ดร.อุทัย อันพิมพ์
ดร. อุทัย ดร.อุทัย อันพิมพ์ อันพิมพ์

ดินดีเพราะหญ้ายัง


ดิน คือทรัพยากรที่เป็นแหล่งกำเนิดแห่งปัจจัย 4 สำหรับหล่อเลี้ยงประชากรกรโลก ดังนั้นพี่น้องเราชาวเกษตรประณีตจึงเห็นคุณค่ายิ่งในการที่จะอนุรักษ์ และหวงแหน

 ดินดีเพราะหญ้ายัง         ดินยังเพราะหญ้าปกเป็นอีกหนึ่งสำนวนที่มักจะกล่าวถึงในเรื่องของการอนุรักษ์ดิน ซึ่งพี่น้องเกษตรกรจะเชื่อและสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ อีกทั้งถือได้ว่าเป็นตัวชี้วัด (Indicator)  ในเรื่องของความอุดมสมบูรณ์  กล่าวคือ บริเวณใดที่มีหญ้าหรือวัชพืชขึ้นปกคลุมแสดงว่าดินบริเวณนั้นดี หรือมีความอุดมสมบูรณ์ และถ้ายิ่งขึ้นมากยิ่งมีความสมบูรณ์มากเท่านั้น

การเลือกพื้นที่ทำการเกษตร  จากที่ผมเคยเรียนให้พี่น้อง KM ได้ทราบในเบื้องต้นแล้วครับว่า โอกาสในการที่จะเลือกพื้นที่ในการทำการเกษตรนั้น ณ เวลานี้คงเป็นเรื่องที่ยากในการที่จะเลือก เนื่องจากที่ดินมีในปริมาณที่จำกัด ที่ดีๆ ทำเลดีๆ  มักจะถูกเลือกไปทำอย่างอื่นๆ หรือถ้าที่ดีๆ (อุดมสมบูรณ์) หากยังพอมีก็คงอยู่ไกลโขทีเดียว และเมื่อหลายปีที่แล้วอาจารย์ของผมเคยเล่าให้ฟังว่า ในการการตั้งวิทยาลัยเกษตรกรรม หรือมหาวิทยาลัยที่มีคณะเกษตรอยู่ด้วย แน่นอนพื้นที่ที่เขาจะจัดสรรให้ในการดำเนินการก็คือ พื้นที่ที่เลวที่สุดของพื้นที่  ดังนั้นเราจะทำอย่างไรกับพื้นที่ที่เรามีอยู่เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เกษตรประณีตต้องทำอย่างไรกับดิน แน่นอนครับจากที่ผมได้มีโอกาสได้ไปพูดคุย แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับปราชญ์ชาวบ้านอีสานหลายท่านมักจะพูดเป็นคำเดียวกันเสมอว่า หัวใจสำคัญในการปลูกพืชรองจากน้ำแล้วก็คือ ดิน  ดังนั้นในการปลูกพืชเราต้องให้ความสำคัญกับดินให้มากๆ เราจะต้องปรับปรุงคุณภาพของดินให้มีความเหมาะสมต่อการปลูกพืชชนิดนั้นๆ

ทำดินให้ดีขึ้นอย่างไร  ในแนวทางเกษตรประณีตพี่น้องส่วนใหญ่จะเน้นการเกื้อกูลซึ่งกันและกันเป็นหลัก เช่น การปลูกพืชตระกูลถั่วแซมระหว่างแปลงปลูกพืชชนิดอื่นๆ ซึ่งพืชตระกูลถั่วจะสามารถตรึงธาตุไนโตรเจน (Nitrogen) ที่มีอยู่ในอากาศมาสะสมไว้ในราก และปลดปล่อยสำหรับพืชเกื้อกูลชนิดอื่นๆ หรือกระทั่งการปลูกหญ้าหรือวัชพืชอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในแปลง รวมทั้งใบพืชอื่นๆ ที่สามารถนำไปเป็นอาหารเลี้ยงสัตว์เพื่อเปลี่ยนสภาพมาปุ๋ยบำรุงดินต่อไป ซึ่งในการดำเนินงานเราจะทำแบบเข้มข้น และต่อเนื่อง

ทำให้ดินมีชีวิต  พี่น้องเกษตรประณีตมักจะกล่าวกันเสมอว่าพืชจะมีชีวิตอยู่ได้ และสวยงาม ดินก็ต้องมีชีวิตด้วยเช่นกัน เมื่อผมได้ยินครั้งแรกผมก็งง แต่พอได้ยินคำอธิบายเพิ่มเติมก็ถึงบางอ้อ คำว่าดินมีชีวิตก็หมายความว่าในดินมีจุลินทรีย์ และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ไส้เดือน แมงกระชอน ซึ่งสิ่งมีชีวิตต่างๆ เหล่านี้จะช่วยย่อยเศษซากพืชให้เป็นปุ๋ยชั้นดีสำหรับต้นพืช อีกทั้งการพรวนดินของไส้เดือน แมงกระชอน ทำให้ดินร่วนซุย รากพืชสามารถหายใจ และหาอาหารได้สะดวก จึงทำให้มีความเหมาะสมต่อการเจริญของพืชเป็นอย่างดี  แล้วดินท่านละ มีชีวิตหรือยัง ?

ขอบคุณครับ

อุทัย   อันพิมพ์

2 ตุลาคม 2549

หมายเลขบันทึก: 52999เขียนเมื่อ 2 ตุลาคม 2006 17:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 08:15 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

อยาลืมว่าคำแรกคือ ดินดีเพราะป่าปก

และคำสุดท้ายคือ ดินดีเพราะหญ้าบัง

นี่คือทางเลือกที่มีข้อแรกและข้อสุดท้าย(ที่ไม่มีทางเลือกมากนัก แต่ถ้ามีละ จะเลือกไหม คงไม่มีใครเลือกป่าหญ้าแน่ถ้ามีให้เลือก แต่ก็ดีกว่าไม่มีหญ้าซะเลย

ดินดีที่แท้จริงคือดินที่มีชีวิต เหมือนคนดีก็ต้องมีชีวิตเสียก่อน ไม่มีใครหรอกที่ไม่เคยมีชีวิตแต่มีคนนับถือว่าเป็นคนดี แม้แต่การนับถือผีนั้น ในใจคนที่นับถือก็ถือว่าผีมีชีวิตเช่นกัน

ทีนี้อะไรคือดินที่มีชีวิต ไม่ใข่แค่ดินมีสิ่งมีชีวิตแล้วจะเป็นดินมีชีวิต เหมือนคนหรือสัตว์ที่ไม่มีตายแต่มีหนอน จุลินทรีย์ขึ้นเต็มไปหมด ถือว่ามีชีวิตหรือไม่ ก็ไม่ใช่

แล้วยังไงละครับ

คนมีชีวิตคือคนที่มีระบบการทำงานของร่างกายทำงานอย่างสอดคล้องกัน เป็นปกติ ถ้าไม่ปกติก็จะแสดงอาการเจ็บป่วย หรือบางทีก็ติดยาเสพติด ก็เป็นอาการป่วยอีกแบบหนึ่ง และถ้ามีระบบบางระบบหรือหลายระบบไม่ทำงานก็คือตาย

ถ้าเข้าใจแล้ว

มาพิจารณาดูดินที่มีชีวิต ดินป่วย และดินตายได้ว่าเป็นอย่างไร

เรากำลังอยู่กับดินแบบไหน เรากำลังทำงานอะไร เพื่ออะไร

ลองคิดดูแล้วตอบคำถามนี้ แล้วคุณก็จะไม่หลงทางไปไกลเกินไป

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท