เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2549 ดิฉันได้มีโอกาสชมภาพภาพยนเรื่องหนึ่ง ในขณะที่เรียนวิชาเลือกอยู่ อาจารย์นำมาฉายให้ดู มีชื่อเรื่องว่า "เสียงกู่ของครูใหญ่" ภาพยนต์เรื่องนี้เป็น ภ.เกาหลี ดูจากภาพแล้วก็น่าจะเป็น ภ. ที่เก่าพอสมควร เพราะภาพที่ปรากฎออกมานั้นไม่ค่อยชัดเจน บ่งบอกถึงความเก่าของ ภ. แต่เรื่องนี้ดูแล้วซึ้ง มีความหมายมาก บอกถึงความพยายามของครูใหญ่คนหนึ่งที่มีความตั้งใจจริงที่จะสอนนักเรียนของเค้าให้มีความรู้ ซึ่งครูใหญ่คนนี้เป็นนักพัฒนาอย่างแท้จริง สิ่งที่ดิฉันได้จากการดู ภ. เรื่องนี้ก็คือ เราไม่ควรดูคนที่รูปลักษณ์ ภายนอก ไม่ควรดูแค่การแต่งกายว่าแต่งกายหรูจะเป็นคนดี เครื่องแต่งกายนั้นบอกเราไม่ได้หรอกว่าคนๆนั้นเป็นคนอย่างไร เป็นคนดีหรือเปล่า ต้องดูที่การกระทำ นักพัฒนาจะต้องมีการสร้างศรัธาก่อน มีวาทะศิลป์ในการพูด คือสามารถพูดให้คนฟังคล้อยตาม สามารถโน้มน้าวจิตใจผู้ฟังได้ ความสำเร็จของการพัฒนานั้นจะต้องมีความร่วมมือกัน การให้ความร่วมมือกันจะนำไปสู่ความสำเร็จของงาน และก่อนการทำงานจะต้องมีการสร้างกำลังใจในการทำงานก่อน ในการพัฒนาสังคมเป็นการทำงานกับคนจำนวนมาก ต้องมีการประชุม และมีการระดมความคิดกัน ใน ภ.เรื่องนี้ครูใหญ่ได้สร้างวิสัยทัศน์ของโรงเรียนไว้ว่า "การทำงานหนักเป็นดอกไม้ของชีวิต " และครูใหญ่ก็ได้ทำเป็นแบบอย่างแก่ชาวบ้าน คือ ถ้าร่วมมือกันตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็งแล้วก้จะพบกับดอกไม้ของชีวิตที่งดงาม ซึงก็คือผลตอบแทนจากการทำงานของเรานั่นเอง ครูใหญ่ยังสอนให้รู้จักพึ่งพาตนองก่อน ก่อนที่จะรอหรือร้องขอความช่วยเหลือจากใคร และเรื่องนีก็ยังบอกให้รู้อีกว่าการที่บ้านเมืองเสื่อมใทรมทุกวันนี้เกิดจากการเห็นแก่ตัวของผู้คน การพัฒนาสามารถทำได้ตลอดชีวิตของเรา และการทำอะไรด้วยใจรัก ไม่ต้องถูกบังคับเราจะสามารถทำสิ่งนั้นได้อย่างดี ครูใหญ่ยังสอนนักเรียนของเค้าว่า การศึกษาต้องนำมาพัฒนาท้องถิ่นไม่ใช่ทิ้งท้องถิ่น ความสุขใช้เงินซื้อไม่ได้ และเพื่อนบ้านที่ดีคือรั้วบ้านที่ดีที่สุดของเรา การมีพื่อนบ้านที่ดีจึงไม่จำเป็นต้องมีรั้วบ้าน