หน้าแรก
สมาชิก
The Kop
สมุด
พรุ่งนี้แล้วสินะส...
ความรู้เกี่ยวกับผ...
The Kop
Miss Pairama Nakasurakun
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
ความรู้เกี่ยวกับผึ้งครั้งที่8
ไวน์นำผึ้ง
ไวน์น้ำผึ้ง
น้ำผึ้งที่มีคุณภาพต่ำ คือมีความเข้มข้นของน้ำตาลต่ำกว่า
78 %
เก็บไว้จะเกิดการบูดได้ง่าย จึงจำเป็นที่จะต้องนำมาแปรรูปเพื่อให้เกิดประโยชน์คือทำน้ำผึ้งพร้อมดื่ม นำน้ำผึ้งไป ดูดน้ำออก นำไปให้ผึ้งกิน นำไปผสมผลิตภัณฑ์ชนิดอื่น นำไปทำไวน์น้ำผึ้งและอื่นๆ
ไวน์น้ำผึ้ง โดยธรรมชาติแล้ว น้ำผึ้งที่มีปริมาณน้ำในน้ำผึ้งมากกว่า
22 %
จะเกิดการหมักด้วยยิสต์จากธรรมชาติ ทำให้เกิดแอลกอฮอล์ขึ้น ถ้ามีการใช้สายพันธ์ยิสต์ที่ดี ขบวนการหมักที่เหมาะสม จะได้ไวน์ที่มีคุณภาพสูงและรสชาติดี
ไวน์ที่มีแอลกอฮอล์สูง จะหมักสารละลายน้ำผึ้ง ที่มีความเข้มข้นของน้ำตาล
22 %
เป็นเวลา
3
สัปดาห์ ไวน์หวานจะหมักสารละลายน้ำผึ้งที่มีความเข้มข้นของน้ำตาล
25 %
เป็นเวลา
4
สัปดาห์
น้ำผึ้ง เป็นผลิตภัณฑ์ผึ้งชนิดหนึ่ง ที่ได้จากการเลี้ยงผึ้งพันธ์ ปริมาณผึ้งพันธ์ที่เลี้ยงมีมากกว่า
200,000
รัง สามารถผลิตน้ำผึ้งได้มากกว่า
10,000
ตัน/ปี สร้างรายได้มากกว่า
1,000
ล้านบาท/ปี น้ำผึ้งส่วนใหญ่ ถูกใช้เพื่อการบริโภคโดยตรง ไม่มีการแปรรูปแต่อย่างใด การแปรรูปน้ำผึ้งให้เป็นไวน์น้ำผึ้ง เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเพื่มมูลค่าของน้ำผึ้งให้สูงขึ้นและเป็นการเพิ่มช่องทาง จำหน่ายน้ำผึ้งให้กว้างขวางขึ้น
น้ำผึ้ง เป็นที่นิยมของต่างประเทศ ทั้งทวีปเอเชียและยุโรป และในประเทศไทยเอง เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนไทยมากขึ้น เห็นได้จากข้อมูลการนำเข้าผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ รวมมูลค่าสูงถึง
40,000
ล้านบาท มูลค่าของตลาดเครื่องดื่มประเภทนี้มีการซื้อขายกันในวงเงินกว่า หนึ่งแสนกว่าเจ็ดหมื่นล้านบาท โดยเป็นส่วนบ่งของตลาดไวน์ บรั่นดี แชมเปญ ประมาณสองหมื่นล้านบาท
ในรอบห้าปีที่ผ่านมา คนไทยมีอัตราการบริโภคเครื่องดื่มประเภทนี้ สูงเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ
15
ต่อปี
(
เฉลี่ย
30
ลิตร/คน/ปี) สูงกว่าการเจริญเติบโตของธุรกิจใดๆ ในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ อย่างไรก็ตามถ้ามองให้ลึกลงไปแล้ว กลับพบว่า อัตราการเพิ่มขึ้นของการน้ำเข้าไวน์และวิสกี้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ
30
ต่อปี ในปี
2543
มีการเปิดเสรีในธุรกิจการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บางประเภท เช่นวิสกี้ บรั่นดี ไวน์ และเบียร์ ทำให้มีการแข่งขันกันทั้งในด้านการปรับปรุงคุณภาพ และราคามากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมีโอกาสเลือกบริโภคเหล้าดี มีคุณภาพ ราคาถูกมากยิ่งขึ้น
ในปี
2543
กรมสรรพสามิตได้เปิดเสรีในการผลิตไวน์ ทำให้โอกาสในการเลือกประกอบอาชีพในการผลิตไวน์น้ำผึ้งมีความเป็นไปได้สูง การฝึกอบรมการผลิตไวน์น้ำผึ้งจะเป็นการนำเสนอทางเลือกของการประกอบอาชีพ ที่มีความเป็นไปได้จริงในเชิงธุรกิจ ทำให้เกิดการพัฒนาศักยภาพของชุมชนแบบยั่งยืนได้ นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการรายใหม่ ที่สนใจลงทุนในการผลิตเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ได้มีโอกาสศึกษาแนวทางและความเป็นไปได้ ใน
การลงทุนผลิตต่อไป
การผลิตไวน์น้ำผึ้ง มีอยู่หลายขั้นตอน การผลิตไวน์ขั้นต้น เป็นขั้นตอนเบื้องต้นที่สำคัญที่จะทำให้ได้ไวน์ที่มีคุณภาพ กรรมวิธีการผลิตเบื้องต้นที่ดี ย่อมที่จะได้ไวน์ที่มีคุณภาพในขั้นตอนผลิตต่อไป
ปัจจุบันคนไทยตื่นตัวต่อต่อการดื่มไวน์มาก นิยมดื่มไวน์องุ่นที่นำเข้าจากต่างประทศ พบว่า ในปี
2536
มีการนำเข้าไวน์
2.17
ล้านลิตร และในปี
2537
ปริมาณนำเข้าเพิ่มขึ้น เป็น
3.28
ล้านลิตร หรือเพิ่มขึ้นจากเดิม
1.11
ล้านลิตร คิดเป็น
51 %
และในอนาคต มีแนวโน้มโน้มว่าจะมี การนำเข้าและปริโภคไวน์ต่างประเทศเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้ประเทศไทยต้องเสียเปรียบดุลการค้ามาก เห็นควงที่จะต้องส่งเสริมการผลิตและการพัฒนาคุณภาพคูรภาพไวน์ผลไม้ของไทย เพื่อเป็นแนวทางสู่อุตสาหกรรมภายในประเทศ ถ้าหากผลิตไวน์ได้คุณภาพดี อาจเป็นสินค้าส่งออกต่างประเทศได้ในอนาคต
ไวน์เป็นเครื่องดื่มประเภทสุราแช่หรือเมรัย ไม่มีการกลั่น ผลิตจากการหมักน้ำองุ่น แต่ผลไม้ทุกชนิดก็จะใช้ทำไวน์ได้ทั้งนั้น โดยระบุชื่อชนิดของผลไม้ เช่นไวน์สับประรด ไวน์มะยม ไวน์กระเจี๊ยบ ไวน์ลิ้นจี่และอื่นๆ อีกมากมายหลายชนิด โดยทั่วไป จะประกอบไปด้วยเอทิลแอลกอฮอล์
8 - 18 %
น้ำตาล คาร์โบไฮเดรต โพลีฟีนอล อัลดีไฮด์ คีโตน เอนไซม์ สรให้สี ไวตามินและแร่ธาตุต่างๆ ไม่น้อยกว่า
20
ชนิด นอกจากนี้ ยังมีกรดอินทรีย์มากกว่า
22
ชนิด รวมทั้งสารอื่นๆ ที่ยังไม่ได้จำแนก ไวน์จัดเป็นเครื่องดื่ม ที่มีประโยชน์กับร่างกาย โดยทั่วไป แล้วไวน์วันละ
1-2
แก้ว จะช่วยลดปริมาณคลอเรสเตอรอลในโลหิตและป้องกันโรคหัวใจ นอกจานี้ วิตามินแร่ธาตุและสารอาหารต่างๆ ในน้ำผลไม้ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย
ประโยชน์ของไวน์ คือ ให้แคลอรี่และวิตามิน ช่วยเจริญอาหาร ใช้ในการปรุงอหาร บำบัดความเจ็บป่วยของโรคบางชนิด ระงับความตื่นเต้นหรือความกังวลใจ ขยายเส้นเลือดสำหรับคนไข้ ความดันโลหิตสูง ขับปัสสาวะเป็นต้น
ชนิดของไวน์ แบ่งออกอย่างกว้างๆ เป็น
2
ชนิด คือ
ไวน์ธรรมดา
คือไวน์ที่ได้จากการหมักผลไม้ จนสมบูรณ์ โดยน้ำตาลในผลไม้ถูกเปลี่ยนเป็นแอลกอฮอล์
9 - 14 %
จนถือได้ว่ามีน้ำตาลเหลืออยู่เลย ไวน์ชนิดนี้สามารถเก็บไว้ได้นานโดยไม่เสื่อมเสีย เนื่องจากขาดน้ำตาลและแร่ธาตุสำหรับจุลินทรีย์ปนเปื้อนอื่น ๆ โดยไวน์หวานจะมีรสหวานเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย ไวน์มีอยู่
3
สี ตามวัตถุดิบผลไม้ที่ใช้ทำคือ สีแดง ชมพู และสีขาว
ไวน์อย่างแรง
ไวน์ชนิดนี้ มีแอลกอฮอล์สูงถึง
14 - 21 %
โดยมีกรเติมบรั่นดีลงไป เพื่อเพิ่มปริมาณแอลกอฮอล์ให้สูงขึ้น เพื่อระงับการเจริญของเชื้อจุลินทรีย์ปนเปื้อนที่อาจเกิดขึ้น ในขณะเก็บรักษาไวน์ไว้นาน ๆ ไวน์ชนิดนี้ มักจะมีรสหวานเนื่องจากมีการเติมน้ำตาลลงไป หลังจากการมักสิ้นสุดลงหรือเกิดการหมักคำนวณ เพื่อให้ปริมาณน้ำตาลหลงเหลืออยู่ในไวน์ในปริมาณสูง ไวน์ชนิดนี้ แบ่งออกตามกลิ่นรสได้แก่ ไวน์หวาน เชอรี่ และไวน์ผสมเครื่องเทศหรือสมุนไพร
วันนี้ส่วนมากก็นำบคความเกี่ยวกับน้ำผึ้งมาให้อ่านแล้วจึงนำไวน์น้ำผึ้งซึ่งเป็นอีกผลิตภัณต์หนึ่งที่ทำจากน้ำผึ้งมาให้อ่าน และสำหรับผู้ที่อยากลองซื้อไปดื่มหาซื้อได้ที่วัดใหญ่ก็มีนะค่ะ
แหล่งที่มาของความรู้
http://www.ist.cmu.ac.th/riseat/nl/
2002/04/03.
php
เขียนใน
GotoKnow
โดย
The Kop
ใน
พรุ่งนี้แล้วสินะสอบเลี้ยงผึ้ง
คำสำคัญ (Tags):
#ไปรมา
#นิสิตวิชาการเลี้ยงผึ้ง
#มหาวิทยาลัยนเรศวร
หมายเลขบันทึก: 52927
เขียนเมื่อ 2 ตุลาคม 2006 12:12 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 21 มีนาคม 2012 22:11 น. (
)
สัญญาอนุญาต:
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
The Kop
สมุด
พรุ่งนี้แล้วสินะส...
ความรู้เกี่ยวกับผ...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท