เมื่อวาน วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ผมไปสอนนักศึกษาแพทย์ชั้นปีท่ี ๒ ของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ในรายวิชา ระบบวงจรวิวัฒน์แห่งชีวิต หัวข้อ ภาวะใกล้ตาย ความตาย และการดูแลคนไข้ระยะสุดท้าย ซึ่งก็นับเป็นปีที่ ๔ แล้ว
ประทับใจในความกระตือรือร้นของนักศึกษาครับ แต่ที่ดีใจมาก คือ นักศึกษาในปัจจุบันได้ใช่สื่อทางสังคมออนไลน์เป็นประโยชน์ในการเรียนการสอนมากขึ้น ในช่วง มุมมองต่อความตายและปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผมขอให้นักศึกษาทุกคน นำเสนอความรู้สึกและความคิดเกี่ยวกับเรื่องความตายให้เพื่อนและอาจารย์ประจำกลุ่มฟังในกลุ่มย่อย นักศึกษาเปลี่ยนจากการพูดเล่าเฉย ๆ หรืออ่านกลอน หรือเป็นเพียงภาพนิ่ง ตัวอย่างตามบันทึกนี้ เป็นการใช้ภาพคลิปวิดิโอจากสื่อต่าง ๆ มากขึ้น
แต่ที่ต้องดีใจมากกว่านั้น คือ เนื้อหา ที่นักศึกษาได้นำมานำเสนอให้เพื่อนและอาจารย์ฟัง มันมีความหลากหลายตรงตามวัตถุประสงค์ของแผนการสอนที่ผมตั้งไว้อย่างชัดเจน เพราะนอกจากนักศึกษาจะนำประสบการณ์ตรงของตนเอง อย่าง การคลี่คลายของความรู้สึกกลัวจากเรื่องเล่าในวัยอนุบาลสองที่เห็นความตายของคนเป็นครั้งแรกในชีวิต ซึ่งจำติดตามาจนถึงปัจจุบัน แล้ว สำหรับนักศึกษาที่ไม่มีประสบการณ์ตรง ก็สามารถค้นคว้าเรื่องราวจากสื่อต่าง ๆ ได้อย่างกว้างขวางมานำเสนอได้อย่างน่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น ความรู้สึกหดหู่กับข่าวช่างภาพสารคดีที่ได้รับรางวัลจากภาพ 'แร้ง'และเด็กน้อยที่เสียชีวิตไปต่อหน้าต่อตา ข่าวการทำการุณยฆาตของพี่น้องฝาแฝดตาบอด บทเพลงแห่งความตายซึ่งเป็นสาเหตุให้ผู้ฟังที่มีอารมณ์ซึมเศร้าคิดฆ่าตัวตาย ความประทับใจของความรักของตาลอบกับยายทองในคลิปมิวสิกวิดิโอของว่าน บทเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อให้กำลังใจ คลิปการให้สัมภาษณ์ของผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ไปจนถึง มุมมองอารมณ์ขันเกี่ยวกับเรื่องราวการตายคาอกระหว่างสิ่งที่นักศึกษาใช้คำว่า โจ๊ะ พรึม พรึม
เรื่องที่นักศึกษานำเสนอนี้ มันมีพลังมาก จนทำให้ผมต้องกลับมาเขียนบันทึกนี้ถึงเลยทีเดียว
ขอบคุณนักศึกษาและอาจารย์ทุกท่าน ที่สละเวลาวันหยุดยาว มาเข้าร่วมกิจกรรมนี้
..... กิจกรรมการเรียน การสอนแบบนี้ดีจังเลย นะคะ ขอบคุณมากค่ะ
เป็นเรื่องที่ควรตระหนักที่สุดเลยครับ อาจารย์หมอเต็ม ;)...