จาก “ความสุขมวลรวมประชาชาติ” ของภูฏาน สู่อุดมการณ์ “สังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน” ของไทย (ต่อ)


ถึงเวลาทำดัชนีชี้วัดความสุขให้ใช้งานได้อย่างมีคุณประโยชน์แท้จริง

                เรื่องสำคัญมากอีกเรื่องหนึ่งที่ควรลงมือทำอย่างจริงจัง คือการพัฒนาดัชนีชี้วัดความสุข ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีคุณประโยชน์แท้จริง โดยเป็นที่ยอมรับร่วมกันของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย

                จะทำให้เกิดผลเช่นนี้ได้ ต้องจัดกระบวนการให้ผู้เกี่ยวข้องที่สำคัญๆทั้งหมดมาร่วมมือประสานงานกันในความพยายามร่วมกัน

                ในการนี้ควรต้องให้ความสำคัญต่อภาคประชาชน ภาคชุมชน และภาคท้องถิ่น ให้มากเป็นพิเศษ เพราะภาคเหล่านี้เป็นเป้าหมายสำคัญของการพัฒนา และควรเป็น ตัวตั้ง ในการวัด ความสุข หรือ ความอยู่เย็นเป็นสุข ดังนั้น การกำหนดตัวชี้วัดหรือดัชนีชี้วัด จึงควรต้องให้ประชาชน ชุมชน และท้องถิ่น มีบทบาทสำคัญทั้งในการให้ข้อมูลและความคิดเห็น ในการให้ความเห็นชอบต่อระบบและวิธีการที่จะนำมาใช้ ในการนำระบบและวิธีการที่ตกลงกันมาประยุกต์ใช้จริง และในการติดตามผล พร้อมกับการศึกษาเรียนรู้และพัฒนาต่อไปอย่างต่อเนื่อง

                เรื่องดัชนีชี้วัดความสุขนี้ กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆในระดับนานาชาติ ดังนั้น ประเทศไทยจึงสามารถทำเรื่องนี้ของเราไป พร้อมๆกับการศึกษาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้ปฏิบัติและผู้สนใจในประเทศอื่นๆด้วย ซึ่งแน่นอนย่อมรวมถึงประเทศภูฏานที่ได้พยายามพัฒนาดัชนีชี้วัดความสุขทั้งที่เป็นเชิง ภววิสัย (ภาวะเป็นสุข) และเชิงอัตวิสัย (ความรู้สึกสุข) อยู่แล้ว

                ที่สำคัญ ควรมองเรื่องดัชนีชี้วัดความสุขหรือความอยู่เย็นเป็นสุข เป็น เครื่องมือ หรือเป็น กุศโลบาย ให้เกิดการตื่นตัว การพัฒนาความคิด การพัฒนาทัศนคติ การพัฒนาศาสตร์และศิลป์ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการสร้างการมีส่วนร่วมและการร่วมมือประสานงานระหว่างผู้เกี่ยวข้อง อันจะนำไปสู่การร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมเรียนรู้ และร่วมปรับปรุงพัฒนา อย่างต่อเนื่อง

                การใช้ดัชนีชี้วัดความสุขหรือความอยู่เย็นเป็นสุข เป็น เครื่องมือ หรือ กุศโลบาย เช่นนี้ สำคัญกว่า มีคุณค่ามากกว่า และเป็นประโยชน์มากกว่าการมีดัชนีชี้วัดที่ถูกต้องสมบูรณ์ ซึ่งการจะสร้างความถูกต้องสมบูรณ์ของดัชนีชี้วัดที่ว่านี้ ย่อมยากมากอยู่แล้ว และถ้าจะหาข้อสรุปที่เห็นพ้องต้องกันในระหว่างผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย ก็ย่อมยากมากยิ่งขึ้นไปอีก

                ดังนั้นจึงไม่ควรมุ่งหาดัชนีชี้วัดที่ถูกต้องสมบูรณ์ แต่ควรมุ่งสร้าง เครื่องมือ ที่สามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ดีในระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย จะเป็นประโยชน์คุ้มค่าและมีความเหมาะสมกว่ามาก

การลงทุนที่คุ้มค่า

                กล่าวโดยสรุป ถ้าคณะ ตามล่าหา GNH ที่เดินทางไปประเทศภูฏานรวม 5 วัน สามารถช่วยกันทำให้มีการดำเนินการใน 2 เรื่องใหญ่ที่เสนอมาข้างต้น คือ 

                (1) การร่วมมือประสานงานอย่างจริงจังและต่อเนื่องภายใต้อุดมการณ์และยุทธศาสตร์ของแผนฯ 10 ในระหว่างผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย และ 

                (2) การร่วมมือประสานงานในระหว่างผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายเพื่อพัฒนาดัชนีชี้วัดความสุขหรือความอยู่เย็นเป็นสุขจนสามารถนำมาใช้ร่วมกันได้อย่างเป็นประโยชน์และต่อเนื่อง 

                ถ้าทั้ง 2 เรื่องนี้เกิดได้จริง ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่คณะผู้ ตามล่าหา GNH ดังกล่าวต้องใช้ไป ก็จะคุ้มเกินคุ้มหลายตลบ
คำสำคัญ (Tags): #การพัฒนาสังคม
หมายเลขบันทึก: 52976เขียนเมื่อ 2 ตุลาคม 2006 15:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 พฤษภาคม 2012 14:03 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
ไม่ทราบว่าตอนนี้มีผู้ทำวิจัยเกี่ยวกับความสุข หลายหน่วยงานไหมค่ะ เช่นที่ใดบ้างค่ะ รบกวนเมลตอบก็ได้ค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท