วันที่ 26 ก.ย.49 ผมไปเป็น "คุณอำนวย" (facilitator) ในเวที ลปรร. ประสบการณ์ในการทำหน้าที่ CF (Cluster Facilitator) ของงาน R2R ที่ศิริราช
มี CF เข้าร่วมประชุม ลปรร. 8 คน และเจ้าหน้าที่ของโครงการ R2R อีก 3 คน อ. หมออัครินทร์ ผู้จัดการโครงการ R2R บอกว่านี่เป็นครั้งที่เมื่อนัดประชุมแล้วมี CF มาร่วมประชุมมากที่สุด เขาบอกว่าเพราะเขาเอาชื่อผมไปขาย ดึงดูดคนมาได้จริง ๆ
การประชุมก็ทำง่าย ๆ เป็นวง ลปรร. โดยให้ทำ storytelling, deep listening, dialogue, และ AI โดยมี "คุณลิขิต" ทำหน้าที่จดประเด็น
CF ที่มาร่วมต้องการมาเรียนหรือฝึกเทคนิคเหล่านี้ และนำไปใช้ในการทำหน้าที่ CF ของงาน R2R และบอกคนต้องการเอาไปใช้ในการเป็นผู้จัดการโครงการวิจัย clinical trial ที่ต้องทดลองในผู้ป่วยจำนวนมากและมีเจ้าหน้าที่ของ รพ. เข้าร่วมโครงการจำนวนมาก
CF ทั้ง 8 คนเป็นหมอเก่ง ๆ ทั้งนั้น จึงมี "ความรู้แจ้งชัด" เพียบ และหย่อนด้านวัฒนธรรมให้คุณค่า "ความรู้ฝังลึก" และขัดเขินที่จะเล่าเรื่องราวของความสำเร็จเล็ก ๆ ในเบื้องต้น แต่ในที่สุดก็เข้าใจและเห็นคุณค่า
ตอนทำ AAR ก็มีการเผยออกมาว่า CF กลุ่มนี้ประชุมกันสม่ำเสมอ แต่ใช้วิธีประชุมปรึกษาหารือแบบที่เริ่มด้วยการรายงานความคืบหน้าและปัญหา ไม่เคยประชุมแบบเอาความสำเร็จเล็ก ๆ มาทำ storytelling เมื่อมาลองทำในครั้งนี้ ทำให้ได้รับทราบเรื่องราวของเพื่อน CF คนอื่น ๆ ที่ไม่เคยรับรู้มาก่อน
กล่าวง่าย ๆ ว่า การ ลปรร. โดยเอาความสำเร็จเล็ก ๆ มา ลปรร. โดยเทคนิค storytelling ทำให้ทุกคนได้ความรู้ปฏิบัติในมิติที่ลึกและละเอียดอ่อนที่วิธีประชุมแบบทั่วไป (ที่เริ่มจากปัญหาหรือทุกข์) ไม่สามารถลงไปถึงความรู้ที่ลึกขนาดนี้ได้
ผู้มาร่วมประชุมพอจะมองออกว่า ยังมีวิธีพัฒนางานแนวอื่นนอกเหนือจากแนวที่คุ้นเคย
- แนวที่คุ้นเคย : เริ่มจากปัญหา (ทุกข์) เอาปัญหามาอภิปรายกัน หาทางแก้ปัญหา
- แนวใหม่ : เริ่มจากความสำเร็จ (เล็ก ๆ) หรือผลงาน/กระบวนการที่ภูมิใจ เอามาเล่าเรื่องและทำความเข้าใจว่ามันบอกอะไรเรา เพื่อหาทางขยายความสำเร็จนั้น
ความรู้เชิงเคล็ดลับในการทำหน้าที่ CF ของกิจกรรม R2R ที่ศิริราช (ย้ำคำว่าที่ศิริราช) คือเวลาไปคุยกับ "ลูกค้า" ที่เป็น "คุณกิจ" ของงาน R2R ต้องอย่าไปคุยเรื่องการวิจัย อย่าคุยเรื่อง R2R ต้องไปคุยเรื่องงานบริการหรืองานประจำของเขาเอง คุยว่าเขาคิดจะปรับปรุงตรงไหน แล้วค่อย ๆ ชักจูงการสนทนามาสู่การออกแบบเก็บข้อมูลเพื่อให้ได้ผลการทดลองปรับปรุงงานที่มี evidence ว่าผลการปรับปรุงงานนั้นมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งก็เป็นการทำ R2R
ผมได้บทเรียนว่า คนที่เป็นเจ้าหน้าที่ R2R ต้องอย่าไปชวนคนหน้างานทำ R2R ต้องไปคุยเพื่อช่วยให้การปรับปรุงงานของเขากลายเป็นผลงานวิชาการที่ให้คุณค่าด้านการเลื่อนระดับ เลื่อนตำแหน่ง หรือมีผลต่อความภูมิใจในงานของเขา
CF ต้องไม่มีภาพลักษณ์ของการไป "ไล่จับ" ผู้ปฏิบัติงานบริการให้มาทำงาน R2R เพื่อผลงานของ CF
ตรงกันข้าม CF ต้องมีภาพลักษณ์เป็น "ผู้ช่วยเหลือ" ทำให้ผู้ปฏิบัติงานประจำมีผลงานวิชาการโดยไม่ยาก และช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานประจำบางคนกลายเป็นผู้มีความสุขหรือสนุกอยู่กับการสร้างผลงานวิชาการจากงานประจำ
CF 5 ท่าน
CF อีก 2 ท่าน ท่านที่ 8 คือ อ. นพ. อัครินทร์ นั่งติดกับผม จึงไม่ได้ถ่ายรูปไว้
สองสาวเจ้าหน้าที่ในสำนักงาน R2R ศิริราช รูปนี้ถ่ายตอนสามที่ 3 เดินออกไป
วิจารณ์ พานิช
27 ก.ย.49
อยากเรียนถามท่านอาจารย์หมอค่ะว่า
การจะเป็นคุณอำนวยที่ดีนั้น ต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้างคะ หรือควรมีบุคลิคภาพเช่นไรคะ