ผึ้ง มากคุณค่ากว่าที่คิด


คุณค่าทางน้ำผึ้ง

 

แทบจะกล่าวได้ว่าผึ้งเป็นแมลงตัวน้อยที่เอื้อประโยชน์ให้กับมนุษย์มากที่สุด นับตั้งแต่ความขยันขันแข็ง
ในการผสมเกสรดอกไม้ให้เป็นพืชผล เพื่อมนุษย์ได้กินได้ใช้แล้ว

ผึ้งยังสละชีวิตของตัวเองพร้อมทั้งผลผลิตของผึ้ง เพื่อเป็นยา เป็นเครื่องสำอางมากมาย จึงนับว่ามนุษย์เราใช้ประโยชน์ได้สารพัด
จากผึ้งจริงๆ แม้ว่าบางครั้งการโดนผึ้งต่อยจะไม่น่าอภิรมย์นักก็ตาม แต่เชื่อไหมว่า พิษของผึ้งก็ยังใช้เป็นยา นักบำบัดที่เรียกกันว่า
โฮมิโอพาธีส์ นำเอาพิษมารักษาอาการอักเสบ ตามแนวคิด "พิษแก้พิษ" ซึ่งถือเป็นหลักทฤษฎีของนักบำบัดเหล่านี้

นอกจากคุณค่าทางยาแล้ว ในมิติทางจิตใจผึ้งยังเป็นสัญลักษณ์ของความมีระเบียบ วินัย ซื่อตรง กล้าหาญ ยอมปกป้องรวงรัง
จนตัวตาย จนกษัตริย์อียิปต์โบราณใช้เป็นตราประจำพระองค์ ทั้งยังมีความเชื่อที่ตรงกันของคนไทย อเมริกันหรือคนอังกฤษ คือ
ถ้าผึ้งไปทำรังที่บ้านไหนจะเป็นศิริมงคลแก่บ้านนั้น ผึ้งจะนำมาซึ่งความศานติสุขและความเจริญรุ่งเรืองของครอบครัว
ความเชื่อนี้วิเคราะห์จากสังคมเกษตรได้อย่างดีว่า ครอบครัวไหนมีผึ้งไปสร้างรังจะไม่ศานติสุขได้อย่างไร

เพราะการทำเกษตรอาศัยผึ้งช่วยผสมเกสรให้กับพืชผลผลิตดอกออกผลนั่นเอง แต่ถ้าเป็นสังคมเมืองเช่นวันนี้ ผึ้งไปทำรังบ้านใคร
ก็มีแต่ความคิดกำจัดให้เร็วที่สุด เพราะกลัวผึ้งต่อย เห็นแต่เป็นศัตรูของมนุษย์

นอกจากนี้ยังมีความมีความเชื่อว่า น้ำผึ้งเป็นสัญลักษณ์ของการสืบพันธ์ ความรัก และกามารมณ์ มีพลังของปัญญาและความรัก
ผสมกลมกลืนกัน และมีพลังความบริสุทธิ์ที่จะคุ้มครองบ่าวสาวให้พ้นจากเพทภัย ดังนั้นชาวอินเดียโบราณจึงมีธรรมเนียมให้คู่บ่าวสาว
ดื่มนมและน้ำผึ้งในพิธีแต่งงาน หรือในยุโรปมีประเพณีเก่าแก่ให้คู่บ่าวสาวดื่มไวน์น้ำผึ้งเป็นเวลาหนึ่งเดือน
เป็นที่มาของคำว่าฮั่นนี่(น้ำผึ้ง)มูน(เดือน)นั้นเอง



ในทางยาน้ำผึ้งมีประโยชน์มากมาย ชนทุกชาติทั่วโลกมีความเชื่อว่าน้ำผึ้งเป็นยาอายุวัฒนะ แก้สรรพโรค
คนไทยมักเรียกน้ำผึ้งเป็นคำอุปมาอุปไมยว่า "พันเกสร" อันสื่อถึงตัวยาจากเกสรดอกไม้นับพันชนิด
จึงไม่น่าแปลกใจว่าน้ำผึ้งใช้รักษาได้สารพัดโรค

โดยเฉพาะน้ำผึ้งเดือนห้าหลังหน้าแล้งที่สรรพดอกไม้บานสะพรั่ง หมอยานิยมใช้น้ำผึ้งแก้โรคภูมิแพ้ แต่ต้องทานน้อยๆก่อน
เนื่องจากอาจแพ้เกสรดอกไม้ที่อยู่ในน้ำผึ้งได้ การรักษาโรคภูมิแพ้ด้วยน้ำผึ้งก็คงคล้ายๆกับการค่อยๆฉีดสารที่ทำให้แพ้ให้กับร่างกาย
แต่ต้องใช้น้ำผึ้งป่าที่มี "พันเกสร" เท่านั้นจึงจะมีประโยชน์ในลักษณะเช่นนี้

การใช้น้ำผึ้งเป็นยาอายุวัฒนะนั้น แม้ไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าส่วนประกอบในน้ำผึ้งเป็นยาอายุวัฒนะหรือไม่
แต่น้ำผึ้งมีประโยชน์ทางโภชนาการมากมายน้ำผึ้งประกอบด้วยน้ำตาล ร้อยละ 80 ซึ่งเป็นน้ำตาลเชิงเดี่ยว ส่วนประกอบหลักคือ
กลูโคสกับฟรุกโตส น้ำตาลเหล่านี้สามารถถูกดูกซึม และร่างกายสามารถนำไปใช้ได้เลยโดยไม่ผ่านการย่อย
น้ำผึ้งจึงให้พลังงานได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งคนเป็นเบาหวานต้องตระหนักว่าน้ำผึ้งนั้นก็คือน้ำตาลชนิดหนึ่ง

แต่เป็นน้ำตาลที่ปลอดภัยจากธรรมชาติ และยังมีวิตามิน สารอาหารอื่นๆ อีกหลายชนิด ที่มีประโยชน์มากคือ เอนไซม์ ฮอร์โมน
และสารที่ฆ่าเชื้อจากธรรมชาติในทางการแพทย์จีนใช้น้ำผึ้งในการบำรุงม้ามและปอดใช้เพื่อระงับอาการไอจากการที่ปอดแห้ง
ลดการปวด กำจัดพิษและหล่อลื่นลำไส้ ขนาดรับประทาน อยู่ระหว่าง 3-6 ช้อนชา อาจจะผสมยาตัวอื่นเพื่อเป็นกระสายยา
เพิ่มการดูดซึม หรือเสริมฤทธิ์ทางยาซึ่งกันและกัน เช่น การผสมกับน้ำขิงสดจะช่วยระงับอาการไอได้ดี

 

นอกจากนี้ยังมีตำรับยาแก้ไอผสมน้ำผึ้งที่แพร่หลายอยู่ตำรับหนึ่ง คือ "น้ำผึ้งผสมมะนาว"
จนมีบริษัทนำไปผลิตเป็นลูกอมยี่ห้อหนึ่งทำการโฆษณาจนรู้จักกันทั่วไป แต่ถ้าจะให้ผึ้งออกฤทธิ์ผสมกับสรรพคุณของมะนาว
ตามตำรับของแท้ละก็ ต้องปรุงด้วยน้ำผึ้งแท้ผสมกับน้ำมะนาวคั้นสดๆ จะได้ยาไว้สำหรับจิบทีละนิด แก้ไอ ทำให้คอชุ่มชื่น
ดับกระหายได้อีกด้วย

ยังมีการใช้น้ำผึ้งเป็นยาช่วยให้นอนหลับดีขึ้น โดยเชื่อว่าการดื่มนมอุ่นๆ 1 แก้ว ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนจะช่วยให้นอนหลับสบาย
ส่วนชาวยิปซีเชื่อว่าการดื่มน้ำผึ้งผสมน้ำส้ม หรือน้ำมะนาวหรือน้ำอุ่น ก่อนนอนจะช่วยให้หลับสบายและบำรุงร่างกาย
ตื่นเช้ามายังถ่ายสะดวกอีกด้วย



น้ำผึ้งยังเป็นยารักษาแผลเรื้อรังได้อย่างดี จากการที่น้ำผึ้งมีสรรพคุณในการเรียกเนื้อ มีสรรพคุณในการฆ่าเชื้อ
โดยไม่ระคายเนื้อเยื่อเหมือนยาฆ่าเชื้อทั่วไป และยังมีการใช้น้ำผึ้งเป็นเครื่องสำอางมาตั้งแต่โบราณ
ตั้งแต่สมัยพระนางคลีโอพัตราจนถึงปัจจุบัน ที่ใช้น้ำผึ้งเป็นเครื่องประทินผิวมิได้เชื่อแบบลอยยๆ
แต่เนื่องจากในน้ำผึ้งมีฮอร์โมน วิตามิน เกลือแร่และน้ำตาลที่เป็นประโยชน์ต่อผิวพรรณ

ผลผลิตจากผึ้งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สามัญชนอย่างเราๆท่านๆ สามารถเข้าถึงหรือหามาใช้ประโยชน์ได้ง่าย
แต่ผึ้งก็ยังให้ผลผลิตที่เรียกว่า นมผึ้ง(royal gelly) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผึ้งงานผลิตจากต่อม hypopharyngeal
ที่อยู่ติดกับต่อมน้ำลายส่วนหัว เพื่อใช้เลี้ยงตัวอ่อนใน 3 วันแรก ดังนั้นในครอบครัวผึ้ง
ผึ้งนางพญาก็จะได้รับนมผึ้งไปตลอดชีวิต


จึงมีความเชื่อว่าเป็นยาบำรุงที่ดีชนิดหนึ่งเพราะผึ้งนางพญามีอายุยืนกว่าผึ้งงาน 14-20 เท่า
ส่วนผลิตภัณฑ์เกสรผึ้ง(bee pollen) ซึ่งได้จากเกสรดอกไม้ชนิดต่างๆ ที่ติดขาและส่วนล่างของลำตัวของผึ้งผสมกับไขมัน
น้ำผึ้งและนมผึ้งตามธรรมชาตินั้น ก็มีความเชื่อว่าสามารถช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศไปจนถึงการคลายเครียด

แต่ผลิตภัณฑ์ทั้งสองชนิดยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ยืนยันชัดเจนนัก และด้วยราคาที่แพงมากจนคนทั่วไป
ไม่อาจซื้อหามารับประทานได้ และถ้าส่งเสริมกันกินผลิตภัณฑ์จากผึ้งแบบนี้ มีหวังผึ้งถูกทำลายย่อยยับ
ถ้ารักสมุนไพร ก็ต้องรักษาป่าและรักษาระบบนิเวศน์ของพืชพรรณสัตว์ต่างๆด้วย การได้น้ำผึ้งป่ามาตามฤดูกาล
เช่นหน้าแล้งนี้ ก็น่าจะพอเหมาะพอเพียงให้มนุษย์เราได้กินได้ใช้ประโยชน์จากผึ้ง
ซึ่งต่างก็ได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งผึ้งและเรา.
 
คำสำคัญ (Tags): #ผึ้งน้อย
หมายเลขบันทึก: 52581เขียนเมื่อ 29 กันยายน 2006 14:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:00 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท