วันก่อนเขียนเรื่องคนไทยกับการเขียนบันทึกไปแล้ว วันนี้มาว่าเรื่องคนไทยกับการอ่านกันบ้าง ผมเห็นว่าคนไทยโดยเฉลี่ยนั้น ยังอ่านหนังสือกันน้อย
นายกทักษิณนั้นเป็น Presenter ของนักอ่านที่ดีคนหนึ่ง และในเครือข่ายของ สคส. ผมสังเกตเห็นอาจารย์หมอวิจารณ์และดร.วิบูลย์ของผม ก็ชอบเอาหนังสือมาแนะนำ คนแนะนำหนังสือก็ต้องอ่านหนังสือ (และคนอ่านหนังสือมากควรเขียนหนังสือเก่งด้วย..จริงหรือไม่ ผมว่าน่าจะจริง และเขียนหนังสือได้เป็นธรรมชาติด้วย...แต่ไม่ทุกคน)
บางคนอาจจะอยากเถียงผมว่า ในมหาวิทยาลัยหรือในห้องสมุดมีคนอ่านหนังสือกันเพียบเลย.. ข้อนั้นผมคงไม่เถียง ผมสังเกตเห็นว่าคนที่อยู่ในเมืองอาจจะอ่านหนังสือเฉลี่ยกันมากหน่อย แต่ถ้าเป็นคนที่อยู่ในชนบทแล้วอ่านหนังสือกันน้อยมาก
ถ้าเราอ่านหนังสือน้อย ความคิดเราไม่กว้างไกล ก็ตามคนอื่นเขายากครับ.....
ผมเคยเดินทางไม่บ่อยนัก แต่เดินทางมาเกือบทุกแบบ รถยนต์ รถโดยสาร (ชั้น 1-3) รถไฟ (ชั้น 1-3), เครื่องบิน ถ้าพบฝรั่งนั่งรอโดยสารอยู่ จะพบว่าเขามีหนังสือมาอ่าน ถ้าพบ 10 คน จะอ่านหนังสือเกิน 5 คน (ที่ไม่ได้อ่านเพราะเขาคุยกับคนอื่นอยู่ แต่ถ้าอยู่คนเดียวเขาก็จะอ่าน)
ถ้าอยู่บนยานพาหนะ ที่ต้องใช้เวลาเดินทางนาน ๆ เขาก็จะอ่านหนังสือ
แต่ถ้าเป็นคนไทยแล้ว โอกาสที่เห็นอ่านหนังสือบนยานพาหนะหรือระหว่างรออะไรก็ตาม ผมคำนวณดูว่า ไม่เกิน 10 % หรอกครับ........
ทำอย่างไร? จึงจะทำให้คนไทยมีนิสัยรักการอ่าน
เพราะการอ่านเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ตลอดชีวิต.....ครับ
คนไทยในชนบทอ่านหนังสือกันน้อย ก็เพราะวิถีชีวิตของเขาพึ่งพาหนังสือในการดำรงชีวิตน้อยกว่าคนไทยในเมือง เขาสามารถเรียนรู้และฝึกฝน จากคำสอนคำบอกเล่า จากธรรมชาติ และจากสังคมได้โดยตรง ดังนั้น การจะอ่านหนังสือหรือไม่ จึงไม่ใช่เรื่องสำคัญ
ต่อเมื่อเขาเข้ามาใช้ชีวิตในเมือง ความจำเป็นที่เขาจะต้องอ่านหนังสือมีมากขึ้น ไม่เพียงเพื่อปรับปรุงอาชีพของเขาเอง แต่เพื่อให้เอาตัวรอดได้ในสังคม
หากชนบทเปลี่ยนไปในทางพึ่งพาหนังสือมากขึ้น คนไทยในชนบทก็จำเป็นอยู่เองที่จะต้องอ่านหนังสือมากขึ้น
การสร้างวัฒนธรรมของการอ่านไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ ตามความต้องการและนโยบายของใคร หรือให้ใครมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่มันจะเกิดขึ้นเมื่อสังคมได้เปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมแห่งการเรียนรู้นั่นด้วยตัวของมันเอง
ขอคุณผู้แสดงข้อคิดเห็นทุกท่านครับ เป็นเวที ลปรร.และมีมุมมองที่ต่างมุมน่าสนใจทั้งนี้นครับ
ผมแย้งอาจารย์อีกนิด
(รู้สึกว่าจะบ่อยช่วงนี้) ในชนบทก็มีคนอ่านหนังสือเยอะนะครับ
แถวบ้านอาชีพกรีดยางจะว่างในช่วงบ่าย-ค่ำ
แต่เขาจะนอนเร็วเพื่อตื่นตอนดึก (เขาตื่นผมพอเริ่มคิดจะนอน)
เขาจะได้อ่านหนังสือกัน โดยหนังสือที่บ้านผมจะถูกยืมไปบ่อยมาก
(คนยืมเขียนลงสมุดไว้ว่าเอาเล่มไหนไป) มีหลาย ๆ รส
โดยเฉพาะหนังสือแจกจากส่วนราชการผมเก็บมาหมด
เดี่ยวผมจะพูดเชิงเศรษฐศาสตร์
ด้วยผมเชื่อว่าการอ่านหนังสือเป็นได้ทั้ง Supplier induce Demand
และกลับกันได้ทั้ง 2 ทางครับ จึงได้เปิดให้ทุกคนมาหาหนังสืออ่านได้
(ผู้ใหญ่ฯกำลังหาที่อยู่ เพราะผมบอกจะบริจาคให้ทั้งหมด
ถ้าพิสูจน์ให้ผมเชื่อว่าจะมีการดูแลรักษากันดี ๆ
และตอนนี้เยาวชนที่เรียน กศน.
ก็เป็นเจ้าภาพในการเรียนรู้วิธีการที่จะเป็นบรรณารักษ์ชุมชนอยู่ครับ
แต่ไม่ทราบจะสำเร็จหรือไม่ นึกขึ้นได้
พรุ่งนี้จะแวะถามข่าวผู้ใหญ่เสียเลย)
กรณีในเมืองผมไปประชุมบ่อย ไ ที่ กทม.
ว่างก็แวะไปหาเพื่อนบ้าง เคยพูดถึงเรื่องนี้ เขาบอกว่า
“ถ้ายังขับรถไปทำงานเอง หรือนั่งรถเมล์ (ไม่มีคนขัยรถให้) อีกนาน
หนังสือพิมพ์ได้ได้อ่านบ้างที่ทำงานเท่านั้น
กลับถึงบ้านเหนื่อยกับการเดินทางก็นอน แต่ที่แน่ ๆ
คือฟังวิทยุนี่แหละที่มากที่สุดรับจากทางนี้มาก
แต่ไม่เหมือนจากหนังสือนะเพราะเชื่อยากในบางเรื่อง”
ประเด็นนี้ควรจะต้องหาข้อมูลอย่างจริงจัง
เพราะบริบทที่ไม่เหมือนกันคงจะให้นิสัยการอ่านที่แตกต่างกัน
(ไม่ใช่สมมติฐานนะ...ฮา)
ข้อคิดเห็นที่มาจากการสังเกตจากต่างที่ต่างทางกัน ผมว่าเป็นความจริงครับ...ช่วยกันแสดงความคิดเห็น...ลปรร.สนุกดีครับ