ความสนใจในเรื่อง Butterfly Effect ยังคงค้างคาใจ ส่งผลให้วันนี้อยากเรียนรู้ถึงที่มาที่ไปเป็นอย่างไร เพราะว่ามีต้นเหตุตั้งแต่ การอ่านหนังสือ How to Think Like Leonardo da Vinci เขียนโดย Michael J. Gelb การอ่านบทความ KM (แนวปฏิบัติ) วันละคำ: 92. ระบบ ที่กล่าวถึง “KM แนว LO เน้นการจัดการแบบเอื้ออำนาจ ให้พลังแห่งระบบที่ซับซ้อนทำงานเอง และหวังผลลัพธ์ในระดับ ปรากฏการณ์ผีเสื้อ” และความสนใจมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ได้ไปดูหนังเรื่อง IN Inconvenient Truth
เรามารู้ที่มาที่ไปก่อนว่าเป็นมาอย่างไร จะรู้จักเป็นอย่างดีในแวดวงอุตุนิยมวิทยา เพราะเป็นทฤษฎีอุตุนิยมวิทยา ที่กล่าวว่า ผีเสื้อตัวหนึ่งกระพือปีกที่ฮ่องกง สามารถที่จะทำให้ดินฟ้าอากาศที่แคลิฟอร์เนียเปลี่ยนแปลงได้เมื่อ 1 เดือนให้หลัง นี่คือกระบวนการที่เรียกว่า Butterfly Effect (ได้มีหนังสือของศาสตราจารย์เลอลองได้กล่าวถึงการนำเสนอ Lecture ทางวิชาการ 3 ชุด ที่ University of Washington (Seattle) ภายใต้การสนับสนุนของคหบดีที่อุดหนุนด้านการศึกษามนุษยชาติ (Jessy Dance) ซึ่งในการนำเสนอของศาสตราจารย์ ที่เป็นนักอุตุนิยมวิทยามากว่า 30 ปี ได้เฝ้าวิจัยแนวความคิดด้านอุตุนิยมวิทยา ท่านได้ค้นพบโดยบังเอิญ จากกระบวนการที่ท่านนั่งเฝ้าตัวเลขที่ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนไปเป็น 0.0000001 ของทศนิยม ท่านนั่งเฝ้าเข็มรายงานความเคลื่อนไหวของอากาศ ทุกครั้งที่เกิดการสั่งสะเทือนของระบบการรับข่าวสารเกี่ยวกับสภาวะอากาศ และเฝ้าสังเกตดูจุดทศนิยมที่เปลี่ยนแปลงไปแต่ละจุด ๆ เมื่อเกิดความคลาดเคลื่อนไปแล้วจะทำให้เกิดรูปร่างที่เหมือนกับโครงสร้างของผีเสื้อ และพบว่า .0000001 ที่คลาดเคลื่อนไปก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้อย่างมหาศาล การเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลในภาวะแวดล้อมของอุตุนิยมวิทยาไม่ใช่เกิดขึ้นจากสาเหตุใหญ่ ๆ เลย หากแต่เกิดขึ้นจากสัญญาณเล็กๆ เป็นจุดๆ จึงอธิบายได้ว่าถ้ามันเป็นเช่นนี้จริงก็หมายความว่า แม้กระทั่งผีเสื้อตัวเล็กๆ กระพือปีกเบาๆ อยู่ที่ฮ่องกง ปีกที่กระพือนั้นอาจจะสะเทือนส่งไปถึงแคลิฟอร์เนีย หรืออีกซีกโลกก็เป็นได้ในอดีตเรามักมองหรือเน้นที่ปัจจัยใหญ่ๆ และมักมองข้ามปัจจัยเล็กๆ และเราก็บอกว่าปัจจัยใหญ่ๆ ทำให้เกิดสิ่งนั้นสิ่งนี้ได้ แต่ในปัจจุบันนี้เรากลับพบว่าปัจจัยที่เล็กที่สุด มองดูเหมือนกับปัจจัยที่ไม่มีใครจะสนใจเลย กลับเป็นปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในสภาวะความเป็นไปของโลก และจักรวาลได้
เช่นเดียวกัน เราจึงอยากเห็นผลปรากฏการณ์ผีเสื้อที่เต็มพื้นที่ทั่วเมืองไทย ให้สังคมไทยเป็นสังคมที่อุดมปัญญา ด้วยเครื่องมือการจัดการความรู้ด้วยการมองที่หาความสำเร็จเล็กๆ (ปัจจัยเล็ก) ในหน่วยงาน และร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยใจที่พร้อมจะให้ เปิดรับแนวคิดใหม่ แง่มุมใหม่ ไม่จมปลักอยู่ที่จุดเดิม แสวงหาจุดร่วม และสงวนจุดต่าง เมื่อมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แล้วนำมาปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของตน และกลับมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันใหม่ เป็นวงจรยกระดับความรู้อย่างต่อเนื่อง อาจก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงใหญ่แบบก้าวกระโดด สู่มิติใหม่ หรือ ภพภูมิใหม่
สวัสดีค่ะคุณจ๊ะจ๋า
สวัสดีค่ะ คุณจ๊ะจ๋า
เข้ามาอีกครั้ง ผีเสื้อสวยขึ้นค่ะ และก็ตอบสนทนาเป็นการเป็นงานจัง ครูอ้อยต่อไม่ได้เลยค่ะ
ขอบคุณคะครูอ้อย เห็นว่ารูปเดิมไม่มีสีสันเท่ารูปใหม่ ถ้าอ่านแล้วมีส่วนเพิ่มเติม เสริมเข้ามาเลยคะ เพราะจ๊ะจ๋าอาจจะมองแค่ 1 มุม อยากรู้หลายๆ มุม เหมือนกันคะ
คุณจ๊ะจ๋าขา
Butterfly effect does really make us concerned about any action whether from someone else or from ourselves, including even some little action. On the whole, I would think of that everything are related to a certain extent. I wish I would see more knowledge about how to exercise this phenomenon in KM.
ครูอ้อยคะ จ๋าว่าคนทุกคนมีคุณค่าในตัวเองคะ และอยู่ที่ว่าเค้าจะเห็นคุณค่าของตัวเองมากน้อยแค่ไหน และวัดค่าของคนจากอะไร และอยากให้กันมาใส่ใจกับสิ่งรอบตัว และแคร์กันมากขึ้น เราเป็นชาวตะวันออก ชาวพุทธ มีวัฒนธรรมที่ดีงามและไม่ดูถูกคนนะคะ จ๋ามีความเชื่อเช่นนี้
ขอบคุณคะคุณBrifht Lilyที่ชม..เขินจัง ... ยินดีต้อนรับเข้าสูโลกของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้คะ