิตอาสาทำเพื่อสังคมอย่างเข้มข้น

การให้อยู่เบื้องหลังงานบริการ ธุรกิจ การศึกษา ตั้งแต่คนธรรมดา จนถึงการสร้างการเปลี่ยนแปลงของวีรบุรุษ วีรสตรี แม้กระทั่งอยู่เบื้องหลังวิถีของพระโพธิสัตว์ การตั้งศาสนาดีๆของเหล่าศาสดาครับ  เรียกว่าถ้าคุณปลูกฝังการให้ คุณสร้างคนได้ตั้งแต่เกษตรกรระดับปราชญ์ชาวบ้าน ไปถึงผู้จัดการชั้นดี วีรบุรุษของประเทศ ปูชนียะของโลกได้เลย

                    

 Cr: โครงการสร้างสรรค์สังคมให้เยาวชนออกแบบโปรแกรมส่งเสริมการทำจิตอาสาในอังกฤษ http://overtheair.org/blog/2010/09/05/competitions-the-orange-mobilise-challenge/


มีมหาวิทยาลัยที่ทำอย่างนี้แล้วดังระดับโลกคือมหาวิทยาลัยฉือจี้ ของไต้หวันที่ดังระดับโลกครับ  

ที่สุดนี่แค่เรื่องดีๆ คือเรื่องจิตอาสานะครับ สามารถพลิกระบบการศึกษา พลิกสังคม พลิกโลกได้เลย

จิตอาสาทำให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต ตลอดเวลาแน่นอน

เอาหล่ะครับสำหรับวันนี้พอเท่านี้ครับ 

เพียงเล่าให้ฟัง ลองเอาไปพิจารณาดูกันเองนะครับ 


หมายเลขบันทึก: 531826เขียนเมื่อ 1 เมษายน 2013 09:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 เมษายน 2013 20:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

แวะมาชื่นชมกิจกรรมจิตอาสาที่มีประโยชน์มากครับอาจารย์

จำได้ว่าผู้บริหารไทยไปดูการจัดการศึกษาของฉือจี้หลายกลุ่มมาก

แต่ไม่แน่ใจว่าได้เอามาทำหรือไม่

เอาจิตอาสามาฝากด้วยครับ

ค่ายอาสาสมัครชาวญี่ปุ่น(4) 


จิตอาสางดงามมากนะครับ...ผมเห็นเด็กและกลุ่มเด็กในปัจจุบันมีแนวคิดและปฏิบัติมากขึ้นนะครับ...โลกจะสวยงามและน่าอยู่เพราะ "จิตอาสา" นะครับอาจารย์

เรียนอาจารย์ มาชวนไปช่วยเติมการแก้หนี้ของชาวนาที่เสนอต่อรัฐสภาไทย

http://www.gotoknow.org/posts/531925

เอามาฝากครับ เคยได้ยินมาว่า ต่างชาติจะตกใจมาก เวลาที่บ้านเราเกิดเหตุการที่มีผลต่อประชาชนจำนวนมาก แล้วเกิดบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นอาสาสมัคร มากมายโดยไม่ต้องร้องขอ นั้นคืดจุดแข็งของเมืองไทย


ชื่นชมกิจกรรมดี  ๆ กระตุ้นให้นึกถึงเรื่องดี ๆ ที่ีได้ทำมา เป็นกิจกรรมสร้างพลังบวกมากเลยค่ะ

แวะมาส่ง link กิจกรรมที่อาจารย์เคยแจ้งว่าจะร่วมด้วยค่ะ http://www.gotoknow.org/posts/532394

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท