ความรัก....ทำให้แก้ปัญหาได้ทุกอย่าง


จงมองทะลุปัญหา........ออกไป

บทเรียนจากการมองผ่านนิ้ว

            Patch Adams (1998) เป็นหนังที่หยิบมาดูซ้ำคราวใด
ก็ได้แง่คิดดีๆ ให้กับชีวิตเสมอ นี่คือคุณค่าของหนังเรื่องนี้ครับ
Patch Adams เริ่มเรื่องด้วยเสียงบรรยายที่บอกถึงความสับสนในชีวิต
"บ้าน...ตามคำหมายของพจนานุกรมแปลว่า สถานที่เริ่มต้น และจุดหมายหรือปลายทาง
ส่วนพายุหรือ พายุทั้งหมดอยู่ในความคิดผม
เหมือนที่กวีดังเต้ กล่าวไว้ว่า ในระหว่างการเดินทางของชีวิต
ฉันพบตัวเองในป่ามืด ฉันได้หลงทางไป
แต่แล้วในที่สุดฉันได้พบทางที่ถูกต้อง ในที่ที่ไม่คาดถึง"
ฮันเตอร์ แพ็ทช์ อดัมส์ (โรบิน วิลเลี่ยมส์) ตัดสินใจยุติความสับสนของชีวิต
ในสถานที่ที่เขาไม่คาดคิดว่า คำตอบของชีวิตรอคอยเขาอยู่ที่นั่น โรงพยาบาลประสาท...

Patch-Adams-02.jpg

          ที่นั่นแพื็ทช์ได้พบคนไข้ทางจิตหลายประเภท ทำให้เขาลืมปัญหาตนเองไปชั่วคราว
อาร์เธอร์ เมนเดลสัน (ฮาโรลด์ กูลด์) อัจฉริยะที่โด่งดังในอดีต
แต่เพราะคิดมากเกินไป เลยต้องเข้าโรงพยาบาลประสาท
ครั้งแรกที่พบกัน อาร์เธอร์ชูนิ้ว 4 นิ้ว ถามแพ็ทช์ว่า "น้ิวมือมีกี่นิ้ว"
แพ็ทช์ตอบไปที่ตาเห็น " 4 นิ้ว" อาร์เธอร์หัวเราะใส่หน้าแพ็ทช์บอกว่า "งี่เง่าอีกรายแล้ว"
อาร์เธอร์วนเวียนถามคำถามที่ดูเหมือนไร้สาระ
แต่คำตอบที่อาร์เธอร์เฉลยให้ฟัง ได้เปลี่ยนชีวิตของแพ็ทช์ไปตลอดกาล
อาร์เธอร์บอกให้แพ็ทช์มองทะลุนิ้วทั้ง 4 ออกไป
และเมื่อทำตามแพ็ทช์เห็นนิ้วมี 8 นิ้ว ซึ่งเป็นข้อคิดชีวิตว่าเมื่อเกิดปัญหาขึ้น
คนส่วนมากมักจะเพ่งความสนใจไปที่ปัญหา
แทนที่จะมองทะลุปัญหาออกไป ซึ่งทำให้พวกเขาติดอยู่กับปัญหา
หาทางออกไม่เจอ เกิดความท้อแท้ และสิ้นหวัง
แต่การมองทะลุปัญหาทำให้เราพบทางออก หลุดออกจากกรอบ
หลุดจากความกลัว เกิดความหวังและพลังในการแก้ไขปัญหา
ทำให้พบมุมมองใหม่ๆ ที่สดใสในชีวิต
            คนที่ช่วยให้แพทช์หายจากอาการทางประสาท ไม่ใช่หมอ
แต่เป็นเพื่อนคนไข้ที่ทำให้เขาได้สติและเข้าใจว่า
การที่คิดถึงแต่ตัวเองต่างหากที่ทำให้เขาเป็นทุกข์ จนอยากจบชีวิตตัวเขาลง
เมื่อแพ็ทช์เริ่มคิดถึงคนอื่น หันมาช่วยเหลือคน
เขาก็ปลดปล่อยตัวเองจากความกดดันต่างๆ นี่คือกระบวนการรักษาอาการป่วยได้ดีที่สุด
ความป่วยที่เกิดจากเอาตัวเองเป็นหลัก ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
แพ็ทช์ออกจากโรงพยาบาล เพราะคิดว่าตัวเขาน่าจะช่วยคนอื่นได้ผ่านทางการเป็นแพทย์
แต่ไม่ใช่แพทย์ในฉบับทั่วไป แพทย์ที่รักษาไข้ แต่รักษาคน
ที่โรงเรียนแพทย์และโรงพยาบาลไม่ได้ให้ความสนใจคนไข้
เน้นแต่การรักษาโรคมากกว่าที่จะเยียวทางจิตใจ
แต่แพ็ทช์กลับคิดว่า ถ้าหากคนไข้ยิ้มได้ หัวเราะได้
พวกเขาจะฟื้นไข้และหายได้อย่างรวดเร็ว แพทช์ใช้วิธีการต่างๆ
เพื่อให้คนไข้รู้สึกดีขึ้น ไม่ใช่ยาอย่างเดียว แต่ด่้วยเสียงหัวเราะที่มอบให้ 

             คณบดีวอลคอทท์ (บ๊อบ กันตัน) คือตัวแทนฝ่ายประเพณีนิยม
ที่อยู่ในกรอบความคิดเดิมๆ สนใจเฉพาะความคิดตัวเอง ไม่ยอมรับความคิดของคนอื่น
วอลคอทท์ประกาศภารกิจที่ยิ่งใหญ่ต่อหน้านักศึกษาแพทย์ว่า
"งานของเราคือ ฝึกพวกคุณอย่างหนัก เอาความเป็นมนุษย์ออกจากตัวคุณ
เพื่อให้คุณเป็นดีกว่านั้น เราจะทำให้คุณเป็นแพทย์"
วอลคอทท์กำลังปลูกฝังว่าแพทย์เป็นอีกชนชั้นหนึ่งในสังคม
ที่สูงกว่าพยาบาล คนไข้ หรือคนทั่วไป
และไม่น่าแปลกใจเลยที่วอลคอทท์จะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับแพ็ทช์
ที่"ละเมิด"กฏเกณฑ์ต่างๆที่ตั้งไว้ นับจากไปดูแลคนไข้
ทั้งๆ ที่ยังไม่สิทธิ์ดูแล (นักศึกษาปี 3 ขึ้นไปจึงจะมีสิทธิ์ดูแลคนไข้
ส่วนปี 1 และ 2 ผ่าศพอาจารย์ใหญ่ไปก่อน)
การรักษาคนไข้ด้วยเสียงหัวเราะ ที่ขัดกับกฎเกณฑ์ทางแพทย์ที่ใช้ยารักษา

          หนังยังให้เห็นภาพของคนอื่นๆ ที่เดินอยู่ในกรอบ จนชีวิตขาดอิสระและความรื่นรมย์
ผ่านทางตัวละครอย่างแคริน (โมนิก้า พ็อตเตอร์)
นักศึกษาแพทย์รุ่นเดียวกับแพ็ทช์ ที่มุ่งมั่นตั้งใจเรียนอย่างหนัก
เพื่อที่เมื่อจบไปแล้วคนจะเรียกเธอว่าหมอ
แครินมองว่าแพ็ทช์คือตัวป่วนที่สร้างความวุ่นวายใจและควรอยู่ห่างให้มากที่สุด
ดูภายนอกเหมือนแพ็ทช์ไม่ได้ตั้งใจเรียน แต่เมื่อผลสอบออกมา
เขากลับทำคะแนนทิ้งห่างเธอ และเมื่อเปิดใจเป็นเพื่อนกับเขา
แพ็ทช์เปลี่ยนมุมมองชีวิตเธอใหม่ ช่วยให้เธอหลุดพ้นจากกรอบความคิดเดิม
แครินค้นพบว่าคุณค่าของชีวิตที่แท้จริงคือการได้ช่วยเหลือคนที่มีความทุกข์
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกเป็นอิสระ หลุดพ้นจากพันธการทั้งปวง
เหมือนผีเสื้อที่โบยบินอย่างเสรี 

             แพ็ทช์พบว่ากฎระเบียบของโรงพยาบาล สร้างความยุ่งยากให้กับคนไข้และ
ญาติๆ และยังมีคนไช้จำนวนมาก ไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม
เพราะไม่มีบัตรประกันสุขภาพ นั่นทำให้แพ็ทช์คิดจะสร้างโรงพยาบาลในฝัน
ที่ให้บริการฟรีกับคนไข้ทุกคน แต่โรงพยาบาลในฝันที่แพ็ทช์ตั้งใจที่จะสร้าง
เป็นโครงการที่ใหญ่มาก ต้องใช้เงินทุนและบุคลกรจำนวนมาก
แม้จะเห็นความจำกัด แต่บทเรียนจากการมองผ่านนิ้ว
ทำให้แพทช์ก็ไม่จำกัดตนเอง ยังเกิดความหวังและกำลังใจที่ทำโครงการนี้ให้สำเร็จ
โรงพยาบาลในฝันเริ่มต้นที่กระท่อมเล็กๆ บนที่ดินของอาร์เธอร์
เจ้าของปริศนา"นิ้วมือมีกี่นิ้ว"ชายที่แพ็ทช์เจอที่โรงพยาบาลประสาท
นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลที่สวยหรู หรือทันสมัยอะไรเลย อุปกรณ์ในการรักษาก็มีจำกัด
แต่คนไข้จำนวนมากก็แวะเวียนมาใช้บริการ

            รวมทั้งแลร์รี่ ชายที่มีปัญหาทางจิต ที่ก้าวเข้ามาในสถานที่แห่งนี้
แครินรู้ว่าแลร์รี่ผิดปกติตั้งแต่แรก แต่เธอไปหาแลร์รี่ที่บ้าน
เพราะต้องการช่วยเขาจากความทุกข์ แต่เธอกลับถูกเขาฆ่าตาย
ก่อนหน้านั้นเธอช่วยแพ็ทช์ดูแลคนไข้ นี่คืองานที่ทำให้เธอมีความสุข
แครินเข้าใจถึงวิญญาณความเป็นแพทย์ เธอมีอิสระเหนือความกลัว
(ถ้าเป็นเหมือนเมื่อก่อน แครินจะไม่ไปหาแลร์รี่แน่ๆ)
แครินถูกปลดปล่อยก่อนที่ความตายจะมาเยือนเธอ
หนังใช้ผีเสื้อเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นอิสระ ไม่ว่ามันจะเคยเป็นอะไรมาก่อน
(หนอนหรือดักแด้) แต่สุดท้ายมันจะกลายผีเสื้อโบยบินอย่างเสรี
แม้ความตายจะมีหลายชื่อ เหมือนที่แพ็ทซ์เคยบอกคนไข้รายหนึ่งถึงชื่อของมัน
"มรณกรรม (death) การตาย (to die) การหมดอายุ (to expire)
การผ่านไป (to pass on) การดับสูญ (to peg out) ฯลฯ"
แต่ความตายไม่ใช่จุดจบของชีวิต แต่เป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ดีกว่า
แม้จะไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เมื่อแพ็ทช์เห็นผีเสื้อบินอยู่ใกล้ๆ
เหมือนแครินไม่ได้จากไปไหน แพ็ทช์ถูกปลดปล่อย มีอิสรภาพเหนือความทุกข์โศก

            หลายครั้งเราอาจคิดว่าแพทย์ไม่จำเป็นต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์
เพราะเวลาตรวจหรือรักษาโรค ต้องทำตามขั้นตอนที่เรียนมาอย่างถูกต้อง
เพราะถ้าผิดพลาดไปเพียงขั้นตอนเดียวอาจหมายถึงชีวิตของคนป่วยได้
แต่เราไม่ควรลืมว่าสิ่งต่างๆ ที่พัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง
เกิดจากมีคนเริ่มสงสัยในวิธีการเดิม เริ่มเห็นปัญหาการักษาแบบเดิม
อันนำไปสู่ความกล้าและท้าทายตัวเอง ให้หาทางออกของปัญหาด้วยวิธีการใหม่ๆ
ความคิดของแพ็ทช์ การรักษาคนไข้ด้วยเสียงหัวเราะ
เปลี่ยนความชาเย็นของผู้ทำการรักษา ให้กลายเป็นความรักที่มีต่อคนป่วย
หลายสื่งที่ทำไปถูกต่อต้านอย่างหนัก แต่แพ็ทซ์ยืนหยัดในสิ่งที่ทำ
จนในที่สุดวิธีของเขาถูกยอมรับว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการรักษา
แพ็ทช์ อดัมส์ ชายที่ครั้งหนึ่งเคยมีปัญหาทางจิต
แต่หายได้เพราะข้อคิดจากเพื่อนในโรงพยาบาล
การมองผ่านนิ้วออกไปช่วยให้เขา หลุดจากปัญหา หลุดจากความกลัว
หลุดจากกรอบความคิดเดิม เกิดความคิดสร้างสรรค์มากมายตามมาอย่างไม่เชื่อ
วันนี้คุณมองผ่านนี้วแล้วหรือยัง

     เราสามารถแก้ไขปัญหาและสามารถมองชีวิตด้วยความรักและเราจะสามารถแก้ไขปัญหาด้วยความรักได้

     ความรักนี่ดีจริง ๆ KAKE

คำสำคัญ (Tags): #ความรัก
หมายเลขบันทึก: 51619เขียนเมื่อ 24 กันยายน 2006 17:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 17:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

โห...สุดยอดเลยค่ะ...แม้เป็นเรื่องที่นำมาเล่าต่อ แต่ก็ทำให้ get อะไรบางอย่างต่อชีวิตได้ดียิ่ง..

ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่านี้นะคะ

(^______^)

กะปุ๋ม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท