หน้าแรก
สมาชิก
จรวดคุง
สมุด
การจัดการสารสนเทศ
การจัดการความรู้
จรวดคุง
นาย ภีม ไพบุลย์รุ่งโรจน์
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
การจัดการความรู้
การจัดกรความรู้
ผล
(Knowledge Management-KM)
การจัดการความรู้ หรือที่เรียกย่อๆ ว่า
KM
คือ เครื่องมือ เพื่อใช้ในการบรรลุเป้าหมายอย่างน้อย
3
ประการไปพร้อมๆ กัน ได้แก่ บรรลุเป้าหมายของงาน บรรลุเป้าหมายการพัฒนาคน และบรรลุเป้าหมายการพัฒนาองค์กรไปสู่การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้
ดังนั้นการจัดการความรู้จึงไม่ใช่เป้าหมายในตัวของมันเอง เมื่อไรก็ตามที่มีการเข้าใจผิด เอาการจัดการความรู้เป็นเป้าหมาย ความผิดพลาดก็เริ่มเดินเข้ามา อันตรายที่จะเกิดตามมาคือ การจัดการความรู้เทียม หรือ ปลอม เป็นการดำเนินการเพียงเพื่อให้ได้ชื่อว่ามีการจัดการความรู้เท่านั้นเอง
แรงจูงใจในการริเริ่มการจัดการความรู้
แรงจูงใจแท้ต่อการดำเนินการจัดการความรู้ คือ เป้าหมายที่งาน คน และองค์กร เป็นเงื่อนไขสำคัญ ในระดับที่เป็นหัวใจสู่ความสำเร็จในการจัดการความรู้
แรงจูงใจเทียมต่อการดำเนินการจัดการความรู้ในสังคมไทย มีมากมายหลายแบบ เป็นต้นเหตุที่นำไปสู่การทำการจัดการความรู้แบบเทียม และนำไปสู่ความล้มเหลวในที่สุด เช่น ทำเพราะถูกบังคับตามข้อกำหนด กล่าวคือ ทำเพียงเพื่อให้ได้ชื่อว่าทำ หรือทำเพื่อชื่อเสียง ทำให้ภาพลักษณ์ขององค์กรดูดี หรือมาจากความต้องการผลงานของหน่วยย่อยภายในองค์กร เช่น หน่วยพัฒนาบุคลากร
(HRD)
หน่วยสื่อสารและสารสนเทศ
(ICT)
หรือหน่วยพัฒนาองค์กร
(OD)
ต้องการใช้การจัดการความรู้ในการสร้างความเด่น หรือสร้างผลงานของตน หรืออาจมาจากคนเพียงไม่กี่คน ที่ชอบของเล่นใหม่ๆ ชอบกิจกรรมที่ดูทันสมัย เป็นแฟชั่น แต่ไม่เข้าใจความหมายและวิธีการดำเนินการจัดการความรู้อย่างแท้จริง
ประเภทความรู้
ความรู้อาจแบ่งใหญ่ๆ ได้ ๒ ประเภท คือ
๑. ความรู้เด่นชัด
(Explicit Knowledge)
เป็นความรู้ที่อยู่ในรูปแบบที่เป็นเอกสาร หรือ วิชาการ อยู่ในตำรา คู่มือปฏิบัติงาน
๒. ความรู้ซ่อนเร้น
(Tacit Knowledge)
เป็นความรู้ที่แฝงอยู่ในตัวคน เป็นประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนาน เป็นภูมิปัญญา
โดยที่ความรู้ทั้ง ๒ ประเภทนี้มีวิธีการจัดการที่แตกต่างกัน
การจัดการ
“
ความรู้เด่นชัด
”
จะเน้นไปที่การเข้าถึงแหล่งความรู้ ตรวจสอบ และตีความได้ เมื่อนำไปใช้แล้วเกิดความรู้ใหม่ ก็นำมาสรุปไว้ เพื่อใช้อ้างอิง หรือให้ผู้อื่นเข้าถึงได้ต่อไป
ส่วนการจัดการ
“
ความรู้ซ่อนเร้น
”
นั้นจะเน้นไปที่การจัดเวทีเพื่อให้มีการแบ่งปันความรู้ที่อยู่ในตัวผู้ปฏิบัติ ทำให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน อันนำไปสู่การสร้างความรู้ใหม่ ที่แต่ละคนสามารถนำไปใช้ในการปฏิบัติงานได้ต่อไป
ในชีวิตจริง ความรู้ ๒ ประเภทนี้จะเปลี่ยนสถานภาพ สลับปรับเปลี่ยนไปตลอดเวลา บางครั้ง
Tacit
ก็ออกมาเป็น
Explicit
และบางครั้ง
Explicit
ก็เปลี่ยนไปเป็น
Tacit
โมเดลปลาทู
“
โมเดลปลาทู
”
เป็นโมเดลอย่างง่าย ของ สคส. ที่เปรียบการจัดการความรู้ เหมือนกับปลาทูหนึ่งตัวที่มี ๓ ส่วน คือ
๑. ส่วน
“
หัวปลา
”
(Knowledge Vision- KV)
หมายถึง ส่วนที่เป็นเป้าหมาย วิสัยทัศน์ หรือทิศทางของการจัดการความรู้ โดยก่อนที่จะทำจัดการความรู้ ต้องตอบให้ได้ว่า
“
เราจะทำ
KM
ไปเพื่ออะไร
?”
โดย
“
หัวปลา
”
นี้จะต้องเป็นของ
“
คุณกิจ
”
หรือ ผู้ดำเนินกิจกรรม
KM
ทั้งหมด โดยมี
“
คุณเอื้อ
”
และ
“
คุณอำนวย
”
คอยช่วยเหลือ
๒. ส่วน
“
ตัวปลา
”
(Knowledge Sharing-KS)
เป็นส่วนของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญ ซึ่ง
“
คุณอำนวย
”
จะมีบทบาทมากในการช่วยกระตุ้นให้
“
คุณกิจ
”
มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ความรู้ โดยเฉพาะความรู้ซ่อนเร้นที่มีอยู่ในตัว
“
คุณกิจ
”
พร้อมอำนวยให้เกิดบรรยากาศในการเรียนรู้แบบเป็นทีม ให้เกิดการหมุนเวียนความรู้ ยกระดับความรู้ และเกิดนวัตกรรม
๓. ส่วน
“
หางปลา
”
(Knowledge Assets-KA)
เป็นส่วนของ
“
คลังความรู้
”
หรือ
“
ขุมความรู้
”
ที่ได้จากการเก็บสะสม
“
เกร็ดความรู้
”
ที่ได้จากกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
“
ตัวปลา
”
ซึ่งเราอาจเก็บส่วนของ
“
หางปลา
”
นี้ด้วยวิธีต่างๆ เช่น
ICT
ซึ่งเป็นการสกัดความรู้ที่ซ่อนเร้นให้เป็นความรู้ที่เด่นชัด นำไปเผยแพร่และแลกเปลี่ยนหมุนเวียนใช้ พร้อมยกระดับต่อไป
คนสำคัญที่ดำเนินการจัดการความรู้
๑. ผู้บริหารสูงสุด
(CEO)
จัดได้ว่า
“
โชคดีที่สุด
”
สำหรับวงการจัดการความรู้ ถ้าผู้บริหารสูงสุดเป็นแชมเปี้ยน
(
เห็นคุณค่า และดำเนินการผลักดัน
KM)
เรื่องที่ว่ายากทั้งหลายก็ง่ายขึ้น ผู้บริหารสูงสุดควรเป็นผู้ริเริ่มกิจกรรมจัดการความรู้ โดยกำหนดตัวบุคคลที่จะทำหน้าที่
“
คุณเอื้อ
(
ระบบ
)”
ของ
KM
ซึ่งควรเป็นผู้บริหารระดับสูง เช่น รองอธิบดี
,
รองผู้อำนวยการใหญ่
(Vice President)
๒. คุณเอื้อ
(Chief Knowledge Officer-CKO)
ถ้าการริเริ่มมาจากผู้บริหารสูงสุด
“
คุณเอื้อ
”
ก็สบายไปเปลาะหนึ่ง แต่ถ้าการริเริ่มที่แท้จริงไม่ได้มาจากผู้บริหารสูงสุด บทบาทแรกของ
“
คุณเอื้อ
”
ก็คือ เอาหัวปลาไปขายผู้บริหารสูงสุด ให้ผู้บริหารสูงสุดกลายเป็นเจ้าของ
“
หัวปลา
”
ให้ได้ บทบาทต่อไปของ
“
คุณเอื้อ
”
คือ การหา
“
คุณอำนวย
”
และร่วมกับ
“
คุณอำนวย
”
จัดให้มีการกำหนด
“
เป้าหมาย/ หัวปลา
”
ในระดับย่อยๆ ของ
“
คุณกิจ/ ผู้ปฏิบัติงาน
”,
คอยเชื่อมโยง
“
หัวปลา
”
เข้ากับ วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมาย และยุทธศาสตร์ ขององค์กร
,
จัดบรรยากาศแนวราบ และการบริหารงานแบบเอื้ออำนาจ
(empowerment),
ร่วม
share
ทักษะในการเรียนรู้ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการจัดการความรู้โดยตรง และเพื่อแสดงให้
“
คุณกิจ
”
เห็นคุณค่าของทักษะดังกล่าว
,
จัดสรรทรัพยากรสำหรับใช้ในกิจกรรมจัดการความรู้ พร้อมคอยเชื่อมโยงการจัดการความรู้เข้ากับกิจกรรมสร้างสรรค์อื่นๆ ทั้งภายในและนอกองค์กร
,
ติดตามความเคลื่อนไหวของการดำเนินการ ให้คำแนะนำบางเรื่อง และแสดงท่าที ชื่นชมในความสำเร็จ อาจจัดให้มีการยกย่องในผลสำเร็จและให้รางวัลที่อาจไม่เน้นสิ่งของ แต่เน้นการสร้างความภาคภูมิใจในความสำเร็จ
๓. คุณอำนวย
(Knowledge Facilitator-KF)
เป็นผู้คอยอำนวยความสะดวกในการจัดการความรู้ ความสำคัญของ
“
คุณอำนวย
”
อยู่ที่การเป็นนักจุดประกายความคิด และการเป็นนักเชื่อมโยง โดยต้องเชื่อมโยงระหว่างผู้ปฏิบัติ
(“
คุณกิจ
”)
กับผู้บริหาร
(“
คุณเอื้อ
”),
เชื่อมโยงระหว่าง
“
คุณกิจ
”
ต่างกลุ่มภายในองค์กร และเชื่อมโยง การจัดการความรู้ภายในองค์กรกับภายนอกองค์กร โดยหน้าที่ที่
“
คุณอำนวย
”
ควรทำ คือ
-
ร่วมกับ
“
คุณเอื้อ
”
จัดให้มีการกำหนด
“
หัวปลา
”
ของ
“
คุณกิจ
”
อาจจัด
“
มหกรรม หัวปลา
”
เพื่อสร้างความเป็นเจ้าของ
“
หัวปลา
”
-
จัดตลาดนัดความรู้ เพื่อให้
“
คุณกิจ
”
นำความสำเร็จมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถอดความรู้ออกมาจากวิธีทำงานที่นำไปสู่ความสำเร็จนั้น เพื่อการบรรลุ
“
หัวปลา
”
-
จัดการดูงาน หรือกิจกรรม
“
เชิญเพื่อนมาช่วย
” (Peer Assist)
เพื่อให้บรรลุ
“
หัวปลา
”
ได้ง่าย หรือเร็วขึ้น โดยที่ผู้นั้นจะอยู่ภายในหรือนอกองค์กรก็ได้ เรียนรู้วิธีทำงานจากเขา เชิญเขามาเล่า หรือสาธิต
-
จัดพื้นที่เสมือนสำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และสำหรับเก็บรวบรวม ขุมความรู้ที่ได้ เช่น ใช้เทคโนโลยีการสื่อสารและสารสนเทศ ซึ่งรวมทั้งเว็บไซต์ เว็บบอร์ด เว็บบล็อก อินทราเน็ต จดหมายข่าว เป็นต้น
-
ส่งเสริมให้เกิด ชุมชนแนวปฏิบัติ
(CoP – Community of Practice)
ในเรื่องที่เป็นความรู้ หรือเป็นหัวใจในการบรรลุเป้าหมายหลักขององค์กร
-
เชื่อมโยงการดำเนินการจัดการความรู้ขององค์กร กับกิจกรรมจัดการความรู้ภายนอก เพื่อสร้างความคึกคัก และเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับภายนอก
๔. คุณกิจ
(Knowledge Practitioner-a KP)
“
คุณกิจ
”
หรือผู้ปฏิบัติงาน เป็นพระเอก หรือนางเอกตัวจริงของการจัดการความรู้ เพราะเป็นผู้ดำเนินกิจกรรมจัดการความรู้ประมาณร้อยละ ๙๐
–
๙๕ ของทั้งหมด
“
คุณกิจ
”
เป็นเจ้าของ
“
หัวปลา
”
โดยแท้จริง และเป็นผู้ที่มีความรู้
(Explicit Knowledge & Tacit Knowledge)
และเป็นผู้ที่ต้องมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ใช้ หา สร้าง แปลง ความรู้เพื่อการปฏิบัติให้บรรลุถึง
“
เป้าหมาย/ หัวปลา" ที่ตั้งไว้
๕. คุณประสาน
(Network Manager)
เป็นผู้ที่คอยประสานเชื่อมโยงเครือข่ายการจัดการความรู้ระหว่างหน่วยงาน ให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในวงที่กว้างขึ้น เกิดพลังร่วมมือทางเครือข่ายในการเรียนรู้และยกระดับความรู้แบบทวีคูณ
*
ข้อมูลจากเว็บไซต์สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ
เขียนใน
GotoKnow
โดย
จรวดคุง
ใน
การจัดการสารสนเทศ
คำสำคัญ (Tags):
#การจัดการความรู้
หมายเลขบันทึก: 52174
เขียนเมื่อ 27 กันยายน 2006 17:05 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:59 น. (
)
สัญญาอนุญาต:
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
จรวดคุง
สมุด
การจัดการสารสนเทศ
การจัดการความรู้
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท