ขนมแป้งจี่ผสมข้าวกล้องงอก
ขนมแป้งจี่เป็นขนมที่มีส่วนผสมเหมือนกับขนมบ้าบิ่น ต่างกันที่การทำให้สุก คือขนมบ้าบิ่นจะนำส่วนผสมไปกวนก่อนจากนั้นก็นำไปอบให้ด้านนอกกรอบด้านในนุ่ม ส่วนขนมแป้งจี่จะทำให้สุกโดยการจี่ในกระทะ ส่วนประกอบหลักของขนมแป้งจี่ ประกอบด้วย แป้งข้าวเหนียว ขาวหรือดำก็ได้ หากเป็นข้าวเหนียวดำจะมีคุณค่าทางอาหารมากกว่าข้าวเหนียวขาว และอื่นๆก็มี แป้งข้าวเจ้า มะพร้าว ไข่ไก่ ปรุงรสด้วย น้ำตาล เติมเกลือป่นเล็กน้อย
วันนี้ทำการปรับเปลี่ยนส่วนผสมเพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับขนม นำข้าวสวยจากข้าวกล้องงอก งาขาวงาดำคั่วหอมเติมลงไป จากการทดลองพบว่าได้ลักษณะของขนมที่นุ่มด้านใน มีรสชาติดี หวานน้อย กลมกล่อม
จึงนำมาบันทึกช่วยจำไว้
มาดูส่วนผสมกันค่ะ
ส่วนผสมประกอบด้วย
ข้าวเหนียวมี 2 สี คือ สีขาวและสีดำ แต่ข้าวเหนียวดำจะมีสารอาหาร ที่เป็นประโยชน์มากกว่าข้าวเหนียวขาว สารอาหารที่ว่า คือ “โอพีซี” มีสรรพคุณช่วยชะลอการแก่ก่อนวัย และความเสื่อม ถอยของร่างกาย
โดยสารโอพีซีที่พบในข้าวเหนียวดำ เป็นสารชนิดเดียวกับสารสกัดที่ได้ จากองุ่นดำองุ่นแดง เปลือกสน ทั้งนี้สาร โอพีซียังพบใน แอป เปิ้ลแดง แอปเปิ้ลฟูจิ มะเขือม่วง หอมแดง ถั่วแดง ถั่วดำ มันสีม่วง ชมพู่มะเหมี่ยว ลูกหว้า
ด้วยข้อดีของข้าวเหนียว คือ เป็นอาหารร่าเริง ทำให้สมองสงบ คลายเครียด กินแล้วจะรู้สึกผ่อนคลาย ทำให้อิ่มท้องนาน เข้ากับยุควิกฤติเศรษฐกิจปัจจุบัน
สารสำคัญในข้าวเหนียว คือ ธาตุเหล็ก และกรดโฟลิก มีสรรพคุณในการสร้างเม็ดเลือด ทำให้เม็ดเลือดสมบูรณ์ นอกจากนี้ข้าวเหนียวยังอุดมไปด้วยวิตามินอี มีสรรพคุณ ช่วยป้องกันหลอดเลือดหัวใจตีบ ป้องกันปัญหาวุ้นนัยน์ตาเสื่อม
การนำข้าวเหนียวดำไปทำข้าวหมาก จะทำให้ได้วิตามินบี 12 ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง และการนำข้าวเหนียวไปทำเป็นของหวาน โดยเอาไปมูลกับน้ำกะทิ น้ำกะทิจะช่วยสกัดวิตามินอีออกมา แต่ไม่ควรรับประทานมาก เพราะอาจทำให้อ้วน และได้รับน้ำตาลมากจนเกินไป
ข้อเสียของข้าวเหนียวก็มีเช่นกัน คือ ข้าวเหนียวให้พลังงานเยอะ ก็จะให้อนุมูลอิสระเยอะตามไปด้วย เมื่อกินเข้าไปมาก ๆ จะทำให้ง่วงนอน นอกจากนี้ในข้าวเหนียว โดยเฉพาะข้าวเหนียวขาวยังมีสารกลูเต็น ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดความเหนียวหนืด อาจทำให้บางคนเกิดอาการแพ้ได้
ในกรณีผู้สูงอายุ และเด็ก อาจจะทำให้ติดคอ อุดตันลำไส้ หรือทำให้อึดอัดท้อง ระบบทางเดินอาหารไม่ปกติได้ ดังนั้นในผู้ที่มีปัญหาระบบการย่อยอาหารไม่ดี เป็นโรคเบาหวานอยู่แล้ว ไม่ควรกินข้าวเหนียวในปริมาณมาก และควรเน้นไปที่ข้าวเหนียวดำจะดีกว่า
สิ่งสำคัญ คือ กินข้าวเหนียวทุกครั้งควรเคี้ยวให้ละเอียด เพื่อจะได้ย่อยง่าย ๆ และควรกินในตอนเช้าจะเหมาะสมกว่าในตอนเย็น
ที่มา : เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 22 ก.พ. 2552
ปิดบันทึกด้วยคำขอบคุณ
•ขอขอบคุณทุกๆท่านที่ติดตามอ่านบันทึกนะคะ
.... สวัสดีค่ะ :)
นารี ชูเรืองสุข
13 มีนาคม 2556
ขอบคุณพี่หนูรี ที่แบ่งปันสูตรนวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพคะ
ข้าวสวยงอก นี้เราใส่ลงไปทั้งเป็นเม็ดๆ หรือต้องมาบดก่อนคะ
ขอบคุณค่ะ คุณหมอป. มาเร็วดีแท้
ข้าวสวยใส่ทั้งเม็ดค่ะ ได้เนื้อสัมผัสที่ดีขณะเคี้ยว
สมาชิกที่บ้านบอกว่า รสชาติดีไม่หวาน นุ่มดี วางไว้จนเย็นก็ไม่กระด้างค่ะ
จะลองทำดูครับ 555 น่ากินดี
น่าทานจังเลยค่ะ
เห็นแล้วหิวครับ...
น่ากินจังเลยครับ
ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ น่าทานมากต้องอร่อยแน่นอน สีสันสวยงามพร้อมคุณค่าทางอาหารนะคะน้องสาวผู้ใจดี
ตอนแรกนึกว่าแป้งจี่ ที่ได้จากตอนทำขนมจีน
แบบนี้ก็น่ากินนะคะ ดูท่าคงอร่อยเหาะไปเลย
ดูน่าทานจังค่ะคุณหนูรี อยากชิมบ้างจัง ;)
ขอบคุณสูตรขนมดีดีค่ะ สักวันคงได้ฤกษ์ ;)
อยากชิมมากเลยค่ะ คุณค่าอาหารมากมายในชิ้นเดียว
คู่กับกาแฟหรือชาอุ่นๆอิ่มอร่อยเป็นอาหารแทนข้าวในจานได้เลย 1 มื้อ
ขอบคุณมากนะคะ
อ่านได้แต่ทำไม่เคยได้ แงงงงงงๆๆๆๆๆ
ดูแล้วน่ากินมากๆเลยพี่
มีข้าวงอกด้วย
ขอขอบคุณสำหรับกำลังใจจากทุกๆท่านนะคะ
อ.นุ |
พี่โอ๋โอ๋-อโณ |
อ.ขจิต ฝอยทอง |
คุณหมอป. |
คุณชาดา ~natadee |
คุณSila Phu-Chaya |
พี่ใหญ่นาง นงนาท สนธิสุวรรณ |
คุณkunrapee |
คุณ พ.แจ่มจำรัส |
คุณ...ปริม ทัดบุปผา... |
คุณกอหญ้า |
คุณtuknarak |
คุณสวนฟักแฟงแตงไทย |
คุณน้องกล้วยไข่ |
คุณอักขณิช |
อ.วิชญธรรม |
คุณมณีเทวา |