หน้าแรก
สมาชิก
phrakrupisit kanaton
สมุด
phrakrupisit
บทความเรื่องนวัตก...
phrakrupisit kanaton
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
บทความเรื่องนวัตกรรมการเรียนรู้
นวัตกรรมการเรียนรู้สุ่เศรษฐกิจพอเพียง
นวัตกรรมการเรียนรู้สู่เศรษฐกิจพอเพียง
ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่
10
มี 5
ยุทธศาสตร์
คือ พัฒนาคุณภาพคนและสังคมไทย
สู่สังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้
การสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและสังคมเป็นรากฐานที่มั่นคงของประเทศ
การปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจให้สมดุลและยั่งยืน
การพัฒนาบนพื้นฐานความหลากหลายทางชีวภาพและสร้างความมั่นคงของฐานทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม
การสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการประเทศสู่ความยั่งยืน
ถ้ามองโดยภาพรวมและสรุปแล้วก็น่าจะสรุปลงใน
2
เรื่อง ใหญ่
ๆ
คือ การพัฒนาคุณภาพคนสังคมและเศรษฐกิจ
การพัฒนาคุณภาพคนและสังคม
เน้นการพัฒนาไปสู่สังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้ ส่วนการพัฒนาเศรษฐกิจเน้นเศรษฐกิจพอเพียง
สิ่ง ๆ หนึ่งที่เป็นเครื่องมือในการพัฒนาคนในหลายปัจจัยนั้นก็คือ นวัตกรรมซึ่งจะนำบุคคลไปสู่บุคคลแห่งการเรียนรู้ เรื่องที่เกี่ยวข้องที่จะต้องเรียนรู้กันมากที่สุดในตอนนี้นั้นก็คือเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง
นวัตกรรมการเรียนรู้คืออะไร
ที่นี้มาทำความเข้าใจ ว่า นวัตกรรมการเรียนรู้คืออะไรกันก่อน
“
นวัตกรรม
“
มาจากภาษาอังกฤษว่า
“
Innovation ”
ซึ่งแปลว่า
ทำขึ้นมาใหม่
คนทั่วไปมักจะเข้าใจผิดคิดว่านวัตกรรมเป็นคำที่เกี่ยวข้องเฉพาะสิ่งใหม่ ๆ
ที่เกิดขึ้น
ในวงการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ซึ่งในเรื่องนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี
ได้ทรงอธิบายไว้ในการแสดงปาฐกถาเรื่อง
“
เทคโนโลยี
นวัตกรรมกับการพัฒนาประเทศ
“
ในการประชุมประจำปีของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ( สวทช ) เมื่อวันที่
30
มี.ค. 2542 มีใจความตอนหนึ่งว่า
“
คนเรานั้นจะต้องมีนวัตกรรม
คือ ต้อง
Innovative
หรือต้องรู้จักสร้างสรรค์
ต้องมีความพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้า
ปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของโลก
แต่ว่าก็ต้องสามารถปรับโลกให้เหมาะสมสอดคล้องกับความเป็นอยู่หรือความพอใจความสุขสบายของตัวเองเหมือนกัน
ต้องแก้ปัญหาด้วยความคิด
พอทางหนึ่งตันก็ต้องหาทางใหม่ไม่งอมืองอเท้า
ยิ่งในภาวะวิกฤต
ยิ่งต้องการนวัตกรรม
ซึ่งไม่เฉพาะแต่นวัตกรรมทางเทคโนโลยีเท่านั้น
หากแต่เป็นนวัตกรรมของทั้งระบบโดยรวม
ตั้งแต่สังคมเศรษฐกิจ
และวิถีชีวิต หรือวัฒนธรรม
”
นวัตกรรมทางด้านความรู้ก็เช่นกัน
จะเกิดขึ้นได้จำเป็นต้องอาศัยวิธีคิด
ที่ออกนอกกรอบเดิมพอสมควร
คือ จะต้องออกนอก
“
ร่อง
”
หรือช่องทางเดิม ๆ
ที่เคยชิน
เรียกได้ว่าจะต้องพลิกกระบวนทัศน์
(
Shift
paradigm
)
ที่มีอยู่เดิมเกี่ยวกับการเรียนรู้เสียใหม่
จากการที่เคยเข้าใจว่า
การเรียนรู้ก็คือเพียงการศึกษาเพียงเพื่อให้รู้ไว้
มาเป็นการเรียนรู้ที่นำมาใช้พัฒนางาน
พัฒนาชีวิต
เศรษฐกิจพอเพียง คือ อะไร
เศรษฐกิจพอเพียง
เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนเองของประชาชนในทุกระดับ
ตั้งแต่ระดับครอบครัว
ระดับชุมชน
จนถึงระดับรัฐ
ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลาง
โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์
เศรษฐกิจพอเพียง หมายถึงความพอประมาณ
ความมีเหตุผล
รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควร
ต่อการมีผลกระทบใด ๆ
อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน
ทั้งนี้จะต้องอาศัยความรอบรู้
ความรอบคอบและความระมัดระวังอย่างยิ่งในการนำวิชาการต่าง
ๆ
มาใช้ในการวางแผนและดำเนินการทุกขั้นตอนและขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ
โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐนักทฤษฎี
และนักธุรกิจในทุกระดับ
ให้มีสำนึกในคุณธรรมความซื่อสัตย์สุจริต
และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสมดำเนินชีวิตด้วยความอดทน
ความเพียร
มีสติปัญญาและความรอบคอบ
เพื่อให้สมดุลและพร้อมที่จะรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวางทั้งด้านวัตถุสังคม
สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี
การเชื่อมโยงนวัตกรรมแห่งการเรียนรู้สู่เศรษฐกิจพอเพียง
การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์หรือปรับเปลี่ยนวิธีคิดถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ
สร้างมุมมองที่เป็นองค์รวมคือมองเห็นงานเห็นปัญหา
เห็นชีวิต
ว่าเป็นสิ่งเดียวกัน จะทำให้เราเข้าใจสิ่งที่ท่านอาจารย์พุทธทาสพร่ำสอนอยู่เสมอว่า
“
ความสุขที่แท้
มีอยู่แต่ในงาน
”
สร้างแนวความคิดที่เป็นสัมมาทิฏฐิ
เกี่ยวกับการพัฒนาไปสู่สัมมาพัฒนา
แต่ถ้าเป็นมิจฉาทิฏฐิก็นำมาสู่มิจฉาพัฒนา
เปลี่ยนแปลงรหัสพัฒนาใหม่
โดยเชื่อมโยงเข้ากับนวัตกรรมแห่งการเรียนรู้
การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญยิ่งสำหรับสร้างนวัตกรรมการเรียนรู้
แต่ลำพังการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์หรือวิถีคิด ก็มิได้หมายความว่านวัตกรรมการเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้เองโดยปริยาย
จำเป็นจะต้องอาศัยปัจจัยและองค์ประกอบอื่น ๆ
มาอุดหนุนเกื้อกูล
จึงจะประสบผลสำเร็จ
ในที่นี้จะขอหยิบยก
3
องค์ประกอบหลัก ที่ถือว่าจำเป็นต่อการสร้างนวัตกรรมการเรียนรู้ให้เกิดขึ้น
ซึ่งได้แก่
1. เวลา
2 . เวที
3.
ไมตรี
องค์ประกอบแรกเวลา
เป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญ ถ้าไม่มีเวลาการเรียนรู้ก็ไม่เกิดหรือเกิดได้ยาก
ไม่สามารถที่จะ
“
ย่อย
”
สิ่งที่ได้ฟังหรืออ่านมา
บางคนก็ไม่มีเวลาที่จะร่วมทำงานกลุ่ม หรือวิเคราะห์กรณีศึกษาที่อาจารย์มอบหมายให้
เพราะฉะนั้นนวัตกรรมแห่งการเรียนรู้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีเวลา
องค์ประกอบตัวที่สอง
จะต้องมีเวที หรือพื้นที่
ไว้ใช้สำหรับแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน
เวทีเรียนรู้ควรมีรูปแบบหลากหลาย คือ มีทั้งเวทีที่จัดขึ้นอย่างเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ แต่มีจุดประสงค์และเป้าหมายเดียวกัน
คือ มีความคิดหลากหลายแต่เป้าหมายเดียวกัน
เวทีดังกล่าวนี้ เป็นได้ทั้งพื้นที่กายภาพ (
physical
space )
ที่คนสามารถเข้ามาพบปะพูดคุยประชุมกัน มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันได้
หรืออาจจะเป็นพื้นที่เสมือน
(
virtual
space )
ที่สร้างขึ้นมาโดยอาศัย เครือข่ายอินเตอร์เนท (
internet )
ก็ได้อาทิเช่น การใช้
E – mail loop
,
หรือ
Webboard
หรือ
weblog
เทคโนโลยีการสื่อสารและสารสนเทศ
(
Information
and
Comunication
Technology
)
หรือที่เรียก สั้น ๆ ว่า
“ICT ”
นั้นเป็นเครื่องมือที่ค่อนข้างทรงพลังอย่างยิ่งในการสร้างนวัตกรรมการเรียนรู้
ปัจจัยองค์ประกอบที่สาม
ที่จำเป็นสำหรับสร้างนวัตกรรมการเรียนรู้นอกเหนือจากมีเวลามีพื้นที่หรือเวทีให้แล้ว
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีใจ ให้แก่กันและกันด้วย
จิตใจต้องเปิดกว้างไม่คับแคบ
ว่างพอที่จะรับสิ่งใหม่ ๆ
ที่หลั่งไหลเข้ามา ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ตกอยู่ในสภาวะ
“
น้ำชาล้นถ้วย
”
คือไม่สามารถรับอะไรใหม่ไปได้เลย
เพราะฉะนั้นนวัตกรรม
3
อย่างนี้จะต้องนำไปสู่เศรษฐกิจพอเพียง
นำไปสร้างจิตสำนึกใหม่ปรับเปลี่ยนจากวิถีเศรษฐกิจวัตถุนิยม
- บริโภคนิยม
- เงินนิยม
ไปสู่วิถีเศรษฐกิจพอเพียง
ซึ่งจะมีวิธีการ
4
อย่าง
หรือ
เรียกว่า มรรควิธี
4
ประการนำไปสู่เศรษฐกิจพอเพียง
คือ
1.
สร้างทิฐิและจิตสำนึกใหม่
ควรจะมีการรณรงค์ให้ผู้คนเปลี่ยนคำถามจาก
“
ทำอย่างไรจะรวย
”
ไปเป็นคำถามใหม่ว่า
“
ความดีคืออะไร
”
เมื่อถามซ้ำอยู่อย่างนั้น ทิฐิและจิตสำนึกค่อยเปลี่ยนไป
ว่าเป้าหมายของชีวิตและการพัฒนาคือความดีและการอยู่ร่วมกัน
ไม่ใช่การทำกำไรสูงสุด
รหัสพัฒนาใหม่คือ
GCK
หรือ ความดี
(
Goodness )
การอยู่ร่วมกัน
(
Community )
ความรู้
(Knowledge )
ความดีต้องเป็นคัวตั้ง
การอยู่ร่วมกันเป็นเป้าหมาย
ความรู้เป็นเครื่องมือ ชีวิตเศรษฐกิจพอเพียงเป็นผล
2. ออกแบบโครงสร้างการพัฒนาที่ถูกต้อง
สังคมมีเครื่องมือมากแต่ขาดการออกแบบ โครงสร้างทุกชนิดต้องมีฐานที่แข็งแร็ง โครงสร้างนั้นจึงจะมั่นคง
สังคมก็เช่นกันต้องมีฐานที่แข็งแร็ง
ฐานของสังคม คือ ชุมชน
ท้องถิ่น
แต่ฐานกลับอ่อนแอลง
การพัฒนาทุกชนิดต้องเชื่อมกับฐานล่าง อยู่บนความเข้มแข็งของฐานล่าง จึงเป็นโครงสร้างการพัฒนาที่ถูกต้อง
ชุมชนเข้มแข็งคือฐานของเศรษฐกิจพอเพียง
หากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ รู้จักมองไปข้างล่าง เรียนรู้เรื่องข้างล่าง
สนับสนุนความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่น มหาวิทยาลัยจะเป็นกำลังสำคัญของเศรษฐกิจพอเพียง ถ้าเราเข้าใจความสำคัญของฐานล่างของสังคม ก็จะเข้าใจว่าทำไมพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงตะลอน ๆ
ไปช่วยคนข้างล่าง
จนพระเสโทหยดหยดจากปลายพระนาสิกการพัฒนาต่าง ๆ
ข้างบนไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การศึกษา
การพระศาสนา
การสาธารณสุข
การสื่อสาร
ฯ ล ฯ มีพลังมากถ้าเชื่อมกับฐานล่าง
ให้ข้างล่างกับข้างบนเกื้อกูลซึ่งกันและกัน
ประเทศไทยจะแข็งแร็ง
พอเพียง
และเรืองแสง
3. ส่งเสริมจิตตปัญญาศึกษาเพื่อการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานในคน
การศึกษาทุกวันนี้เป็นการศึกษาวิชาต่าง
ๆ
ซึ่งเป็นเรื่องนอกตัวทั้งสิ้นไม่มีเลยที่ศึกษาเรื่องภายในตัวเอง
จึงจำเป็นต้องดึงพลังภายในขึ้นมาใช้
มีความจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานทั้งในตนเอง
และเชิงองค์กร
จึงจะเผชิญกับวิกฤตรุนแรงของโลกได้
จิตตปัญญาศึกษาจะช่วยให้ปรับไปสู่วิถีแห่งความพอเพียง เป็นไปได้ง่ายมากขึ้น จึงควรทำความเข้าใจและส่งเสริมอย่างจริงจัง
4. สร้างเครื่องมือใหม่ทางสังคม
โครงสร้างในองค์กรทุกชนิดเป็นโครงสร้างทางดิ่ง หมายถึงเน้นการใช้กฎหมาย
กฎระเบียบ
และการสั่งการจากบนลงล่าง
เป็นความสัมพันธ์ระหว่างผู้มีอำนาจกับผู้ไม่มีอำนาจ
โครงสร้างชนิดนี้ไม่มีพลังเพียงพอที่จะแก้ปัญหาที่ยากและซับซ้อน จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานเชิงองค์กรซึ่งไม่ใช่การโค่นล้มหรือทำลาย วิธีการคือเป็นการสร้างความสัมพันธ์ทางราบเป็นความสัมพันธ์ใหม่ทั้งภายในและภายนอกองค์กรโดยถือหลักว่าทุกคนมีศักดิ์ศรีมีคุณค่า
และมีศักยภาพ
สามารถเข้ามารวมกลุ่มร่วมคิดร่วมทำด้วยความเสมอภาค
และเชื่อมโยงเป็นเครือข่าย
หลักการข้างต้นจะเกิดเป็นโครงสร้างทางสังคมใหม่ เรียกเป็นสัญลักษณ์ว่า
INN
ดังนี้
I
=
Individual
หรือปัจเจกบุคคลที่มีจิตสำนึกใหม่ว่าเรามีเกียรติ
มีศักดิ์ศรี
มีคุณค่า
มีศักยภาพที่จะทำอะไรดี
ๆ
N = Nodes
คนที่มีความสนใจร่วมกัน เรียนรู้ร่วมกัน
ร่วมคิดร่วมทำ
ทุกคนเสมอภาค
เป็นความสัมพันธ์ทางราบ
N
=
Networks
มีการเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายทั้งระหว่างบุคคลและกลุ่ม
แนวทางการพัฒนาของพระเจ้าอยู่หัวอาจเรียกว่า เอาความดีเป็นตัวตั้ง
เพื่อการอยู่ร่วมกันโดยใช้ความรู้
ซึ่งอาจเป็นรหัสพัฒนาว่า
GCK
หรือความดี
–
การอยู่ร่วมกัน -
ความรู้
การพัฒนาแบบเก่าโลกเข้าไปสู่ความเสื่อมเสียทางศีลธรรมและเจ็บป่วยมากขึ้นเรื่อย ๆ
เพราะใช้เงินเป็นตัวตั้ง
หากจะเยียวยาโลกได้
ต้องใช้รหัสพัฒนาใหม่
ฉะนั้น จึงควรสนใจศึกษาความหมายเชิงลึกของแนวทางการพัฒนาของพระเจ้าอยู่หัวให้ได้
เพราะอาจพบสหัสพัฒนาใหม่ที่ช่วยให้โลกรอดได้
สรุปการเชื่อมโยงนวัตกรรมการเรียนรู้สู่เศรษฐกิจพอเพียงจะต้องมีการขับเคลื่อนกันเป็นเครือข่าย ได้แก่
-
เครือข่ายประชาสังคม
-
เครือข่ายธุรกิจเอกชน
-
เครือข่ายวิชาการ
-
เครือข่ายสร้างกระบวนการเรียนรู้
-
เครือข่ายเผยแพร่ประชาสัมพันธ์
เมื่อทุกภาคส่วนช่วยกันทำความเข้าใจและนำไปใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ เชื่อแน่ว่าแนวทางพัฒนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงจะช่วยให้ประเทศชาติอยู่รอดปลอดภัยได้อย่างมั่นคงและมีความสุขอย่างยั่งยืนตลอดไป
พระครูพิศิษฏ์คณาทร
บรรณานุกรม
“
การขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง
.”.[
ออนไลน์
].
เข้าถึงได้จาก
:http://www.
nesdb.go.th/SufficiencyEcon/main.htm 2549.
“
ขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง
.”.[
ออนไลน์
].
เข้าถึงได้จาก
:http://www.
Sufficiencyeconomy.org/ 2549.
“
จากแนวคิดสู่ภาคปฏิบัติเส้นทางเศรษฐกิจพอเพียง
.”.[
ออนไลน์
].
เข้าถึงได้จาก
:
http://72.14.253.104/search 2549
.
“
นวัตกรรมการเรียนรู้สู่การศึกษาที่แท้
.”
.
[
ออนไลน์
].
เข้าถึงได้จาก
:http://www
.
kmi.or.document/Learninnovation.doc/2549
“
มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน
.”.[
ออนไลน์
].
เข้าถึงได้จาก
:http://72.14.253.
104/www.tisi.go.th/otop 2549.
“
เศรษฐกิจพอเพียง.
”
.
[
ออนไลน์
].
เข้าถึงได้จาก
:http://www.rta.mi.th/
2549.
“
เศรษฐกิจพอเพียง
.”.[
ออนไลน์
].
เข้าถึงได้จาก
:
http://www.doae.go.th/
report/SE/html/01.htm 2549.
“
เศรษฐกิจพอเพียง
.”.[
ออนไลน์
].
เข้าถึงได้จาก
:http://www.journaling.
or.th/se.htm 2549.
“
เศรษฐกิจพอเพียง
.”.[
ออนไลน์
].
เข้าถึงได้จาก
:http://www.prdnoth.
in.th/king60/justeconomic.php
2549.
“
เศรษฐกิจพอเพียง
.”.[
ออนไลน์
].
เข้าถึงได้จาก
:http://72.14.253.104/
search 2549.
“
เศรษฐกิจพอเพียง
.”.[
ออนไลน์
].
เข้าถึงได้จาก
:http://members.thai.
net/sahakorn/kaset/sed.html 2549.
“
เศรษฐกิจพอเพียง
:
ทิศทางแผนพัฒนาฯ ฉบับที่
9.”.[
ออนไลน์
].
เข้าถึงได้จาก
:
www.chaipat.or.th/chapat/jounal/decoo/thai/ 2549.
“
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 10
”
.[
ออนไลน์
].
เข้าถึงได้จาก
:
http://www.cmtca.or.th/file-doc/ 2549
“
โครงการพัฒนาโรงเรียนในท้องถิ่น
.”.
[
ออนไลน์
].
เข้าถึงได้จาก
:http://72.
14.253.104/www.labschoolseminar.net/ 2549.
“
โครงการอบรมการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดกลุ่เยาวชนที่จังหวัดระนอง
.”.
http//72.104/www.ranongpoc.com/2549.
“Sufficiency Economy Initiative.”.[
ออนไลน์
].
เข้าถึงได้จาก
:
http//72.14.253.104/search 4549.
“ Self – Sufficiency – Self -
Economy.”. [
ออนไลน์
].
เข้าถึงได้
จาก
: www.porpeang.org/ 2549.
……………………….
เขียนใน
GotoKnow
โดย
phrakrupisit kanaton
ใน
phrakrupisit
คำสำคัญ (Tags):
#การศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น
หมายเลขบันทึก: 51767
เขียนเมื่อ 25 กันยายน 2006 16:32 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 14:12 น. (
)
สัญญาอนุญาต:
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
phrakrupisit kanaton
สมุด
phrakrupisit
บทความเรื่องนวัตก...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท