เห็ดโคน...สายใยแห่งความรัก


ตอนที่ต้ม ดิฉันเห็นป๊าใส่ข้าวสารไปด้วยนิดหนึ่ง ป๊าบอกว่าใส่เพื่อให้แน่ใจว่าเห็ดหม้อนี้ไม่ใช่เห็ดมีพิษ เพราะถ้าเม็ดข้าวสุกกลายเป็นสีดำคล้ำ ก็เทเห็ดหม้อนี้ทิ้งไปได้เลย สีของเม็ดข้าวจะฟ้องว่าเห็ดนี้มีพิษหรือไม่

      เพราะได้เข้าไปอ่านบันทึกของ ท่านอาจารย์ปภังกร วงศ์ชิดวรรณ ใน http://gotoknow.org/blog/lifediary/52668 เรื่อง....รู้ซึ้งถึงความรักเมื่อต้องจัดการกับ "เห็ดโคน" ทำให้พาลเกิดแรงบันดาลใจอยากเล่าเรื่องเกี่ยวกับ เห็ดโคน ในคืนนี้

      
คุณพ่อ ของดิฉันท่านเป็นนักกิน เห็ดโคน ตัวยง สมัยดิฉันกับน้อง ๆ ยังเด็ก พอถึงหน้า เห็ดโคน ซึ่งจะอยู่ประมาณปลายเดือนกันยายน-กลางเดือนตุลาคม เป็นต้องได้ช่วยกัน เกลาเห็ด ที่พ่อหามาได้ เน้นนะคะ...หามาได้เอง เมื่อก่อนบ้านเราอยู่ในสวนค่ะ แต่เดี๋ยวนี้เราย้ายมาอยู่ในตัวตลาดนานแล้ว เลยต้องซื้อเห็ดที่ชาวบ้านเขาหามาขายให้ ยิ่งเดี๋ยวนี้หากินได้ยากมากในพื้นที่แถวบ้านของดิฉัน

      เวลา
ป๊า (คุณพ่อ) ต้มเห็ดจะใส่ใบตำลึงด้วยเยอะ ๆ เพื่อจะได้ปริมาณมาก ๆ ใส่ใบโหระพาเล็กน้อย จะทำให้ต้มเห็ด...ห้อม...หอม... แกงจืดเห็ดโคน ของป๊าจะไม่มีเศษดินกล่องแกล่ก เวลาที่ตักเข้าปากเลย เพราะป๊าจะค่อย ๆ ล้างอย่างสะอาดหมดจด ตอนที่ต้ม ดิฉันเห็นป๊าใส่ข้าวสารไปด้วยนิดหนึ่ง ป๊าบอกว่าใส่เพื่อให้แน่ใจว่าเห็ดหม้อนี้ไม่ใช่เห็ดมีพิษ เพราะถ้าเม็ดข้าวสุกกลายเป็นสีดำคล้ำ ก็เทเห็ดหม้อนี้ทิ้งไปได้เลย สีของเม็ดข้าวจะฟ้องว่าเห็ดนี้มีพิษหรือไม่

      สมัยดิฉันบรรจุเป็นครูใหม่ ๆ ที่อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี พอถึงหน้า
เห็ดโคน ดิฉันเคยกว้านซื้อจากชาวบ้านหลาย ๆ เจ้า รวมกันเป็นสิบกิโล ตอนนั้นกิโลละประมาณเฉลี่ย 200 บาทได้ ได้เห็ดวันไหนตกเย็นก็จับรถกลับบ้านที่อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ทันทีโดยไม่รอถึงวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ที่เป็นกำหนดวันกลับบ้านทุกสัปดาห์ เพราะเห็ดสด ๆ จะมีรสหวานมากกว่าเห็ดแช่เย็น ป๊าจะชอบมากกว่า แม้ว่าเช้ารุ่งขึ้นต้องรีบออกจากบ้านเพื่อขึ้นรถเที่ยวตีห้า กลับไปสอนหนังสืออีก...ก็ยอม...เพื่อป๊า...แล้วป๊าก็ชอบเห็ดที่นั่นมากด้วย เพราะเห็ดต้นโต...เหนียวนุ่ม...ไม่เหมือนเห็ดที่อื่น...เพราะดินแถวนั้นเป็นดินภูเขาลูกเตี้ย ๆ สภาพเป็นป่าที่ยังอุดมสมบูรณ์

      พอย้ายมาอยู่แถวอำเภอสองพี่น้อง...คราวนี้อดอยากปากแห้งไปเลย...จำได้ว่าตอนเป็นครูสาวสมัยนั้น ช่วงนี้จะเป็นระยะปิดภาคเรียน ตัวเองต้องมาอยู่เวรกับเพื่อนครูด้วยกัน มีเพื่อนครูชายด้วยกันชวนไปหาซื้อเห็ดที่เมืองกาญจน์ (จังหวัดกาญจนบุรี) ดิฉันหูผึ่งขอแลกเวรกับเพื่อนครูด้วยกันทันที เพราะอยากได้เห็ดไปฝากป๊า...มารู้ทีหลังนั่นเป็นแผนการพาสาวเที่ยวของเพื่อนครูชายท่านนี้นั่นเอง

      ลองติดตามเรื่องราว...เก้าบท...อดกินเห็ด...ที่เป็นบทกลอนซึ่งดิฉันแต่งไว้เมื่อหลายปีก่อนดูไหมคะ

                                      นั่งคำนึงรำพึงวันฝนตก
                            น้องขอยกเรื่องราวกล่าวเหมือนฝัน
                            ภาพวันวานผ่านพ้นปรากฏพลัน
                            ณ ศูนย์อัญมณีที่เมืองกาญจน์

                                      เลือกดูพลอยพร้อมพรั่งอีกทั้งเห็ด
                            เราสองเข็ดเห็ดหายมลายผลาญ
                            ไม่สมคำนำอ้างนามของงาน
                            เขาเล่าขานนานมีที่เห็ดโคน

                                      จากบ่อพลอยน้อยใจไม่ได้เห็ด
                            สองเราเตร็ดเตร่เข้าผจญโผน
                            แวะเข้าชมเสือสิงห์ลิงทโมน
                             ชะนีโหนห้อยแต่งแข่งนกกา

                                       ฉันเห็นอูฐพูดล้อหัวร่อริก
                             ยีราฟจิกยอดไม้ไพรพฤกษา
                             กระจอกเทศเห็นพี่รี่เข้ามา
                             หวังใจว่าจะได้ใบไม้กิน

                                       เดินต่อไปใจหายไม่ทันคิด
                             อสรพิษเลื้อยผ่านย่านสวนหิน
                             จิตตระหนกตกใจเมื่อได้ยิน
                             งูจ้องกินอึ่งน้อยคอยกระโจน

                                       เรื่องบังเอิญเกิดขึ้นเป็นกุศล
                             เราสองคนช่วยอึ่งรอดปลอดภัยโผน
                             ประทับใจพี่เรียกเพรียกอย่าโดน
                             ระวังโคนขาน้องต้องกับงู

                                       ออกจากชมสิงห์สาและราสัตว์
                             ตะบึงตัดสู่ตลาดที่งามหรู
                             พี่ชี้ชวนนวลน้องจ้องมองดู
                             เห็ดโคนชูต้นตั้งบานตะไท

                                       แม่ค้าบอกราคาโลสามร้อยกว่า
                             น้องส่ายหน้าว่าราคาไม่เอาไหน
                             พี่ส่ายหัวบอกมัวพาน้องเที่ยวไป
                             ที่ตั้งใจอยู่เวรยามตามหมดวัน

                                       ปลอบใจน้องมาเที่ยวนี้ไม่มีเห็ด
                             ไม่ต้องเข็ดขามใจหรอกจอมขวัญ
                             เอาถั่วทอดไปกินก็แล้วกัน
                             แล้วนอนฝันกันว่าเคี้ยวเห็ดเอย........


      คืนนี้ได้มีโอกาสกลับมาอ่านบทกลอนนี้อีกครั้ง ก็ยังนั่งยิ้มเหมือนทุกครั้งที่ได้เปิดอ่าน...อ่านกลอนนี้ทีไร ก็ให้นึกถึงป๊าทุกครั้งด้วยเช่นกัน....กินแกงจืดเห็ดโคนที่ไหนก็ไม่เหมือนฝีมือของป๊าเลย....รักป๊าค่ะ....

หมายเลขบันทึก: 53034เขียนเมื่อ 2 ตุลาคม 2006 23:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 มิถุนายน 2012 19:12 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)
ได้ภูมิปัญญาแล้วครับ เรื่องของเห็ดพิษ  ขอบคุณมากครับที่นำมาแบ่งปัน
  •  สวัสดีค่ะอาจารย์ ตามรอยมาค่ะ
  • อ่านเรื่องเห็ดๆ ของอาจารย์ปวีณา แล้วอดอมยิ้มไม่ได้...อดีตหวานแบบเห็ดๆดีจัง..แล้วเค้าคนนั้นของอาจารย์ไปไหนแล้วคะ
  • นู๋ทิมไม่ซื้อเห็ดกินหรอกค่ะ ที่พิษณุโลก แพงมากกก..ขอบอก แต่ถ้ามีคนเอามาให้ชอบค่ะ...
  • ขอบคุณ คุณปวีณาที่แวะไปทักทาย
  • ขอบคุณสำหรับคำชม...เพิ่งลองหัดทำนะคะ(slide)  ซึ่งได้วิทยาทานมาจาก อาจารย์ Somtawin นะคะลองทำตามคำแนะนำของอาจารย์ดูซิคะ ไม่ยากเท่าไหร่ค่ะ
  • จะเปลี่ยนเพลงให้ฟังบ่อยๆค่ะอย่าลืมแวะมาฟังเพลงนะคะ
  • อ้อ! ยังมีอีเรื่องที่น่าสนใจค่ะด้วยความเป็นห่วง เชิญไปที่ ที่นี่ค่ะ
  • ลืมไปค่ะ เพลงของอาจารย์ก็ไพเราะค่ะ แนวนู๋ทิมเลยล่ะ
  • ขอบคุณคุณชาญวิทย์-นครศรีฯ
  • เพิ่มเติมข้อมูลจากบันทึกด้านบนนะคะ...ป๊าบอกว่า "เห็ดโคน" จะเป็นเห็ดที่ขึ้นตามธรรมชาติมากที่สุด เนื่องจากเพาะไม่ได้ (เลียนแบบไม่ได้ค่ะ) จะขึ้นเป็นที่ ๆ หากบริเวณไหนที่เห็ดเคยขึ้นในปีนี้ ปีหน้าช่วงเดือนที่เป็นหน้าของมัน มันจะขึ้นตรงที่เดิม
  • สมัยอยู่ด่านช้าง เคยมีลูกศิษย์ของดิฉันขาดเรียนไปนั่งเฝ้าเก็บ "เห็ดโคน" กับพ่อแม่ทีเดียว เพราะนำมาขายได้ราคาดี ปีหนึ่ง "เห็ดโคน" ออกครั้งเดียว
  • วันที่เห็ดออก จะสังเกตว่าเป็นช่วงวันที่ฝนตกลงมาชุก ๆ พอรุ่งขึ้นอากาศของวันนั้นร้อนระอุ ก็เดาได้เลยว่า ท่าจะมี "เห็ดโคน" ปะทุขึ้นมาจากพื้นดินบริเวณที่มันเคยขึ้น
  • เห็ดตูมจะอร่อย...รสหวานกว่าเห็ดบานค่ะ
  • ยิ่งบรรยาย...ยิ่งอยากกินเห็ดค่ะ
  • ขอบคุณคุณนู๋ทิมค่ะ
  • ตามไปอ่านเรื่องที่แนะนำแล้ว....ขอบคุณสำหรับการแบงปันและความห่วงใยกันค่ะ
  • เอาไว้ว่าง ๆ จะลองทำสไลด์ดูค่ะ
  • ต้องค่อยเป็นค่อยไป เพราะตัวเองไม่ค่อยสามารถสักเท่าไร
  • ขอบคุณในการแลกเปลี่ยนค่ะ
เธอแน่มาก ที่กล้านำสระ เ อ็ ด มาแต่งกลอน แถมสนุกด้วย
  • ขอบคุณ หน.ลำดวน ค่ะ
  • ว่าง ๆ จะลองแต่งกลอนด้วยสระ... ที่คาดไม่ถึงมาฝากอีกนะคะ
  • สวัสดีครับคุณปวีณา
  • เป็นบันทึกที่ดีมาก ๆ เลยครับ เพราะนอกจากคุณปวีณาจะเขียนได้ดีเยี่ยมแล้ว มีเกร็ดสาระและเทคนิคต่าง ๆ มากมาย ที่สำคัญที่สุดก็คือ พอเห็นบันทึกนี้แล้ว จากวันนี้ที่ผมกำลังเศร้า ๆ แทบหมดแรง เห็นบันทึกนี้ของคุณปวีณาแล้วทำให้ผมกลับมีพลังและแรงใจขึ้นมาอีกเยอะเลยครับ
  • ขอบพระคุณคุณปวีณาเป็นอย่างสูงครับที่นำสิ่งดี ๆ เช่นนี้มาเติมเต็มและต่อยอดซึ่งกันและกันเสมอครับ
  • ขอบพระคุณมากครับ
  • ขอบคุณ อ.ปภังกร ค่ะ
  • รู้สึกเขินที่อาจารย์ชื่นชม...ไม่คาดคิดว่าบันทึกนี้จะช่วยเสริมพลังและแรงใจให้กับอาจารย์ได้...ปลื้มใจมากค่ะ....เพราะตัวเองรู้สึกว่าเขียนไปตามประสาของเรา....มีคนชอบและได้แง่คิดจากบันทึกนี้ไป ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากค่ะ
  • ข้อคิดเห็นของอาจารย์ก็ช่วยให้ตัวเองเกิดกำลังใจในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการเขียนบันทึกต่อ ๆ ไปเช่นเดียวกันค่ะ
  • ขอเป็นกำลังใจให้อาจารย์นะคะ....ขอบคุณมากค่ะ
  • มีข่าวมาบอกเชิญชวนทุกท่านกันเพิ่มเติมค่ะ
  • วันนี้มีโอกาศเข้าไปที่สำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวของ จ.สุพรรณบุรี เพื่อไปขอเอกสารนำไปฝากเพื่อน ๆ
  • ทำให้ทราบข่าวการจัดงาน "เทศกาล ตุลา กินปลา กินเห็ด อาหารรสเด็ด อำเภอด่านช้าง ครั้งที่ 3" ณ ลานเอนกประสงค์ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ค่ะ
  • ผู้สนใจ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0-3559-5080,0-3595-424,03-559-5036 และ 081-867-5368 ค่ะ
  • เที่ยวนี้ดิฉันคงหาหนุ่ม ๆ ไปเที่ยวด้วยกันไม่ได้เสียแล้วล่ะค่ะ...เหลืออยู่ "หนุ่มน้อย" คนหนึ่ง....ที่คิดจะควงเขาไปเที่ยวด้วยกันก็...."ป๊า" ไงคะ
  • ขออภัยค่ะ...."โอกาส"....ไม่ใช่...."โอกาศ"....
  • มือไวไปหน่อยค่ะ....เดี๋ยวคุณครูที่สอนภาษาไทยตอนชั้นมัธยมฯ จะมาขอเกรดคืนค่ะ
  • เชิญชวนมาชิมเห็ดของ อ.ด่านช้างกันนะคะ
  • ดิฉันก็ว่าจะไปลองดู ว่ายังอร่อยเหมือนเดิมไหม
  • แต่ไม่แน่ใจว่าจะราคาสูงขนาดไหน...เพราะน้องที่สำนักงานฯ ท่องเที่ยว บอกว่าเดี๋ยวนี้มีนายทุนไปดักรอกว้านซื้อจากชาวบ้านที่เพิ่งลงมาจากเขา...แล้วนำมาขายอีกทอดหนึ่ง...จึงทำให้ราคาสูง
  • ยังไงตัวเองก็ถือโอกาสพาพ่อเที่ยวซะก็แล้วกัน
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท