วันนี้นึกถึงคำเม้มริมฝีปาก จากหนังสือชุดบ้านเล็กในป่าใหญ่ที่คุณ สุคนธรส แปลจาก หนังสือชุดบ้านเล็ก โดย ลอรา อิงกัลล์ล์ ไวล์เดอร์
สาเหตุที่ทำให้คิดถึงคำๆนี้ เกิดจาก การทบทวนเรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามา สิ่งที่ทำแล้วหาทางออกไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับคน การคิดหาทางออกแบบแตกหักเป็นเรื่องง่าย แต่แตกหักแล้วได้ประโยชน์อะไรก็กลายเป็นเรื่องต้องคิดทบทวนให้มาก ยิ่งเมื่อมีความเชื่อในเรื่องของ ความเกื้อกูลกัน การอยู่ร่วมกันในสังคม ยิ่งทำให้ต้องคิดให้มาก คิดให้รอบด้านก่อนที่จะตัดสินใจ
เวลาเจอเรื่องต้องคิด ไม่ว่า จากคำพูดที่ไม่ทบทวนก่อนของผู้ที่ต้องทำงานด้วย ฟังแล้วก็ต้องยั้งคิด ยั้งใจคิด บอกตัวเองว่า ฟังหนอๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องใช้อารมณ์ไปกำกับสิ่งที่ได้ยิน
พอนึกถึงคำว่าเม้มริมผีปาก ก็เลยนึกถึงต่อถึงความอดทนของคนที่ผ่านทุกข์ร้อนมามากกว่า ก็ทำให้เกิดกำลังใจที่จะอดทนในการแก้ปัญหา
ความอดทนแก้ปัญหาสิ่งแรกที่ต้องทำก็คืออดทนที่จะนิ่ง บอกตัวเองให้นิ่ง ไม่หวั่นไหวไปกับสิ่งที่ได้ยิน คำพูดของคนเป็นเพียงลม จับต้องไม่ได้ก็ไม่ต้องเก็บมาทำร้ายตัวเอง และพยายามเม้มริมฝีปาก เพื่อจะไม่ต่อกรผสมอารมณ์ลงไปให้ความนิ่งนั้นเกิดตะกอน
เม้มริมฝีปากเสียก่อน ..แล้วค่อยๆ แก้ปัญหาด้วยปัญญาให้ดีขึ้น เพราะหน้าที่ของตัวเราก็คือแก้ที่ตัวเราไม่ใช่ที่ผู้อื่น เลยต้องเตือนตัวเองว่า...หยุดปากคนอื่นไม่ได้ก็เม้มปากตัวเองเสียดีกว่า
ขอบคุณค่ะ คุณ Bright Lily และคุณกัลปังหา
ขอบคุณสำหรับกำลังใจและการต่อยอดทางปัญญาและอารมณ์ค่ะ..