“การเขียน” เป็นรูปแบบหนึ่งที่เราใช้ในการบอกกล่าวสังคมถึงข้อค้นพบเกี่ยวกับความไร้รัฐและความไร้สัญชาติของเด็ก เยาวชน และครอบครัวในสังคมไทย เราเขียนรายงานผลการวิจัยและนำเสนอต่อสาธารณชนตั้งแต่วันแรกๆ ของการทำงาน ขอให้สังเกตว่า อย่างนี้เป็นพฤติกรรมที่เราไม่เคยทำมาก่อนเลยในกระบวนการทำงานในอดีต เรามักจะเขียนรายงานก็ต่อเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการวิจัย และนักวิจัยซึ่งเป็นนักวิชาการเป็นคนเขียนรายงาน แต่ภายใต้โครงการเด็กไร้รัฐ ซึ่งเราวางแนวคิดในการทำงานในรูปแบบที่เดินไปกับสังคม ดังนั้น เมื่อเราพบอะไรอันอาจเป็นผลของการวิจัย เราจะบอกสังคม
ใครคือผู้เขียนรายงานผลการวิจัยภายใต้โครงการเด็กไร้รัฐ ?
ขอให้สังเกตอีกด้วยว่า ในส่วนของผู้บอกสังคมข้อค้นพบนั้น เราพยายามผลักดันให้เจ้าของปัญหาบอกเล่าเรื่องของเขาแก่สังคมเอง โดยมีเราเป็น “พี่เลี้ยง” ซึ่งเราแทบไม่ต้องเตรียมอะไรให้แก่พวกเขา พวกเขาเล่าเรื่องของพวกเขาได้ เพราะมันเป็นเรื่องของเขา พวกเขาขาดเพียง “กำลังใจ” ที่สร้างความรอบรู้และความกล้าหาญ ซึ่งเรานักวิจัยต้องให้แก่เขา
แต่ในส่วนของการเสนอแนะสังคมถึง “องค์ความรู้ในการแก้ไขปัญหา” นั้น ผู้บอกกล่าวย่อมเป็นผู้ที่เข้าไปค้นพบ “แนวคิดและวิธีการแก้ไขปัญหา” ซึ่งก็มักจะได้แก่องค์กรชุมชนที่ดูแลเขา องค์กรพัฒนาเอกชนที่ดูแลเขา ตลอดจนเรานักวิจัยเองซึ่งเข้าไป “ทดลอง” แก้ปัญหา แม้แต่ภาคราชการเอง
โดยสรุป ผู้เขียนรายงานผลการวิจัยภายใต้โครงการเด็กไร้รัฐ จึงได้แก่ เครือข่ายการวิจัยของเราทั้งวงจร เริ่มต้นจาก “คนไร้รัฐคนไร้สัญชาติเจ้าของปัญหา” มาจนถึงเรา “นักวิจัย”
เรานำเสนอรายงานผลการวิจัยภายใต้โครงการเด็กไร้รัฐที่ไหน ?
พื้นที่ที่เราใช้ในการนำเสนอรายงานผลการวิจัยมีอยู่ ๓ ลักษณะ กล่าวคือ
ลักษณะแรก ก็คือ การนำเสนอรายงานในพื้นที่สื่ออินเทอร์เน็ตซึ่งเป็นสื่อใหม่ที่เอื้อต่อการทำงานของเราอย่างยิ่ง เนื่องจากเราใช้ได้ตลอดเวลา และผนวกกับเทคโนโลยีอีเมลล์ เราสามารถเผยแพร่งานเขียนของเราไปยังผู้บริโภคงานวิจัยของเราในลักษณะ “ส่งถึงที่บ้าน (delivery at home)” เรามีเครือข่ายที่บริโภคงานวิจัยของเราเป็นประจำอยู่ไม่น้อย เราใช้ Websites หลายแห่งในการนำเสนอรายงานผลการวิจัยของเรา
(๑) http://www.archanwell.org/ โดยเฉพาะ Website ของผู้วิจัยหลัก อันได้แก่
(๒) http://www.thaichildrenright.net/th Website ของโครงการ ดยค.- มสช. ซึ่งเป็นโครงการแม่
(๓) http://www.forstatelesschild.org/ Website ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อบันทึกเรื่องราวของงานวันเด็กไร้สัญชาติ ซึ่งเป็นผลมาจากการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่เครือข่ายภาคเหนือซึ่งมีมหาวิทยาลัยพายัพเป็นแกนนำ และโดยการสนับสนุนทุนการสร้างเว็บ โดย UNICEF
(๔) http://childday.forstatelesschild.org/ Website ของ สคส. ซึ่งเป็นประชาคมออนไลน์ของนักวิจัยและพัฒนาของประเทศไทย
ลักษณะที่สอง ก็คือ การนำเสนอรายงานในสื่อสิ่งพิมพ์ทั้งที่เป็นสื่อกระแสหลัก หรือเป็นสื่อทางเลือก ซึ่งความเป็นไปได้ในเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเราได้สร้าง “เครือข่ายสื่อเพื่อสิทธิมนุษยชน” ภายใต้โครงการเด็กและสื่อ ซึ่งเป็นโครงการคู่ขนานกับโครงการเด็กไร้รัฐ ที่น่าสังเกตอีกอย่างก็คือ งานเขียนที่เผยแพร่ในสื่อกระแสหลักนี้ได้ทำหน้าที่ของ “คำฟ้องของอัยการในกระบวนการยุติธรรมตามธรรมชาติ” อันส่งผลให้มีการเข้าแก้ไขปัญหาให้แก่คนไร้คนไร้สัญชาติโดยกฎหมายและนโยบายที่มีอยู่แล้ว หรือโดยการสร้างกฎหมายและนโยบายใหม่เพื่อการนี้
ลักษณะที่สาม ก็คือ การนำเสนอรายงานต่อบุคคลเป้าหมายที่ควรบริโภครายงานผลการวิจัยโดยตรง ซึ่งเราได้ทำหลายครั้งภายใต้ระยะเวลา ๑๒ เดือนตามโครงการเด็กไร้รัฐ หรือแม้จนถึงปัจจุบัน เราก็ยังมีโอกาสนำเสนอรายงานผลการวิจัยของเราเมื่อมีการร้องขอจากผู้บริโภค ซึ่งรายละเอียด เราจะกล่าวถึงในบทที่กล่าวถึง “การถ่ายทอดองค์ความรู้”
ขอให้ตระหนักว่า เราไม่ค่อยมีความเชื่อในการเช่าโรงแรมในเมือง โดยเฉพาะใน กทม. เพื่อนำเสนอรายงานผลการวิจัย ซึ่งเราพบว่า ผู้เข้าร่วมนั้นโดยส่วนใหญ่อาจมิใช่ผู้ควรบริโภคงานวิจัยโดยตรง แต่เราก็ไม่ปฏิเสธรูปแบบนำเสนอรายงานผลการวิจัยในลักษณะหลังนี้ เพราะอย่างน้อยก็เป็นการเผยแพร่ความรับรู้ในปัญหาต่อบุคคลที่อาจยังไม่เข้าใจปัญหา หรือเข้าใจปัญหาแล้ว แต่ยังไม่รับรู้ถึงทางออกของปัญหา แต่ก็ต้องย้ำว่า เราให้ความสำคัญต่อการส่งรายงานผลการวิจัยโดยตรงต่อผู้ควรบริโภคมากกว่า
รายงานผลการวิจัยภายใต้โครงการเด็กไร้รัฐมีกี่ประเภท ?
โดยพิจารณากระบวนการวิจัยของเราซึ่งให้ความสำคัญกับการแสวงหาองค์ความรู้ ๓ ลักษณะ กล่าวคือ (๑) การสำรวจและวิเคราะห์สถานการณ์ด้านข้อเท็จจริง (๒) การสำรวจและวิเคราะห์สถานการณ์ด้านองค์ความรู้ และ (๓) การสังเคราะห์องค์ความรู้ในการจัดการปัญหา ดังนั้น เมื่อต้องเขียนรายงาน เราจึงต้องเขียนรายงาน ๓ ประเภท กล่าวคือ (๑) รายงานการสำรวจและวิเคราะห์สถานการณ์ด้านข้อเท็จจริง (๒) รายงานการสำรวจและวิเคราะห์สถานการณ์ด้านองค์ความรู้ และ (๓) รายงานการเสนอองค์ความรู้ในการจัดการปัญหา
ซึ่งเราจะนำเสนอรายละเอียดของรายงานผลการวิจัยในแต่ละประเภทต่อไป
ไม่มีความเห็น