ความประทับใจครั้งแรกกับค่าย Super Teacher English Camp โดย ทวพ. ตอนที่ 2


รถของเราวิ่งย้อนกลับมาเส้นทางเดิม คือเส้นทางก่อนที่จะเข้า ฟาร์มโชคชัย ซักพัก รถเราก็ถึงจุด U-Turn กลับเขาเส้นทางที่มุ่งหน้าไป ฟาร์มโชคชัย แต่เมื่อไปถึง ซอยเล็ก ๆ แห่งนึง รถของเขาก็ได้เลี้ยวเข้าไปในซอยนี้ มันเป็นซอยที่เล็กมาก ชนิดว่า รถใหญ่ไม่สามารถวิ่งสวนทางกันได้ ในใจผมนึกว่า คงเป็นทางลัดไป Resort เราอาจะไปโผล่ถนนใหญ่ที่ใกล้ ๆ Resort ก็ได้ แล้วรถเราก็วิ่งลึกเข้าไป ลึกเข้าไป อาห์ เมื่อไหร่จะถึงถนนใหญ่ เนี่ย ลึกเกินไปแล้วนะ ผมมองไปสองข้างทาง เต็มไปด้วยไร่มันสำปะหลัง ไร่อ้อย  และสวนกล้วย แล้วรถเราก็มาหยุด ใกล้ ๆ สวนมะม่วง ซึ่งฝั่งตรงข้ามเป็น สวนกล้วยและ ไร่มันสำปะหลัง รถเคลื่อนถอยกลับมา จอดบริเวรที่คล้าย ๆ หน้าบ้านของใครซักคนนึง ก็สวยงามในระดับนึง ผมเหลือบไปเห็นป้ายที่หน้าบ้าน "Blue Sky Villa" ชัดเลย มันคือที่นี่ ผมติดสตันไปหลายวิ OMG เรามาเข้าค่ายที่นี่กันหรอเนี่ย รถค่อย ๆ เคลื่อนและโยก เพื่อที่จะเลี้ยวเข้าไปใน Resort ซึ่งประตูทางเข้าแคบมาก ทุกคนในรถ ลุ้นกันว่า รถทัวร์คันใหญ่ขนาดนี้มันจะเลี้ยวเข้าไปได้ไง แต่ ด้วยความเชี่ยวชาญของพี่คนขับ รถเราก็เข้าไปจอดได้ เมื่อไปถึง Staff ของ ทวพ.  ได้เช็คจำนวนคนแล้วให้กุญแจห้องเพื่อ จะได้เข้าพักกัน พออ่านมาถึงชื่อผม บอกว่าพักอยู่ห้อง ชงโค 3 แต่ว่า กุญแจ มีพี่คนนึงรับไปแล้ว แต่ซักพัก มีพี่อีกคนเอากุญแจมาให้ บอกว่า ไม่รู้ว่าเลข 3 หรือ เลข 8 พี่ก็ลอง ๆ เอาไปเปิดละกัน เปิดห้องไหนได้ก็พักเลย ผมก็ไปเปิดที่ ห้อง 3 เปิดไม่ได้ จึงคิดว่า น่าจะเป็นห้อง 8 เลยถามว่า ห้องชงโค 8 ไปทางไหน พี่อีกคนบอกว่า น่าจะอยู่ด้านหลังมั๊ง ผมเลยเดินอ้อมทางด้านหลังตึกชงโค ก็เจอห้อง 8 จึงลองเปิดดู อ๊ะ เปิดได้ จึงเข้าไป

ตอนแรกที่ผมรู้สึกคือว่า ที่นี่ไม่น่าจะเรียกว่า Resort เพราะมันอยู่กลางไร่กลางสวน แล้วดูไปรอบ ๆ ก็ ธรรมดามาก แต่เมื่อเปิดประตูเข้ามา ความรู้สึกผมก็เปลี่ยนไป ห้องพักกว้างมาก แต่ห้องที่ผมอยู่ ที่หน้าอ่างล้างหน้าไม่มีกระจก ไม่รู้ว่าห้องคนอื่นจะเป็นแบบเดียวกันไหม โดยรวมตกแต่งได้ค่อนข้างใช้ได้เลย ผมเอาของไปเก็บ แล้วเดินออกมา ขนของช่วยสุภาพสตรี ซึ่งพักในห้องอีกโซนนึง ซึ่งดูดีมาก ๆ  ผมขนของเข้าห้องช่วยสาว ๆ เสร็จ ก็มานั่งเล่นที่ แห่งนึงที่มีเต๊นท์ มีโต๊ะจีน ตั้งอยู่ ทำให้ผมนึกถึงงานบวชขึ้นมาโดยพลัน ผมคิดว่า เราต้องทานข้าวที่นี่แน่ ๆ ฟันธง และแล้ว Staff ทวพ. ก็เดินมาบอกพวกเราว่า เราจะทานข้าวกันที่นี่ แล้วซักพัก พนักงานของรีสอร์ท ก็เอาอาหารมาวาง ผมและคณะที่นั่งอยู่หิวกันนานแล้วเพราะว่า ในท้องเรามีข้าวกล่อง 1 กล่องซึ่งน่าจะย่อยไปหมดแล้วในระหว่างทาง ไม่นาน พนักงานก็ลงอาหารเสร็จ ผมไม่พูดพร่ำทำเพลง เรียกคนอื่น ๆ ลงโต๊ะ เพื่อจะได้ครบ 8 คนและได้กินไว ๆ เพราะหิวมาก ซึ่งคนอื่น ๆ ก็หิวมากเช่นกัน ขณะที่เราทานข้าว พี่มิ๊ง กับพี่ มาร์คกี้ ก็เล่านิทานก้อม(เรื่องขำขัน)หลายเรื่อง นั่นก็ยังไม่พอ พี่นก(ญ) ก็มีเรื่องเล่ามา Featuring โต๊ะเราหัวเราะดังที่สุด ผมหัวเราะจนท้องแข็งน้ำตาไหลเลยทีเดียว ทานข้าวเสร็จ ผมเดินสำรวจทางหนีทีไล่รอบ ๆ แล้วมานั่งคุยกันกับพวกพี่หมู เสร็จแล้วก็เข้าห้องพัก จัดของเข้าที่เข้าทาง อาบน้ำ แล้วเปิดทีวีดู ยังไม่ดึกมากเลยคิดว่า เราไม่ได้ อัพเดทเหตุการณ์บ้านเมืองทาง facebook มาซักพักจึงเปิดมือถือ ออกมาจะต่อ Wi-Fi อั๋ยยะ ที่นี่.... ไม่มี.... Wi-Fi.... พระเจ้าไม่น่าเชื่อ ผมไปมาก็หลายที่นะ Resort แต่ที่นี่ คือที่แรก ที่ไม่มี Wi-Fi 

เอาละ ผมตัดใจแล้ว ไม่เล่นเน็ต เพราะถ้าจะเปิด Mobile Package เงินในมือถือก็ใกล้จะหมดแล้ว ถ้าเงินหมด ก็ไม่รู้จะไปเติมที่ไหน เพราะไกลปากซอยมาก ผมได้ไอเดีย ว่า ออกไปร้องเพลงกันดีกว่า เพราะพี่ถาวรกับทีมงานบอกว่าเราสามารถไปร้องเพลงได้ที่ห้องคาราโอเกะ โอ้ สวรรค์ 

เอาละ ผมกับพี่หมูจึงไป ณ ที่ห้องแห่งนั้น ไม่พูดพร่ำ แต่ทำเพลง ผมกับพี่หมูร้องไปร่วม 20 เพลง ซักพักก็มีสมาชิก มาร่วม Featuring 4-5 คน เราก็สลับกันร้องเพลง ทั้งลูกทุ่ง สตริงหมอลำ เพื่อชีวิต งัดออกมาหมด อาห์ และแล้ว พี่กันกับพี่ถาวร และ Staff ทวพ. ยกเครื่องดื่มมา เราก็ร้องเพลงกันต่อ แล้วสมาชิกบางคนก็ขอตัวกลับ เพราะเพลียจากกันนั่งรถไกล พอร้องเพลงถึง 4 ทุ่ม เราก็เข้าที่พัก ทีมงานบอกว่า พรุ่งนี้ 7.30 น. ทานข้าวที่ตึกขาวด้านหน้า เดินไปเลี้ยวซ้าย ผมอาบน้ำอีกครั้งแล้วก็ ...นอน...

ผมรู้สึกตัวอีกครั๊งตี 3 ตามเคย ไม่มีอะไรทำเลยล้างหน้าแปลงฟัน ดูทีวี จนถึงตี 5 กว่า ๆ ก็อาบน้ำ แต่งตัวออกมาเดินเล่น รอบ ๆ มาเจอ อ.อธิศ กำลังออกกำลังกายกับเครื่อง อัตตาหิ อัตตาโนมิไนเซอร์ ที่หน้าห้องชงโค ก็เลยนั่งคุยกันฆ่าเวลา ผมมารู้ว่า ที่นี่บรรยากาศตอนเช้า ๆ ดีมาก ๆ เลย เงียบสงบ ไอหมอกบาง ๆ ยามเช้าเย็นสบายที่สุด และผมก็สัมผัสถึงความสวยงามของที่นี่ มองไปทางไหนก็มีต้นไม้ ดอกไม้ และสีเขียวของธรรมชาติรายล้อม ฟิน มาก ๆ ผมเดินลัดเลาะไปเรื่อย ก็มาถึงที่ ๆ เราจะมาทานอาหารกัน ตอนนั้น พึ่ง 7 โมง 6 นาที ทีมงาน ทวพ. มารอแล้ว อาหาร เตรียมไว้แล้ว ผมเดินเข้าไปสำรวจดู แต่ไม่ทานอะไรเพราะจะรอเพื่อน ๆ ก่อน เลยออกมาทักทายกับทีมงาม แล้วนั่งชิงช้าเล่นที่หน้าอาคาร และผมก็ได้สังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงหนึ่งคือ น้องทราย ทวพ. วันนี้ สวยกว่าเมื่อวานมาก ๆ เลย แบบว่า ปกติก็สวยครับ วันนี้สวยเป็นพิเศษเลย 

เอาละ 7.18 น. คณะเราเริ่มเดินมากัน 5-6 คน ผมเลยเดินเข้าไปข้างใน เพื่อกินอาหารเช้า อาหารเช้าที่นี่ก็เหมือนโรงแรมทั่ว ๆ ไปครับ ไข่ดาว ขนมปัง สลัด ข้าวต้ม แต่ก็อร่อยดีครับ แต่เราก็รู้ว่า กินของแบบนี้ ไม่เกิน 10 โมงเช้า เราจะหิวอย่างมหาศาลบานเบอะแน่นอน ในตอนนั้นเอง ผมเจอผู้ชายคนนึง ใส่เสื้อสีชมพู "ครูสอนดี" ถามผมว่า มาจากไหนกันเหรอครับ ผมบอกว่า "จากร้อยเอ็ดครับ" เขาก็บอกผมว่า "อืม ตะกี๊ก็เจอเหมือนกัน มาจากร้อยเอ็ด" แล้วแกก็ถามว่า "ส่วนใหญ่มาจากที่ไหน" ผมก็ไม่รู้ว่านอกจากกลุ่มเราแล้วจะมีกลุ่มอื่นอีกไหม ผมเลยบอกว่า "ไม่ทราบครับ แต่ร้อยเอ็ดมาเยอะเหมือนกัน" แล้วก็เดิน มากินข้าวต้ม ในใจผมนึกว่า ตานี่ใครนะ ในรถก็ไม่เจอนี่หว่า หรือจะอยู่โคราช แต่เอ สำเนียงไม่ใช่แฮะ เออ ๆ ช่างเหอะ อย่าไปสนใจ อีกอย่าง ตานี่ท่าทางแปลก ๆ ด้วย ห่าง ๆ ไว้ดีกว่า

พอเสร็จจากอาหารเช้าผมก็ตรงมาที่ ห้องประชุม น้องทรายคนสวย ก็บอกว่า "อาจารย์ลงทะเบียนก่อนค่ะ" ผมเลยตอบแซวไปว่า "ทะเบียนอะก็จะลงครับ แต่อยากจดทะเบียนมากกว่า" น้องเค้าก็ยิ้ม ๆ (ปกติน้องเค้าก็ยิ้มตลอดอยู่แล้ว อย่าได้ดีใจไป หะหะ) ในใจก็คิดว่า อยากจดทะเบียนใจกับน้องมากครับ อิอิ

เอาละ ผมเข้ามานั่งในห้องประชุม ซึ่งไม่ได้จัดเก้าอี้ไว้ มีโต๊ะ บรรยาย ไมค์ ลำโพง ซักพักพี่ มิ๊ง กับพี่มาร์คกี้ก็มา เราทุกคนรุ้สึกเหมือนกันเลยว่า "เรามาอบรมอังกฤษ หรือมาอบรมธรรมะ ปฏิบัติธรรมกันแน่" จึงแซวกันเล่น ๆ ว่าพี่มิ๊งแกโกนผม เนี่ยเป็นเจ้าอาวาส ทุกคนเข้ามาศาลาหอฉัน แล้วก็ไหว้พระกันก่อน เล่นกันได้พักนึง ตาเสื้อชมพูก็มา มาถึงก็มาวุ่นวายกับโต๊ะบรรยาย จับโน่นนี่นั่น ผมนึกในใจ ว่า เอ....หรือว่าตานี่จะเป็นวิทยากร แกก็พูดอะไรไปเยอะ ยืดยาวผมไม่ได้ตั้งใจฟังเพราะ เห็นว่าแกต่อ โปรเจคเตอร์ไม่ออก เลยไปช่วย จัดการให้ ก็เลยต่อออกได้ ที่จริง มันไม่ได้ยากหรอก แค่กดสองปุ่มเอง 

คนมาใกล้ครบแกก็พูดประมาณว่าแกมาช่วยเฉย ๆ ไม่รู้ว่า อีตา อ.ขจิต มารึยัง ใครเคยเห็นแกไหม พี่ติ๊ก สมาชิกในกลุ่มเราเคยอ่านหนังสือของ อ.ขจิต และติดตามผลงาน เลยเอามือถือมาเปิด ๆ ค้น ๆ หาดูรูป อ.ขจิต ในเน็ต มันฮาตรงนี้ อีตา อ.ขจิตที่ว่าเนี่ย ก็คือคนที่กำลังนั่งดูอยู่ข้าง ๆ นั่นแหละ เนียนมากเลยนะครับ อาจารย์

ผมมาสังเกตอีกว่า จะมีน้องผู้หญิงสวย ๆ น่ารักมากคนนึ่งมานั่งอยู่ทางฝั่งซ้ายมือ ในใจคิดว่าใครเนี่ย มาอบรมหรอ ไม่น่าใช่แฮะ ทีมงาน ทวพ. หรอ แต่ ทวพ.เขาใส่เสื้อฟ้ากัน น้องคนนี้ ยิ้มเย็น ๆ ยังไงไม่รู้ เห็นครั้งแรก แปล๊ปไปถึงสันหลังเลย น้องเขามาช่วยเดินเอกสาร ต่อโน่นทำนี่ให้อาจารย์ ผมเลยสรุปว่ามาด้วยกัน ผมก็ยังสงสัยอะนะครับ แต่ก็ไม่ถาม แต่พี่หมูที่นั่งข้าง ๆ ยิงคำถามไปก่อนว่า "น้องเป็นลูกศิษย์อาจารย์ ขจิต หรอครับ" น้องยิ้มแล้วบอกว่า "เป็นลูกสาวค่ะ"  ในใจผมนึกว่า อ.ขจิต ไม่มีส่วนคล้าย น้องเขาซักกะติ๊ด น้องยังมีลักยิ้มพิมพ์ใจอีกด้วย จะเป็นพ่อลูกกันได้ไงเนี่ย "แปลกจุงเบย" และแล้วกิจกรรมก็เริ่มขึ้น

อ.ขจิต เป็นกันเองมาก แซวเก่ง รู้สึกได้ถึงความจริงใจที่ ท่านมีให้กับพวกเรา น้องที่มาด้วยก็ยิ้มเก่ง อัธยาศัยดี ช่วยโน่นนี่นั่น เพราะผู้เข้าอบรมบางท่าน ก็ป้า ๆ ลุง ๆ เลย ไม่กี่ปีก็เกษียณแล้ว ประทับใจน้องมวาก ๆ เลย ว่าจะถามชื่อแต่ก็ไม่มีโอกาสได้ถามซักที เพราะกิจกรรมสนุกตื่นเต้นตลอดเลย

กิจกรรมก็อย่างที่ อ.ขจิตได้ลงใน Blog ครับ ตามนี้เลย
สนุก มัน และ ฮา ครับ ค่ายภาษาอังกฤษครูของไทยวัฒนาพาณิชย์(1)

ตอนเย็น อาจารย์ให้เราจัด Temple Fair ผมกับเพื่อนในกลุ่ม ได้ลงความเห็นว่าทำมวยปิดตาโดยให้ผมเป็นโฆษก เกิดมาก็ไม่เคยเป็นโฆษกมวย เอาวะ เคยดูมวยปล้ำ ด้นสดมันเลยละกัน  แล้วเราก็ไปจัดพื้นที่ตกแต่งบริเวณของเรา ที่จะทำเป็นเวทีมวยชั่วคราว พอทำเสร็จ ทีมงานว่าให้พวกเรากลับไปพักผ่อนและแต่งตัวเตรียมงาน Temple Fair ประมาณ ทุ่มนึง เราก็ทานอาหารกัน แล้วผมก็ได้รู้ว่าน้องน่ารักคนที่ผมอยากรู้คือ "น้องกล้วยไข่" แล้ว อ.ขจิตก็บอกว่า อ.ยังโสด น้องไม่ใช่ลูก แต่เป็นลูกศิษย์ 

อีกหนึ่งความประทับใจผมมารู้ตัวว่า Boss ใหญ่ คุณอินทิรา บุณนาค เจ้าของ ทวพ. พร้อมครอบคัว คือแฟนท่านกับลูกสาว-น้องแพมก็มาร่วมกับเราด้วย สิ่งนึงที่ผมต้องตะลึงคือ คุณอินทิรากับน้องแพม สวยแบบว่า ผมบรรยายเป็นภาษามนุษย์ไม่ได้ครับ ทุกคนก็ตะลึง อ.ขจิต แซวว่า "อาจารย์ !!! เก็บงู!!!" อิอิ ผมว่า ถ้าจะมีงูที่ลงจากหัวคนในงาน ก็มีเป็น สิบ ๆ ตัวครับ 

และแล้วก็เริ่ม Temple Fair เริ่มจากบ้านผีสิง น่ากลัวมาก ข้างในมีกระจก มิน่า น่ากลัวจุงเบย และก็พี่ ๆ ในกลุ่มแต่งผีไปถือไฟฉายในนั้น จากนั้นก็มาปาเป้า ตอบคำถามภาษาอังกฤษ แล้วก็มาที่ มวยของพวกเรา พวกเราไม่ได้ซ้อมกันเลย คิดแล้วก็เล่นกันเลย ผมก็พากย์บรรยายมั่วซั่วไป เอาฮา นึกในใจว่า "ทำไปได้ไงเนี่ย" ทั้งนักมวยและกรรมการ ก็ชกจริงเจ็บจริง เพราะปิดตา ตีกันจริง ๆ ล้มเลอะ อีเหละเขละขละไปหมด แล้วก็มาที่ หนูนาพาโชค อันนี้ยอดมาก เชียร์กันสนั่นเลย พี่หมูได้เป็นหนู ปิดตาจริงหมุนจริง เวียนหัวจริงด้วย ทุกคนทุ่มทุนสร้างมาก ๆ พอหนูเข้ารู คนที่เดิมพันข้างรูนั้นก็มารับรางวัลคือ ได้กอดสาวงามที่ อยู่ข้างหน้า ซึ่งก็คือน้องเบนซ์ คนสวย(ที่สุดในผู้เข้าอบรม) แหม ถ้ารู้ว่ารางวัลคือ "กอด" น้องเบนซ์ละก็ ผมจะไปเล่นด้วย เอิ๊ก ๆ

บรรยากาศ ก็ตามนี้ครับ ค่ายภาษาอังกฤษครูของไทยวัฒนาพาณิชย์(2)


เสร็จจากงาน Temple Fair ก็เล่น Music แชร์ สนุกมาก เก้าอี้ รีสอร์ทหักไปหลายตัว เอิ๊ก ๆ

พอเสร็จเราก็ร้องรำทำเพลงกัน อ.ขจิต โชว์ลีลาตีลังกาหลายตลบ สุดยอดมาก

พี่หมูชวนผมไปร้องเพลงด้วย 4 ทุ่มกว่า ผมก็เลยแอบกลับมานั่งคุยกันที่เต๊นท์หน้าที่พัก แล้วจึงพากันเข้านอน

** รู้สึกดีและมีความสุขมากในกิจกรรมครั้งนี้ ได้อยู่ท่ามกลางคนที่สวย ๆ น่ารัก ๆ เยอะแยะขนาดนี้ ในขณะที่ผมขี้เหร่สุด ได้กำไรมาก คนอื่นขาดทุน อิอิ ผมได้ทั้งความรู้ ความสนุก ผมมีความสุขชนิดว่า ถ้าตายก็ไม่เสียชาติเกิดแล้วครับ

*** สุดท้าย ขอบคุณ ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้งานนี้เกิดขึ้น 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณอินทิรา บุญนาค Boss ใหญ่ ไทยวัฒนาพานิชย์ 

ขอบคุณอาจารย์ ขจิต ฝอยทอง ซุปเปอร์วิทยากร และน้องกล้วยไข่ที่น่ารัก

ขอบคุณพี่ถาวร พี่AUM น้องSINE และ Staff ทวพ. ทุกๆ คน

ขอบคุณ พี่โชเฟอร์ รถทัวร์ ที่พาเราไปและกลับอย่างปลอดภัยทุกคนครับ


ปล. ความรู้สึกบางอย่างเขียนในบล็อกสาธารณะไม่ได้ แต่ในใจ ผมเขียนชัดเจนเลยครับ

คำสำคัญ (Tags): #blue sky
หมายเลขบันทึก: 520567เขียนเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2013 20:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2013 23:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

โอโห อาจารย์เขียนละเอียดมากเลย  สรุปว่า น้องทรายจดทะเบียนด้วยไหม ฮา

"ทะเบียนอะก็จะลงครับ แต่อยากจดทะเบียนมากกว่า" น้องเค้าก็ยิ้ม ๆ (ปกติน้องเค้าก็ยิ้มตลอดอยู่แล้ว อย่าได้ดีใจไป หะหะ) ในใจก็คิดว่า อยากจดทะเบียนใจกับน้องมากครับ อิอิ

แต่น้องแพมน่ารักจริงๆด้วย ฮา

รออ่านว่าอาจารย์เอากิจกรรมไปประยุกต์ใช้ในชั้นเรียนได้ไหมครับ

สิ่งที่เขียนได้ในใจชัดเจน มักเป็นเรื่องที่น่าสนใจนะคะ


สรุปว่า งูเต็มบันทึกเลยค่ะ อิๆๆ

@อาจารย์ #ผมหน้าตาขี้เหร่เลยไม่ได้จดทะเบียนใจกะน้องทรายเลยครับ เสียดายจุงเบย เอิ๊กๆ
สำหรับ เรื่องเอาไปประยุกต์คงไม่ทันครับเพราะเด็กจะสอบแล้ว คงเป็นเทอมหน้าครับ
ประสบการณ์การสอน ผมยังน้อยมากครับเพราะบรรจุได้ไม่นาน กิจกรรมค่ายนี้ให้อะไรอะไรผมมากกว่าที่คิดเยอะเลย

@น้องกล้วยไข่ #แหมเขียนในใจหรือพูดในใจ คือเรื่องที่เราคิดและใฝ่ฝัน มันน่าสนใจก็จริง แต่ถ้าเขียนออกมาหรือพูด เราอาจกลายเป็นตัวตลกและถูกมองว่าเพ้อเจ้อ พี่จึงเลือกที่จะเก็บไว้ในใจน่ะ

ปล. บันทึกนี้ งูเยอะมาก แบบว่าแพ้คนสวย แฮ่ ๆ 
แพ้กล้วยไข่มากที่สุด อิอิ

รออาจารย์เล่าเรื่องการสอน ในเทอมหน้านะครับ

เอามาฝาก ฝากส่งให้เพื่อนๆๆด้วยครับ

จะได้เอากิจกรรมการสอนไปฝาก

วีดิโอครูอยู่ที่นี่ครับ

รูปภาพอยู่ที่นี่ครับ


หายไปนานเลย ไปดูผมจัดกิจกรรมกับชาวญี่ปุ่นนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท