ได้หายหน้าหายตาจากการเขียนบันทึกประมาณ 3 เดือน เพราะต้องทำงานวิจัยเรื่องการเตรียมน้ำยาตรวจครีอะตินิน ถึงตอนนี้ก็ยังไม่เสร็จ(รายละเอียดอยู่ในบันทึกถัดไป)ต้องพักไว้ก่อน (ปวดหัวมาก) ที่ได้มาเขียนบันทึกก็เพราะช่วงนี้ลูกทั้ง 2 คน (น้องใบเตยและน้องต้นตาล)ไม่อยู่ ได้ไปอยู่ที่บ้านปู่กับย่าที่พัทลุงตั้งแต่วันเสาร์เลยมีเวลามานั่งอ่านและเขียนบันทึก ถ้าสองคนนั้นอยู่ก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ต้องเล่นกับเขาตลอด (แต่ที่จริงผมชอบเล่นกับเขามากกว่า) ตอนนี้ผมอยู่กับภรรยาสองคน บ้านเงียบมากดูน่ากลัวยังงั็ยไม่รู้(หรือผมจะกลัวภรรยา) ผมเป็นคนติดลูกมากตอนเย็นโทรศัพท์ไปหาลูก ลูกไม่ถามถึงพ่อกับแม่เลย(แสดงว่าลูกไม่ติดพ่อและแม่เลย) สงสัยผมต้องสอนลูกใหม่เสียแล้ว ตอนวันอาทิตย์ก็มีเวลาว่างมากขึ้นผมกับภรรยาได้ไปทำสวนตั้งแต่ตอนเช้า กลับมาบ้านตอนเที่ยงก็เงียบจริงๆ สงสัยผมต้องหาอะไรๆทำเผื่อที่จะหายคิดถึงลูก เลยมานั่งเขียนบันทึก
ระยะหลังไม่ค่อยมีเวลามาเขียนบันทึกรู้สึกมีการเปลี่ยนแปลงไปมากกลับมาเขียนไม่ค่อยถูก แต่ยังมีกุนซือช่วยบอก ไม่ต้องบอกนะครับว่ากุนซือคือใคร
อ.ปารมีคะ นายดำเขาตั้งใจค่ะ เราเกลี้ยกล่อมแล้ว เขายืนยันว่าตั้งใจใช้รูปนี้ค่ะ ไม่ทราบจะเปลี่ยนใจไหมถ้าเล่าให้ฟังว่า คนอ่านบันทึกคุณศิริ คิดว่านายดำคือคนขับรถของคุณศิริ
ขอบอกผู้อ่านท่านอื่นๆว่า"นายดำ" เป็นนักทำงานนักคิด นักวิจารณ์ที่ตรงไปตรงมาซึ่งพวกเราชาวเคมีฯภาคภูมิใจ และที่แน่ๆยืนยันได้จากบันทึกนี้ คือเป็นคุณพ่อที่น่ารักมากค่ะ ขอทำนายว่า อีกไม่ถึงสัปดาห์คุณลูกทั้งสองก็จะร้องกลับมาหาพ่อค่ะ (คุณแม่เป็นของแถม)
อาจารย์ปารมีค๊ะ ภาพนี้นายดำตั้งใจถ่ายมากๆ เลยค่ะ เป็นภาพที่ถ่ายโดยตั้งเวลา นายดำหา Location และระยะ Focus อยู่ตั้งนานสองนาน ถ่ายลองผิดลองถูกหมดไปหลายภาพเชียวน๊ะค๊ะ ผู้เขียนจะถ่ายให้ก็ไม่เอา
พี่โอ๋ค๊ะ นายดำเป็นคนขับรถที่ดีมากเลยค่ะ ทั้งขับรถแถมทำอาหาร เลี้ยงลูก ฯ....
แต่สำหรับน้องใบเตยและต้นตาลจะโทรร้องกลับมาหาพ่อหรือเปล่า อันนี้ไม่แนใจ แต่ที่แน่ ๆ นายดำทำท่าจะไปรับกลับบ้านซะเองแล้วค่ะ ด้วยความคิดถึงอย่างแรง
ขอบคุณพี่โอ๋ ที่เขียนชมครับ ตอนนี้เดินกลับบ้านไม่ถูกเลยครับ
ส่วนน้องใบเตยกับน้องต้นตาล ตอนนี้ต้องให้คุณพ่อกับคุณแม่โทรหาทุกวันก่อนนอน ทำให้พ่อกับแม่ใจชื้นขึ้นมาหน่อย นึกว่าจะลืมพ่อกับแม่เสียแล้ว