ท่านอาจารย์โพธิ์ คือท่านเจ้าคุณพระภาวนาโพธิคุณ (โพธิ์ จนฺทสโร) เจ้าอาวาสวัดธารน้ำไหล หรือสวนโมกข์อันทรงชื่อเสียงนั่นเอง ผมได้กราบท่านเมื่อวันที่ ๓๐ สค. ๔๙ ในงานสวนโมกข์เสวนาสัญจร ที่ห้องประชุมสารนิเทศ หอประชุมใหญ่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ ศ. ดร. โดนัลด์ สแวร์เร่อร์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาศาสนาโลก ( Center for the Study of World Religions ) มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา มาปาฐกถานำ หัวข้อ " พุทธศาสนากับการท้าทายของโลกสมัยใหม่ " การพบครั้งนี้ทำให้ผมคิดว่าควรจะได้เล่าไว้ว่าผมได้เรียนรู้อะไรจากท่านบ้าง
ท่านเป็นคนเกาะสมุย เรียนจบ ป. ๔ แต่เทศเป็นภาษาอังกฤษได้ โดยเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง ฟังข่าววิทยุบีบีซีภาคภาษาอังกฤษทุกวัน ท่านพุทธทาสชวนมาช่วยงานที่สวนโมกข์หลังจากท่านบวชแล้ว โดยให้มาช่วยงานก่อสร้างเป็นงานหลัก เมื่องานก่อสร้างเสร็จ ท่านก็กลับไปเกาะสมุยดังเดิม ต่อมาท่านพุทธทาสก็ให้คนไปตามให้มาอยู่ที่สวนโมกข์ด้วยกัน และต่อมาท่านพุทธทาสตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดธารน้ำไหลแทนท่าน ซึ่งช่วงแรกท่านพุทธทาสยังอยู่ ความเป็นประมุขสงฆ์ก็ยังอยู่ที่ท่านพุทธทาส แต่เมื่อท่านพุทธทาสสิ้น ท่านอาจารย์โพธิ์ก็ลำบาก เพราะการปกครองพระในสวนโมกข์สมัยนั้นไม่ง่าย
มีคนกล่าวในช่วงนั้นว่า พระที่สวนโมกข์มีความเป็นตัวตนสูง ทั้งๆ ที่ท่านพุทธทาสสอนให้ละ "ตัวกู ของกู" ผมจึงได้เรียนรู้ความอดทน ความรอบคอบระมัดระวังของท่าน ท่านตามคนไปปรึกษาเสมอ คนที่ไปบ่อยมากคือ อ. หมอประเวศ สำหรับหมอบัญชานั้นไปเป็นประจำอยู่แล้ว และคุณเมตตาก็ประจำอยู่ที่ธรรมทานมูลนิธิ ผมไปนานๆ ครั้ง แต่ก็ได้ซึมซับความดีของท่าน
ความดีและความสามารถของท่านเห็นได้จากกิจกรรมของสวนโมกข์ในปัจจุบันไม่ได้หย่อนไปจากสมัยที่ท่านพุทธทาสยังมีชีวิตอยู่
กลับจะคึกคักกว่าและเป็นระบบกว่าด้วยซ้ำ
ขาดก็แต่เพียงไม่มีคำสอนใหม่ๆ
หลั่งไหลออกมาจากท่านพุทธทาสเท่านั้น
นอกจากรักษาและสืบเนื่องสวนโมกข์
ท่านอาจารย์โพธิ์ยังได้ไปสร้างสถานปฏิบัติธรรมที่เกาะสมุยบ้านเกิดของท่านด้วย
ในการขึ้นมากรุงเทพในงานสวนโมกข์เสวนาสัญจรครั้งนี้ ท่านได้เป็นผู้กล่าวเปิดและปิดการเสวนา ผมติดใจคำกล่าวปิดของท่านว่า ในช่วงต้นๆ ที่ท่านมาอยู่สวนโมกข์ ท่านพุทธทาสสอนเรื่อง "ธรรมทั้งหลายไม่ควรยึดมั่นถือมั่น" ซ้ำอยู่เป็นประจำ เป็นคำที่การเสวนาในวันนั้นไม่ได้พูดถึง ผมติดใจมาก แม้ธรรมะก็ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
วิจารณ์ พานิช
๓๑ สค. ๔๙