ความประทับใจในการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวาน
เนื่องจากประสบการณ์ในการทำงานมีไม่มากนัก
แต่ก็ได้ดูแลรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานมาพอสมควร ทำให้ได้เรียนรู้ว่า
มีผู้ป่วยโรคเบาหวานจำนวนมากในปัจจุบัน
และผู้ป่วยแต่ละคนก็มีความแตกต่างกัน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปฏิบัติตัวต่างๆ การควบคุมอาหาร การรับประทานยา
ตลอดจนการเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้น
การได้ดูแลรักษาผู้ป่วยเบาหวานก็สร้างความประทับใจได้หลากหลายเช่นกัน
ทั้งในแง่บวกและแง่ลบ
หรือตลอดจนบางเรื่องที่คาดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงๆ
ผู้ป่วยเบาหวานที่มารับการรักษา
หลายคนที่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้เป็นอย่างดี
ทั้งๆที่เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา การศึกษาค่อนข้างน้อยด้วยซ้ำ
แต่คนเหล่านั้นตระหนักดีถึงความสำคัญของการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ไม่ต้องการให้มีภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานเกิดขึ้น
ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะจดจำระดับน้ำตาลในเลือดในแต่ละเดือนของตนเองได้ดี
และจะนำมาเปรียบเทียบกับระดับน้ำตาลในเดือนปัจจุบันที่มาตรวจทุกครั้ง
โดยจะถามว่า “ คุณหมอ เดือนนี้น้ำตาลเท่าไรคะ / ครับ”
พอทราบผลก็จะพูดทันทีว่า เดือนที่แล้วน้ำตาลเท่ากับ ....... เอง
ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าเดิมก็จะบ่นว่า “ทำไมสูงขึ้น
ไม่ได้กินของหวานเลยนะเนี่ย ” ทั้งๆ ที่ระดับน้ำตาลอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
สูงขึ้นกว่าเดิมเพียง 5-10 mg/dl เท่านั้น หลังจากที่ตรวจเสร็จ
เมื่อเห็นว่าผู้ป่วยสามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ดีแล้วก็จะนัดติดตามการรักษาห่างขึ้นเพื่อความสะดวกในการเดินทางของผู้ป่วย
แต่ผู้ป่วยจะตอบว่า “คุณหมอ อย่านัดห่างเลย นัดเท่าเดิมเถอะ
ไม่อยากห่างหมอ เดี๋ยวน้ำตาลจะสูงขึ้น” (ทั้งๆที่
ตัวแปรหลักในการควบคุมน้ำตาลคือ ผู้ป่วยเองก็ตาม)
พอผู้ป่วยมาตรวจเบาหวานได้สักระยะหนึ่ง ก็จะเริ่มถาม “ คุณหมอ
ไม่ตรวจดูไตเหรอ กลัวเบาหวานลงไต” สิ่งเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่า
ผู้ป่วยมีความรู้เรื่องเบาหวานอยู่ระดับหนึ่งแล้ว
จึงช่วยให้การควบคุมเบาหวานในผู้ป่วยกลุ่มนี้ง่ายขึ้น
ในขณะเดียวกันก็มีผู้ป่วยอีกบางกลุ่มที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้
เนื่องจากเหตุผลหลายอย่าง เช่น รับประทานยาไม่สม่ำเสมอ ไม่ควบคุมอาหาร
หรือรับประทานยาตามความพอใจของตนเอง (ปรับยาเอง /
ไม่ได้ฟังวิธีรับประทานยาที่หมออธิบาย / ลืมว่าหมอให้ปรับยา )
หรือแม้กระทั่ง เอายาของผู้อื่นมารับประทาน เป็นต้น
ผู้ป่วยบางคนก็ยังมีปัญหาเรื่องการดูแลสุขอนามัยของตน
บางคนปล่อยให้เท้าเป็นแผลเหวอะหวะขนาดใหญ่เป็นเวลานานกว่าจะมาพบแพทย์
จนผลสุดท้ายต้องลงเอยที่การตัดเท้า/ขาทิ้ง
ผู้ป่วยกลุ่มนี้ไม่ใช่ว่าไม่ดูแลตนเอง
แต่พวกเขาดูแลในแบบวิธีของตนเองจนเห็นว่าความพยายามของตนเองไม่ได้ผลแล้วจึงมาพบแพทย์
ถ้าเราสามารถดูแลผู้ป่วยในกลุ่มหลังให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคที่เป็นอยู่ได้เหมือนผู้ป่วยในกลุ่มแรกได้
ก็คงจะสามารถรักษาผู้ป่วยเบาหวานให้มีประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้น
ผู้ป่วยเบาหวานก็จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานให้น้อยลง
ส่งผลให้ลดงานทางสาธารณสุขได้ด้วย
ผู้เล่าเรื่อง พญ.กมลรัตน์ บัญญัตินพรัตน์ โรงพยาบาลดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร
ได้ความรู้อีกมาก ขอบคุณครับ