สวมชื่อบุคคลอื่นทำบัตรประจำตัวประชาชน


สวมชื่อบุคคลอื่นทำบัตรประจำตัวประชาชน

ผู้ถาม คุณหนูรี ๑๒ มกราคม ๒๕๕๕

ทำบัตรประชาชนตั้งแต่อายุ 15 ที่ราชบุรี มีคนพาไปทำ

แต่พออายุ 29 มีเจ้าหน้าที่มาแจ้งว่าบัตรประชาชนที่ใช้อยู่สวมสิทธิ์ของคนอื่นอยู่

แล้วได้ยึดบัตรไปตั้งแต่ปี 2553 กลายเป็นคนไม่มีสถานะทางทะเบียน

เจ้าหน้าที่เขตแจ้งดำเนินคดี แล้วไม่รู้จะทำยังไงดี

เป็นเด็กไม่มีพ่อ แม่ ป้าที่เลี้ยงมาก็เสียชีวิตไปแล้ว 3 ปีก่อนที่จะเกิดเรื่องไปถามกับญาติที่รู้จักก็ไม่มีใครรู้ว่าเรามาจากไหน บอกแค่ว่าเป็นลูกของน้องชาย เลยไม่รู้ว่าเราเป็นใคร โดนเลี้ยงมาแบบคนจีนได้เรียนหนังสือ

ทำงานบ้านอยู่กับบ้านจนอายุ 19 ถึงได้ย้ายออกมาเช่าบ้านอยู่เองค่ะ ไม่กล้าไปถามตำตรวจว่าเรื่องไปถึงไหนแล้ว

ไม่กล้าถามเจ้าหน้าที่เขตด้วยว่าเป็นยังไง

เจ้าหน้าที่เขตแจ้งว่าเอกสารเราไม่พอเลยต้องยกบัตรให้เค้าไปค่ะ

ตอนนี้ต้องเงียบไว้ กลัวตำรวจจับ

น้าสามีโดนฟ้องเรื่องรับเข้าบ้านแต่อัยการไม่รับฟ้องเพราะไม่รู้เรื่อง

มีลูกอายุ 3.9 ปี เป็นห่วงลูกมาก

ใครรู้รบกวนตอบหน่อยนะค่ะ

+++++++++++++++++++++++++++++++++

สืบเนื่องมาจากคำถามของคุณหนูรี

http://www.gotoknow.org/questions/16108

ขอลองแนะนำดู

ถ้าข้อมูลที่คุณให้มาเป็นความจริง โดยเฉพาะเรื่องอายุ

คุณอายุ ๒๙ ปี เมื่อ พ.ศ.๒๕๕๓ และถูกยึดบัตรประจำตัวประชาชนโดยเจ้าหน้าที่เขต (กทม.)

แสดง ว่า เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบจากฐานคอมพิวเตอร์ออนไลน์ ว่าตัวคุณมิใช่บุคคลที่แท้จริง (มีการสวมชื่อสวมตัวบุคคลอื่น) เจ้าหน้าทีเขตจึงยึดบัตรประจำตัวประชาชนของคุณไว้  ตั้งแต่ปี ๒๕๕๓

แสดงว่า คุณน่าจะเกิดประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ปัจุบัน คุณมีอายุประมาณ ๓๑ -๓๒ ปี

คุณทำบัตรประจำตัวประชาชนที่จ.ราชบุรี เมื่ออายุ ๑๕ ปี ประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๙

วิเคราะห์ประมาณว่า

ช่วงประมาณปี ๒๕๓๙-๒๕๔๐ มีการเริ่มเปิดระบบออนไลน์การจัดทำทะเบียนราษฎร์ แรกสุดจะเปิดจังหวัดที่เป็นศูนย์ภาคก่อน เช่น จ.นครราชสีมา ภาค ๓ จังหวัดเชียงใหม่ ภาค .... จังหวัดสงขลา ภาค ....

สำหรับจังหวัดราชบุรี ไม่ทราบว่าเปิดออนไลน์ตอนไหน แต่คิดว่าคงหลังปี ๒๕๔๐ แน่นอน เพราะมิใช่จังหวัดศูนย์ภาค

แสดงว่าที่มีคนพาไปทำบัตรนั้น ไปสวมชื่อ สวมตัวบุคคลอื่น ช่วงแรก ๆ ตรวจสอบไม่ได้ และเป็นการทำบัตรครั้งแรก ๑๕ ปี จึงตรวจสอบไม่ได้

++++++++++++++++++++++++++++++++++

ความ จริงคุณไม่น่าทำเช่นนั้น คุณควรใช้วิธีอื่น คือ ถ้าคุณแน่ใจว่ามีสัญชาติไทย (บิดาหรือมารดามีสัญชาติไทย) คุณก็ขอเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้าน หรือขอแจ้งเกิดเกินกำหนดเวลา

แต่ปัญหาของคุณ เข้าลักษณะว่าไม่ทราบว่าใครเป็นพ่อเป็นแม่  เป็นเด็กกำพร้า ผู้อุปการะ (ป้า) ก็ตายไปได้ ๓ ปีแล้ว (ตายประมาณปี ๒๕๕๒ - ๕๓) แสดงว่า คุณมีสัญชาติไทยแน่นอน (ถ้าป้ามีสัญชาติไทย) และคุณหนูรีจะเข้าลักษณะของ "บุคคลไร้รากเหง้า" (ไม่ปรากฏบิดามารดา) ซึ่งสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง กำลังดำเนินการแก้ไขเรื่องนี้อยู่ ร่วมกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)

แต่ การขอเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้าน กรณีของคุณหนูรี ก็มิใช่เรื่องง่ายนัก เพราะดำเนินการตามขั้นตอน  เช่น สำรวจเป็นบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน "บุคคลเลข ๐" เสียก่อน (สำรวจไปแล้ว)

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เพราะการแอบอ้างใช้รายการผู้อื่น (การสวมชื่อสวมตัวบุคคลอื่น) เป็นความผิดอาญา ประมาณว่า เหตุเกิดปี พ.ศ.๒๕๓๙ อายุความน่าจะ ๑๐ ปี (ขาดอายุความประมาณปี พ.ศ.๒๕๔๙-๕๐) ปีนี้ปี พ.ศ.๒๕๕๖ ถือว่าขาดอายุความแล้ว  อำเภอหรือเขตคงไม่สามารถดำเนินคดีคุณหนูรีได้ แต่คุณก็ต้องตกระกำลำบาก ไม่กล้าไปพบเจ้าหน้าที่ เพราะกลัวเขาจะดำเนินคดีอาญา

เมื่อประมาณปี ๒๕๔๑ ผู้เขียนเคยแจ้งความดำเนินคดีอาญากรณี สวมชื่อบุคคลอื่นไปทำงานประเทศไต้หวัน  ผู้ที่ถูกดำเนินคดีคือ เจ้าตัวที่สวมชื่อบุคคลอื่น โดยอ้างว่าบัตรหาย และ ผู้ที่มารับรองการทำบัตร คือ  ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน (บุคคลผู้มารับรองตัวบุคคล)

มีกรณีที่พิศดาร มากกว่านี้อีก เช่น พี่น้องสวมตัวกัน หรือ ญาติๆยินยอมสวมชื่อสวมตัวกัน (สลับชื่อกันใช้โดยความยินยอม รู้เห็นเป็นใจ)  ด้วยเหตุจะไปทำงานเมืองนอก (ไต้หวัน) กรณีเช่นนี้ก็ผิดกฎหมายอาญา เพราะเป็นการทุจริต

โชค ร้าย คนที่ไปทำงานไต้หวันเพราะสวมชื่อบุคคลอื่น ได้เสียชีวิต (ตาย) เพราะอุบัติเหตุ สถานกงสุล (ไม่แน่ใจว่าที่ฮ่องกง หรือฟิลิปปินส์) ก็ออกใบมรณบัตรให้ จึงมีการจำหน่ายชื่อออกจากทะเบียนบ้านไป  ความก็เลยแตกว่า คนที่ตายไม่ใช่บุคคลชื่อนี้  ยุ่งใหญ่เลย

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

หรือมี อีกกรณีหนึ่งที่เจอเมื่อประมาณ ปี ๒๕๓๕ ก็คือ พี่สาวไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน ก็แอบใช้ชื่อน้องสาวไปทำบัตรประจำตัวประชาชน (เพราะอายุไล่เลี่ยกัน หน้าตาคล้าย ๆกัน)  และก็ได้บัตรไปใช้ และไปทำงานที่ กทม. โดยมีเอกสารบัตรประจำตัวประชาชนใบนั้นติดตัว และก็ไปสมัครงาน ทำงาน  ต่อมาก็เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ ก็มีการออกใบมรณบัตรโดยสำนักทะเบียนแห่งที่ตาย  แล้วก็มีการส่งสำเนาใบมรณบัตรตอนที่ ๒ มาจำหน่ายตายออกจากทะเบียนบ้าน (กรณีนี้เจ้าบ้านคงไม่กล้ามาจำหน่ายชื่อ เพราะสมยอมกัน) เจ้าหน้าที่ก็จำหน่ายชื่อออกจากทะเบียนบ้าน (ท.ร.๑๔) ทันที  ความมาแตกเมื่อ เจ้าตัวจริงมาทักท้วงว่ายังไม่ตาย  ยังมีชีวิตอยู่ และกำลังจะเอาหลักฐานทะเบียนบ้านไปให้บุตรใช้ประกอบเข้าโรงเรียน  จึงสอบสวนไล่เลียงลำดับความก็ได้ข้อเท็จจริงตามที่เล่า

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

และเมื่อปีที่ผ่านมา (๒๕๕๓ - ๒๕๕๔) มีกรณีที่พิศดารมาก  อันเกิดจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ทะเบียนราษฎรสำนักทะเบียนแห่งหนึ่ง (มิใช่สำนักทะเบียนฯ ต้นทาง) เหตุเกิดตั้งแต่ประมาณปี ๒๕๓๔ โดยเจ้าหน้าที่ฯได้จำหน่ายชื่อคนตายของชายคนหนึ่งออกจากทะเบียนบ้าน (ท.ร.๑๔) ผิดพลาด (จำหน่ายชื่อคนตายผิดตัว เช่น นาย ก ตาย แต่ไปจำหน่ายชื่อ นาย ข) เพราะความสับสนเกี่ยวกับชื่อตัว ชื่อสกุล และอายุที่ไล่เลี่ยกัน  เนื่องจากเป็นพี่น้องกัน และใบมรณบัตรไม่ได้ระบุเลขประจำตัวประชาชน ๑๓ หลักไว้ โดยเจ้าหน้าหน้าที่ก็มิได้ตรวจดูและสอบถามในรายละเอียด (เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่คงตรวจไม่ได้ เพราะ เป็นการตายโดยอุบัติเหตุ ต่างท้องที่สำนักทะเบียนฯกัน ที่บุคคลที่ตายอาจไม่มีหลักฐานทางทะเบียนฯติดตัว ทำให้มีการแจ้งตายไปตามสภาพ และข้อมูลที่มีเป็นใบมรณบัตรที่ออกไม่ระบุรายละเอียดชัดเจน และเข้าใจว่าบุคคลที่ตายจริงคือพี่ชาย น่าจะเป็นบุคคลที่ไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน)  ทำให้น้องชายที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านและอายุใกล้เคียงกันถูกจำหน่ายชื่อว่า "ตาย" ออกจากทะเบียนบ้านไปตั้งแต่ประมาณ ปี ๒๕๓๔ โดยที่เจ้าตัวไม่ทราบ  ต่อมาเจ้าตัวทราบว่ามีความผิดพลาด ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร เมื่อถึงเวลาทำบัตรประจำตัวประชาชนก็ไปแจ้งชื่อของน้องชายอีกคนหนึ่งที่มีอายุห่างกันหลายปี เพื่อทำบัตรประจำตัวประชาชน น้องชายมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านลำดับถัดไป (ปกติชื่อพี่น้องในทะเบียนบ้านจะเรียงลำดับกันไปจากพี่ไปหาน้อง) ความจริงถูกปิดเงียบไปหลายปี เพราะเจ้าหน้าที่ไม่เฉลียวใจ ทราบว่าพี่ชายคนนี้ได้ทำบัตรประจำัตัวประชาชนไปถึง ๒ รอบ (บัตรฯมีอายุรอบละ ๖ ปี) ก็เท่ากับว่าใช้ชื่อน้องชายโดยถูกกฎหมายไปประมาณ ๑๒ ปี ครั้งล่าสุดที่ทำบัตรก็คือประมาณปี พ.ศ. ๒๕๔๔ (บัตรหมดอายุปี ๒๕๕๐) ต่อมาเมื่อระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์มีความสมบูรณ์ สามารถตรวจสอบภาพใบหน้าบุคคลจากฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์เพื่อเปรียบเทียบกับตัวจริงที่มาถ่ายบัตร (กรณีต่ออายุบัตรฯ) เจ้าหน้าที่ก็พบว่าในฐานข้อมูลการทำบัตรฯ มีบุคคลอีกคนหนึ่งที่หน้าตาคล้าย ๆ กัน แต่น่าจะอายุแตกต่างกัน (อายุน้อยกว่า) เพราะเป็นน้องชายตัวจริงที่อายุห่างกันหลายปี เจ้าหน้าที่จึงได้อายัดบัตรของพี่ชายไว้ เพราะเป็นการสวมชื่อของน้องชายทำบัตรฯ แต่ไม่ได้ดำเนินคดีอาญา คงปล่อยไว้เรื่อยมา

แต่ด้วยความจำเป็นทางทะเบียนราษฎร ชายคนนี้ก็เวียนมาปรึกษาเจ้าหน้าที่ว่าจะทำอย่างไร ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็แนะนำให้ "ขอชื่อเดิมของตนคืน" กล่าวคือ ขอรายการบุคคลของคนที่มีหมายเลขประจำตัวประชาชนที่ถูกจำหน่ายชื่อออกไปแล้วกลับคืนมา (เลขประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก หมายเลขเดิม) โดยการสอบสวนยืนยันตัวบุคคล และชี้แจงข้อผิดพลาดที่ได้ดำเนินการจำหน่ายรายการบุคคลออกโดยผิดพลาดไป ซึ่งเป็นอำนาจของผู้อำนวยการทะเบียนกลาง กรมการปกครอง ตามปกติ ผอ.ทะเบียนกลาง จะมอบอำนาจให้ ผอ.ศูนย์ภาคฯ (ตามระเบียบสำนักทะเบียนกลาง ข้อ ๑๐๘) สำหรับคดีอาญาเจ้าหน้าที่ไม่ได้ดำเนินคดี เนื่องจากคดีขาดอายุความแล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๕๔ (นับจากการทำบัตรครั้งล่าสุด เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๔)  และอีกประการหนึ่ง เจ้าหน้าที่ก็เกรงว่าจะถูกสอบสวนทางวินัยกรณีที่กระทำผิดพลาด (วินัยไม่มีอายุความ)

การจะขอเพิ่มชื่อบุคคลใหม่ โดยกำหนดเลขประจำตัวประชาชนใหม่ (เลข ๑๓ หลักใหม่ ได้บุคคลประเภทที่ ๕) มิชอบด้วยระเบียบกฎหมาย และอีกประการหนึ่งหากรายการตรงตามฐานข้อมูลเดิม เช่น ชื่อตัว ชื่อสกุล รายการวันเดือนปีเกิด และชื่อบิดามารดาเหมือนกัน ฐานข้อมูลจะไม่รับ (ยกเว้นกรณีเขาค้อ เขาทราย ที่เกิดวันเดียวกัน บิดามารดาเดียวกัน แต่ต่างชื่อกัน)

(ระเบียบฯ ข้อ ๑๐๘  การเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้าน (ท.ร. ๑๔) หรือทะเบียนบ้าน (ท.ร. ๑๓) นอกเหนือจากที่ได้กำหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้รายงานผู้อำนวยการทะเบียนกลางสั่งการเฉพาะกรณี)

 

แต่กรณีของคุณหนูรีคงขอใช้รายการบุคคลเดิม เลขประจำตัวประชาชน ๑๓ หลักเดิมไม่ได้ (เข้าใจว่าเป็นบุคคลที่คุณหนูรีสวมชื่อน่าจะเป็นบุคคลประเภท ๓) เนื่องจากรายการบุคคลนั้นมิใช่รายการบุคคลของคุณหนูรีที่แท้จริง

สรุป

คุณหนูรีต้องกล้าบอกข้อเท็จจริงให้เจ้าหน้าที่รู้ และทราบ เพื่อจะได้แก้ไขปัญหา

และ พยายามไปสืบเสาะหารากเหง้า จากญาติพี่น้อง และคนรู้จัก เพื่อมายืนยันตัวบุคคล  เพื่อจะดำเนินการขอเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้านให้ถูกต้อง  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มี ๒ ประเด็น  คือ

(๑) คุณหนูีรีต้องเกิดในประเทศไทย

(๒) คุณหนูรีต้องมีบิดาหรือมารดาคนใดคนหนึ่ง หรือทั้งสองคน มีสัญชาติไทย (สีบเสาะจากญาติพี่น้องใกล้ชิดที่มีสัญชาติไทย เช่น ลุง ป้า น้า อา ตา ยาย ฯลฯ)

สำหรับคดีอาญา ขาดอายุความแล้ว  เขาคงไม่ดำเนินคดีคุณหนูรีหรอก

(ข้อสังเกต ความผิดอาญาในการใช้หรือแสดงเอกสาร ... อันเกิดจากการกระทำความผิด เป็นความผิดต่อเนื่อง เพราะตราบใดที่มีการใช้เอกสารนั้นอยู่ ก็ยังคงเป็นการกระทำผิดอยู่ตลอดไป)

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ลองเข้าไปดูข้อเขียนในโกทูโน เกี่ยวกับเรื่องนี้

http://www.gotoknow.org/posts/512480

http://www.gotoknow.org/posts/510669

http://www.gotoknow.org/posts/510664

ฐานความผิดกรณีสวมตัวทำบัตรประจำตัวประชาชน ก็คือ

พรบ.บัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ.๒๕๒๖ แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๕๔

(http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2554/A/034/64.PDF)

(พรบ.บัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. ๒๕๒๖ ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๒๖ - ๓๑ มีนาคม ๒๕๔๒ มาตรา ๑๔ ใช้คำว่า "ผู้ไม่มีสัญชาติไทยผู้ใด" , พรบ.บัตรประจำตัวประชาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒ ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๔๒ มาตรา ๑๔ ใช้คำว่า "ผู้ใด" , พรบ.บัตรประจำตัวประชาชน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๔ ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๔)

มาตรา ๑๔ ผู้ใด
(๑) ยื่นคำขอมีบัตรโดยมิได้มีสัญชาติไทย ด้วยการแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จหรือปกปิด
ข้อความจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปีหรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาท
ถึงหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(๒) แจ้งข้อความหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ในการขอมีบัตร
ตามมาตรา ๖ หรือการขอมีบัตรใหม่ตามมาตรา ๖ ตรี หรือการขอมีบัตรใหม่หรือขอเปลี่ยนบัตร
ตามมาตรา ๖ จัตวา อันมิใช่เป็นกรณีตาม (๑) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกิน
หกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

(๓) ปลอมบัตรหรือใบรับหรือใบแทนใบรับ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี
หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(๔) ใช้หรือแสดงบัตรหรือใบรับหรือใบแทนใบรับ อันเกิดจากการกระทำความผิดตาม (๑)
(๒) หรือ (๓)
ต้องระวางโทษตามที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
ถ้าผู้กระทำความผิดตาม (๔) เป็นผู้กระทำความผิดตาม (๑) (๒) หรือ (๓) ด้วย ให้ลงโทษ
ตาม (๑) (๒) หรือ (๓) แล้วแต่กรณี แต่กระทงเดียว
ถ้าผู้กระทำความผิดหรือผู้ใช้หรือผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตาม (๑) (๒) (๓) หรือ (๔)
เป็นเจ้าพนักงานออกบัตร เจ้าพนักงานตรวจบัตร หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่
สามปีถึงสิบห้าปีและปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท
(มาตรา ๑๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดย พรบ.บัตรประจำตัวประชาชน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๔ มาตรา ๑๑)

มาตรา ๖ ผู้ซึ่งต้องมีบัตรตามมาตรา ๕ ให้ยื่นคำขอมีบัตรต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน
กำหนดหกสิบวันนับแต่
  (๑) วันที่อายุครบเจ็ดปีบริบูรณ์
  (๒) วันที่ได้สัญชาติไทย สำหรับผู้ไม่ได้สัญชาติไทยโดยการเกิด หรือได้กลับคืนสัญชาติไทย
ตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ
  (๓) วันที่นายทะเบียนเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร
  (๔) วันที่พ้นสภาพจากการได้รับการยกเว้น
(มาตรา ๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดย พรบ.บัตรประจำตัวประชาชน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๔ มาตรา ๓)

ประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา ๑๓๗ ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจ ทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

มาตรา ๙๕ ในคดีอาญา ถ้ามิได้ฟ้องและได้ตัวผู้กระทำความผิด มายังศาลภายในกำหนดดังต่อไปนี้ นับแต่วันกระทำความผิดเป็นอัน ขาดอายุความ
(๑) ยี่สิบปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุก ตลอดชีวิต หรือจำคุกยี่สิบปี
(๒) สิบห้าปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษจำคุกกว่าเจ็ดปีแต่ ยังไม่ถึงยี่สิบปี
(๓) สิบปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษจำคุกกว่าหนึ่งปีถึงเจ็ดปี
(๔) ห้าปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษจำคุกกว่าหนึ่งเดือนถึง หนึ่งปี
(๕) หนึ่งปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งเดือน ลงมาหรือต้องระวางโทษอย่างอื่น
....
+++++++++++++++++++

เพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา ๒๖๔ ผู้ใดทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใด ๆ ในเอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอมหรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร

มาตรา ๒๖๕ ผู้ใดปลอมเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการ

มาตรา ๒๖๗ ผู้ใดแจ้งให้เจ้าพนักงาน ผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน

มาตรา ๒๖๘ ผู้ใดใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตามมาตรา ๒๖๔-๒๖๗

มาตรา ๑๕๗ ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ(ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ)

มาตรา ๘๖ ตัวการ/ผู้สนับสนุน

 

พรบ.การทะเบียนราษฎร (ใช้บังคับ ๒๒ มีนาคม ๒๕๓๕)

มาตรา ๕๐ ผู้ใด ทำ ใช้ หรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จ หรือกระทำการเพื่อให้ตนเอง หรือผู้อื่นมีชื่อหรือมีรายการอย่างหนึ่งอย่างใดในทะเบียนบ้านหรือเอกสารการทะเบียนราษฎรอื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสามปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ในกรณีผู้กระทำผิดตามวรรคหนึ่งเป็นคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท

อ้างอิง

ตามหนังสือสั่งการกระทรวงมหาดไทย ปกปิด ที่ มท ๐๓๑๐.๑/ว ๘ ลงวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๔๔ เรื่อง แนวทางปฏิบัติกรณีมีการกระทำทุจริตทางทะเบียนราษฎรและบัตรประจำตัวประชาชน

ส่วนการทะเบียนราษฎร สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง, "รวมหนังสือสั่งการทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน."  http://www.pdf-archive.com/2012/03/27/mini/

หมายเลขบันทึก: 516014เขียนเมื่อ 12 มกราคม 2013 19:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 สิงหาคม 2019 19:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (32)

ต้องอ่านหลายรอบเพราะจำไม่หมด

ขอบคุณ สำหรับความรู้ข้อกฏหมาย

ใครไม่ได้เจอกับตนเองหรือคนใกล้ชิดคงไม่รู้ว่า มันยุ่งยากแค่ไหน

ทีมงานของ kunrapee เคยพบเด็กในพื้นที่รับผิดชอบของรพ.ไม่ได้แจ้งเกิดค่ะ

ต้อปฏิบัติคล้ายๆกัน (ได้ความรู้จริงๆค่ะ ขอบคุณมาก)

ถึงแม้จะรู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร คุณหนูรีเธอคงเริ่มต้นไม่ถูกแน่เลยค่ะ เรามีหน่วยงานไหนที่จะช่วยดำเนินการให้เธอได้บ้างไหมคะ ลองคิดถึงภาคปฏิบัติแทนคุณหนูรีดูก็ยังนึกไม่ออกเลยค่ะว่าจะไปทำอะไรก่อนดี

ตอนนี้ผมเพิ่งโดนกับตัวเองครับ ไม่รู้ว่าใครมาสวมสิทธ์ในข้อมูลบัตรประชาชนผมเฉยเลย เขาชื่อ สุรศักดิ์ สิงหา ตอนนี้ผมไม่สามารถทำบัตรประชาชนได้เลย ต้องให้กรมการปกครองออกหนังสือรับรองก่อน วุ่นวายมากครับ เสียเวลาด้วย อยากรู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร? มีแนวทางป้องกันและแก้ไขอย่างไรบ้าง?

โดยผมต้องไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ และต้องให้ทางกรมการปกครอง ทำเป็นเอกสาร A4 และมีตราประทับของกรมการปกครองรับรองไว้ เพื่อใช้เวลาไปติดต่อสถานที่ราชการต่างๆ งงมากเลย ไม่เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ เลยอยากจะเตือนเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ลองเช็ค ฐานข้อมูลของตัวเองดูบ้างนะครับ เผื่อเจอแบบผม จะได้ตั้งตัวทันครับ

 

ฐานข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชนตรวจสอบย้อนหลังได้ ปัจจุบันเจ้าหน้าที่รับผิดชอบงานทะเบียนราษฎร และงานบัตรประจำตัวประชาชน รวมถึงงานทะเบียนทั่วไป (ทะเบียนครอบครัว ทะเบียนชื่อตัวชื่อสกุล ฯลฯ) จะตรวจสอบย้อนหลังพิสูจน์ตัวบุคคลกันบ่อย ๆ เช่น กรณีแจ้งการย้ายที่อยู่ปลายทาง, การจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนกรณีบัตรหาย รวมถึงการทำบัตรกรณีอื่น ๆ ตามที่สงสัย โดยเฉพาะคนต่างถิ่นที่มิใช่คนในพื้นที่ (มีการย้ายบ่อย ไปตามสำนักทะเบียนต่าง ๆ)

ปกติประชาชนจะไม่สามารถตรวจพบการสวมตัวทำบัตรของตนได้ด้วยตัวเอง ผู้ที่ตรวจพบมักเป็นเจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบย้อนหลัง หรือเจ้าหน้าที่ตรวจพบโดยบังเอิญ หรือเจ้าหน้าที่สงสัยก็จึงไปตรวจฐานข้อมูลฯ หรือมีผู้ร้องเรียน หรือ ฯลฯ

หากพบกรณีสวมตัวทำบัตรฯเช่นนี้ มีข้อสันนิษฐานสองกรณีคือ (๑) เจ้าตัวหรือเจ้าบ้านสมยอมให้บุคคลอื่นมาใช้ชื่อสวมชื่อตนเอง เพื่อผลประโยชน์บางประการ เช่น การเดินทางไปต่างประเทศ ฯลฯ (ช่วงปี ๒๕๓๖ -๒๕๔๐ พบบ่อยมาก) (๒) เป็นการทุจริตของเจ้าหน้าที่ในช่วงนั้น ๆ (เจ้าหน้าที่ราชการมักจะย้ายสับเปลี่ยนไปมาตามท้องที่ต่าง ๆ เจ้าหน้าที่ที่ไม่สุจริตก็มักหาช่องทางทุจริต หรือหละหลวมในการปฏิบัติหน้าที่โดยมีสินบน ฯลฯ) ทำให้เกิดการสวมชื่อสวมตัวบุคคลอื่นทำบัตรได้

กรณีสวมชื่อสวมตัวทำบัตรในกรณีทำบัตรครั้งแรกผิดพลาด จะพบได้ก็ต่อเมื่อตัวตนที่แท้จริงมาขอถ่ายทำบัตรหลังจากที่รายแรกที่สวมตัวถ่ายบัตรไปแล้ว ปัจจุบันการทำบัตรเด็กอายุ ๗ ปีบริบูรณ์ก็ต้องขอทำบัตร อาจทำให้การสวมชื่อสวมตัวบุคคลอื่นได้ยากขึ้น

กรณีสวมชื่อสวมตัวบุคคลอื่นทำบัตรฯ เป็นความผิดตาม พรบ.บัตรประจำตัวประชาชน และ ประมวลกฎหมายอาญา ทั้งจำทั้งปรับ โทษหนักครับ เจ้าหน้าที่ก็ต้องโดนสอบสวนด้วย และอาจโดยวินัยถูกลงดทษทางวินัยได้ ตามแนวสั่งการของกระทรวงมหาดไทย หนังสือสั่งการ ว.๘

ถ้าคนต่างดาวจะใช้บัตรประชาชนของคนตาย ผิดหรือป่าว ต้องทำแบบนัยช่วยบอกที ขอบคุนค่ะ

ตอบคุณ เดียIP: xxx.158.167.138

ถาม (1) ถ้าคนต่างด้าวจะใช้บัตรประชาชนของคนตาย ผิดหรือป่าว

ตอบ ทำไม่ได้ครับ อย่าทำ เป็นการทุจริต มีความผิดทางออาญา ติดคุกครับ

ถาม (2) ต้องทำแบบไหน ช่วยบอกที ขอบคุณค่ะ

ตอบ ก็ให้รีบแก้ไข อย่าใช้รายการนั้น ขอคืนรายการให้แก่ จนท. (ขอยกเลิก) แล้วก็ใช้รายการใหม่ของเราจริง ๆ ได้แก่ ชื่อตัว ชื่อสกุล วันเดือนปีเกิด ชื่อพ่อ ชื่อแม่ ของจริงของเราทั้งหมด... รายละเอียดปรึกษาสำนักทะเบียนฯที่เรามีชื่ออยู่ ทางที่ดีปรึกษาผู้ใหญ่บ้านก่อน

แล้วถ้าเราถูกคนอื่นสวมบัตรประชาชนล่ะค่ะเราไปร้องทุกข์แจ้งความแล้วแต่คดีไม่คีบเราต้องทำยังไงค่ะคดีนี้ร้ายแรงมั่ยค่ะบอกด้วยน่ะค่ะพอดีหนูโดนสวมบัตรประชาชนเป็นปีแล้วค่ะแต่คดีไม่คีบค่ะ



ตอบคุณ Sutamas komram

กรณีนี้เรียกว่า "ทุจริตทางการทะเบียน"... คุณควรไปแจ้งนายอำเภอแห่งท้องที่ที่คุณมีชื่ออยู่ เพื่อแจ้งเบาะแส พฤติการณ์ต่าง ๆ ของเหตุการณ์ และของคนที่มาสวมชื่อสวมตัวคุณ... พร้อมกับไปแจ้งความ สภ.ตำรวจไว้เป็นหลักฐานด้วย

เพราะหากคุณไม่ดำเนินใด ๆ เลย เมื่อถึงคราว (ครั้งต่ออไป) ที่คุณต้องไปทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ เพราะบัตรหมดอายุ (6 ปี) หรือเปลี่ยนบัตรใหม่กรณีเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล ย้ายที่อยู่ หรือบัตรชำรุด... หรือ ในกรณีบัตรหาย คุณจะมีปัญหาการพิสูจน์ยืนยัน "ตัวบุคคลที่ถูกต้อง" ทันที... จนท. จะสอบสวนคุณ เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุของการ "ทุจริต" ครั้งนี้ เนื่องจาก จนท. มีความสงสัยในรูปถ่าย (รูปใบหน้า) ที่แตกต่างกันในฐานข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชน ...

รีบไปดำเนินการตามที่แนะนำ และก่อนไปดำเนินการให้โทรปรึกษาสำนักบริหารการทะเบียน โทร 1548 เสียก่อน

เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ช่วงสมัยวัยรุ่น น้องชายของพ่อ ได้นำบัตรประชาชนพ่อไปใช้ ต่อมา น้องชายพ่อ ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ทางญาติหรือภรรยา ของน้องชายพ่อ ได้นำบัตรประชาชนของพ่อ ไปแจ้งสวน ว่าพ่อได้เสียชีวิตแล้ว ตอนนี้ พ่อไม่มีบัตรประชาชน 30 กว่าปีแล้ว แบบนี้ต้องทำยังไงบ้างคะ เบอร์ติดต่อ06474 55 284 สุจิตรา


ตอบคุณ สุจิตรา

ลักษณะแบบนี้ ก็เรียกว่า "ทุจริตทางการทะเบียน" เพราะ รายการทะเบียนราษฎร ที่น้องชายพ่อเอารายการของพ่อไปใช้ ไม่เป็นความจริง เพราะ ปีเกิดของน้องพ่อ ตรงอายุ ในรายการปีเกิด ต้องน้อยกว่าพ่อ... รายการตรงนี้พิสูจน์ได้ โดยนำหลักฐานต่าง ๆ ขอพ่อที่มี เช่น ใบสุทธินักเรียนกฯ (หรือใบทะเบียนนักเรียนฯ) และหรือ ใบสำคัญ สด.1 (ใบขึ้นทะเบียนทหารของพ่อ และหรือหลักฐานอื่น ๆ ของพ่อที่มี เช่น ใบสมรส ใบต่าง ๆ ที่มีชื่อพ่อ ... นำไปแสดงต่อนายทะเบียน เพื่อขอคืนรายการทะเบียนราษฎรในชื่อที่น้องชายเอาไปใช้ (ซึ่งถูกจำหน่าย "ตาย" ออกไปจากฐานข้อมูลการทะเบียนราษฎรฯไปแล้ว ... รายละเอียดให้ โทร ปรึกษา 1548 เดี๋ยวนี้... ด่วนเลย...

นายชวลิต โรจนธีรศักดิ์ เลขบัตรประชาชน8-5801-73000-05-4 บิดาชื่อนายจิงกุย แซ่หยาง มารดาชื่อนางเสี่ยวซัง ไม่ทราบนามสกุล นายชวลิตร โรจนธีรศักดิ์มีชื่อจีนว่า 李永能(หลี่หยางหนึ่ง)ซึ่งเดิมทีเป็นคนสัญชาติเมียนมาร์ เติบโตที่เมืองลาเซียว เข้ามาทำทัวร์ที่กรุงเทพได้ระยะหนึ่ง หลังจากนั้นมีคนแนะนำไปซื้อบัตรประชาชนของคนพื้นที่สูงโดยการสวมสิทธิ์ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน พอมีบัตรประชาชนซึ่งได้มาจากการสวมสิทธิ์ นายชวลิต โรจนธีรศักดิ์ ได้จดทะเบียนบริษัททัวร์ ซึ่งตนเป็นเจ้าของบริษัท ซื่อไทย ทราเวลกรุ๊ป จำกัดและต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท อาลีบาบา ทราเวลกรุ๊ป จำกัด ซึ่งเปิดกิจการบริษัททัวร์ที่กรุงเทพและภูเก็ต สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติและหลบเลี่ยงภาษี ทำทัวร์ศูนย์เหรียญต่ำกว่าต้นทุน หวังว่าผู้อำนาจเกี่ยวข้องและ คสชจะช่วยกันตรวจสอบบุคคลต่างด้าวซึ่งซึ่งใช้การสวมสิทธิ์บัตรประจำตัวประชาชนของคนพื้นที่สูงมาเปิดบริษัทนอมีนีแทน

หลี่หย่งหนึ่งคือชื่อจีนของนายชวลิตร โรจนธีรศักดิ์ บิดดาในทะเบียนชื่อนายติงกุนแซ่หยาง แต่ตนแซ่เดิมคือแซ่หลี

นายชวลิต โรจนธีรศักดิ์ เลขบัตรประชาชน8-5801-73000-05-4 บิดาชื่อนายจิงกุย แซ่หยาง มารดาชื่อนางเสี่ยวซัง ไม่ทราบนามสกุล นายชวลิตร โรจนธีรศักดิ์มีชื่อจีนว่า 李永能(หลี่หย่งหนึ่ง)ซึ่งเดิมทีเป็นคนสัญชาติเมียนมาร์ เติบโตที่เมืองลาเซียว เข้ามาทำทัวร์ที่กรุงเทพได้ระยะหนึ่ง หลังจากนั้นมีคนแนะนำไปซื้อบัตรประชาชนของคนพื้นที่สูงโดยการสวมสิทธิ์ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน พอมีบัตรประชาชนซึ่งได้มาจากการสวมสิทธิ์ นายชวลิต โรจนธีรศักดิ์ ได้จดทะเบียนบริษัททัวร์ ซึ่งตนเป็นเจ้าของบริษัท ซื่อไทย ทราเวลกรุ๊ป จำกัดและต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท อาลีบาบา ทราเวลกรุ๊ป จำกัด ซึ่งเปิดกิจการบริษัททัวร์ที่กรุงเทพและภูเก็ต สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติและหลบเลี่ยงภาษี ทำทัวร์ศูนย์เหรียญต่ำกว่าต้นทุน หวังว่าผู้มีอำนาจเกี่ยวข้องและ คสชจะช่วยกันตรวจสอบบุคคลต่างด้าวซึ่งซึ่งใช้การสวมสิทธิ์บัตรประจำตัวประชาชนของคนพื้นที่สูงมาเปิดบริษัทนอมีนีแทน

อาโดยหมายเรียกตัวที่อำเภอแต่อาไม่กล้าไปเพราะอาสวมชื่อคนตายมาตั้ง30ปีที่แล้วแต่ตอนนี้อาอายุ55ปีแล้วพ่อแม่ของอาไม่ได้แจ้งเกิดแล้วไม่ได้เข้าเรียนรู้แต่ว่าเกิดที่โรงพยาบาลแต่อามีพี่น้อง7คนยังมีชีวตอยู่

ตอบคุณ 0938174442แนะคุณอาเบื้องต้น ดังนี้(1) คุณอา (ไม่ทราบว่าคุณอาผู้ชายหรือคุณอาผู้หญิง) เกิด พ.ศ. 2506 (อายุ 55 ปี) ใช้ชื่อ(สวมชื่อ)คนตายมาแต่ปี พ.ศ. 2531 (30 ปี) มีหมายเรียกมาจากอำเภอ (นายทะเบียนอำเภอ) ขอให้คุณอาไปพบนายทะเบียนอำเภอ และยอมรับสารภาพผิดทุกประการ เพราะคดี “ทุจริตทางการทะเบียน” จะเป็นความผิดทางอาญาต่อเนื่อง อายุความไม่สิ้นสุด (2) คุณอา เกิดที่ รพ. ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่ปัจจุบันคุณอามีพี่น้อง(ร่วมบิดามารดา) 7 คน แสดงว่า “คุณอามีสายเลือดไทย” และ “คุณอาเกิดประเทศไทย” ให้คุณอา “จับคู่ตรวจ DNA” กับพี่หรือน้อง (ดูเพศด้วยหากอาเพศชายก็ตรวจกับพี่น้องเพศชาย อาเพศหญิงก็ตรวจกับพี่น้องเพศหญิง) เพื่อขอเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้าน “บุคคลสัญชาติไทย” ใหม่(3) กรณี คุณอามีบุตร ให้ดูด้วยว่า รายการชื่อบิดามารดาของบุตร เป็นชื่อ “คนตายที่อาสวมชื่อ” ใช่หรือไม่ หากใช่ชื่อคนตาย ก็ขอแก้ไขรายการในสูติบัตร หรือทะเบียนบ้านของบุตร ให้ถูกต้องตามความเป็นจริง ตามข้อ (1) ด้วย ซึ่งในกรณีจำเป็น และเพื่อการง่ายในการสอบสวน ก็ควรตรวจ DNA กับบุตรก็จะแก้ไขได้ง่ายกว่า

เมื่อปี2544มีคนพาน้องสาวไปทำบัตรโดยสวมสิทธิ์คนอื่นตอนนั้นน้องสาวอายุ15ปี และหลังจากนั้นก็มาเดินเรื่องทำบัตรตัวเอง และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์มีหนังสือมาจากอ.ให้น้องสาวไปพบ และบอกว่าสวมสิทธิ์คนอื่นต้องจ่ายตังค์เจ้าของชื่อจำนวนเงิน50000เราต้องทำอย่างไรค่ะ

เมื่อปี2544มีคนพาน้องสาวไปทำบัตรโดยสวมสิทธิ์คนอื่นตอนนั้นน้องสาวอายุ15ปี และหลังจากนั้นก็มาเดินเรื่องทำบัตรตัวเอง และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์มีหนังสือมาจากอ.ให้น้องสาวไปพบ และบอกว่าสวมสิทธิ์คนอื่นต้องจ่ายตังค์เจ้าของชื่อจำนวนเงิน50000เราต้องทำอย่างไรค่ะ

ตอบคุณ [email protected]น้องสาวสวมชื่อคนอื่นเมื่ออายุ 15 ปี พ.ศ. 2544 แสดงว่าน้องสาวเกิดประมาณปี พ.ศ. 2529 มีคำถามว่า

(1) เหตุใดน้องสาวจึงไปใช้ชื่อคนอื่น

(2) รายการชื่อที่แท้จริงของน้องสาวปัจจุบัน คือรายการใด มีเลขประจำตัวประชาชนเลขตัวแรก คือเลขใด เช่น เลข 1 หรือ เลข 2 หรือ เลข 5 หรือเลข 8

(3) ปัจจุบันน้องสาวมีรายการชื่อที่แท้จริงของตนเองหรือยัง หรือยังใช้ชื่อคนอื่นอยู่ หากไม่ใช้ชื่อคนอื่นแล้ว น้องสาวเลิกใช้ชื่อคนอื่นตั้งแต่เมื่อใด

(4) ปัจจุบันน้องสาวมีรายการเอกสารราชการอื่นในชื่อของคนอื่น (ชื่อไปสวม) หรือไม่ อย่างไร เช่น ใบประกาศนียบัตรวุฒิการศึกษา (เช่น ป.6, ม. 3, ม.6 ฯลฯ) หรือใบขับขี่รถฯ หรือ ไประบุชื่อไว้ที่อื่นแต่เป็นชื่อที่ไปสวม เช่น บัตรประกันสังคม หรือ แม้แต่ ชื่อในมารดาของบุตร (กรณีที่บุตร และบุตรมีสูติบัตร)… ให้ตรวจสอบให้หมด…

คำแนะนำแนวทางแก้ไขเบื้องต้น(1) ไปพบเจ้าหน้าที่ ที่สำนักทะเบียนที่น้องสาวไปทำบัตรสวมชื่อคนอื่นโดยด่วนที่สุด อย่าช้า

(2) เมื่อไปพบเจ้าหน้าที่ตามข้อ (1) แล้ว ให้รับสารภาพผิดต่อเจ้าหน้าที่ฯ ว่า รู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะแท้ที่จริงแล้ว น้องสาวเป็นคนไทย ที่ยังไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน… (แล้วให้เหตุผลแล้วแต่ความเป็นจริง อย่าโกหก) … และบอกความจริงทั้งหมด เช่น ทำไมต้องใช้ชื่อคนอื่น ใช้ชื่อคนอื่นไปทำอะไร มีใครไปรับรองทำบัตรให้ มีใครแนะนำ ฯลฯ เป็นต้น … เรื่องนี้ ควรปรึกษาผู้ใหญ่บ้าน และ ให้ผู้ใหญ่บ้านพาไปพบเจ้าหน้าที่จะดีกว่า … เพราะ ผู้ใหญ่บ้านจะทราบเรื่องราวในหมู่บ้านดีที่สุด

(3) และขอให้เจ้าหน้าที่สำนักทะเบียนจำหน่ายรูปใบหน้าของน้องสาวตามรายการบัตรฯ ออกจากรายการฐานข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชน

(4) คดีนี้เป็นคดีอาญา เจ้าหน้าที่สำนักทะเบียนฯ จะดำเนินคดีอาญากับผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทั้งหมด … แต่ น้องสาวรับสารภาพไปแล้ว ความผิดก็จะเบาลง…

(5) แนะนำเบื้องต้นเท่านี้ก่อน ไปพบเจ้าหน้าที่ให้เร็วที่สุด ส่วนที่มีการเรียกเงิน 50,000 บาท น่าจะไม่มี เพราะคดีอย่างนี้เป็นคดีอาญา การเรียกเงินเพื่อให้ลบความผิดอาญาไม่ได้ ความผิดอาญาก็ยังอยู่ในอายุความ 20 ปี และ หากเป็นความผิดต่อเนื่อง ก็จะไม่มีอายุความ หมายความว่า จนกว่าน้องสาวจะตาย จึงจะพ้นผิด…ห้ามจ่ายเงิน หากจ่ายเงินไปแล้ว อย่าคิดว่าจะพ้นผิด เท่ากับไปเพิ่มโทษฐานความผิดให้หนักขึ้น … หากจ่ายเงินไปแล้ว ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับกุมได้ แต่ควรเดรียมหลักฐานว่าเราได้จ่ายเงินให้เขาไปแล้ว จ่ายให้ใคร จ่ายเมื่อใด จ่ายที่ไหน จำนวนเงินเท่าใด ซึ่งอาจมีภาพถ่าย คลิป หรือ พยานบุคคลอ้างอิงไว้ด้วย ….

… อ่านแค่นี้แล้ว อย่าเพิ่งท้อ และเหนื่อย ให้ไปรีบแก้ไขโดยด่วน เพราะ เป็นความผิดอาญา…

สวัสดีคะ.หนูมีเรื่องปรึกษาคะ= หนูย้อนไปถึงรุ่นแม่ก่อนนะคะแม่เกิดมาตากับยายไม่ได้แจ้งเกิดแม่และแม่ก็มีพี่สาวพี่ชายแค่พี่ชายแม่เสียแล้วเหลือแต่พี่สาว.แม่เป็นคนเถื่อนพักหนึ่งแม่หนูอยากเข้าโรงเรียนแต่ไม่สามารถเข้าได้มีอยู่วันหนึ่งสมัยแม่ยังเด็กมีคนในหมูบ้านแม่ประกาศว่าถ้าใครยังไม่มีบัตรประชาชนให้ไปแจ้งและแม่ก็ได้แจ้งชื่อไปเขาจดชื่อแม่เข้าไปอยู่บ้านเลขคนอื่นและบ้านเลขที่นั้นมีคนตายเหมือนกับว่าเอาชื่อแม่หนูไปสวมสิทธิ์คนตายแต่ตอนนี้แม่หนูอายุ62แม่ก็สวมมาตลอดแม่ไม่รู้ทำอย่างไรกฏหมายในส่วนของแม่หนูต้องทำอย่างไรบ้างคะคดีสวมสิทธิ์หมดไปรึยังคะหนูอยากแก้ไขให้ถูกต้องอะคะ หนูสืบจากนามสกุลพี่สาวแม่จริงๆนามสกุล “ แสนชน “ แต่พอไปสวมสิทธิ์คนที่คนจดให้แม่เขาไปสวมสิทธิคนตายนามสกุล “ อินตาติ๊บ “ ตอนนี้ไม่รู้ว่านามสกุลนี้อยู่ที่ไหน หนูต้องทำอย่างไรคะ ?
= ส่วนของพี่สาว.พอพี่สาวเกิดปี2520 พ่อไปแจ้งเกิดพี่สาวที่อำเภอแต่ในใบเกิดของพี่สาวนามสกุลแม่ก่อยสมรสเขาไม่ได้เขียนชื่อสกุลแม่ก่อนสมรถส่วนใบเกิดพี่สาวต้องแก้ไขอย่างไรคะ ?
= ส่วนของหนู.ตอนหนูเกิด ปี2523 แม่เป็นคนไปแจ้งเกิดหนู.แต่ทางผู้รับแจ้งเขียนนามสกุล ตรงช่องผู้แจ้งการเกิดผิด นามสกุลก่อนสมรสแม่เป็น ‘ แสนชน “ แต่คนที่รับแจ้งเขียนนามสกุลตรงช่องชื่อผู้แจ้งการเกิดผิดเป็น “ แสนชม “ หนูจะแก้อย่างไรคะเพราะหนูไปแจ้งทางอำเภอเขาบอกต้องสืบ สอบ พยาน พอค้นจากประวัติแม่ดูก็พบว่าแม่มีการสวมสิทธิคนตาย หนูไม่รู้ทำไงดีคะแม่จะติดคุกไหมคะแม่จะโดนยึดบัตรหนูต้องแต่งงานกับคนต่างชาติแต่เอกสารไม่ผ่านหนูเครียดมากเลยคะ ?= ส่วนของน้องชาย.ใบเกิดนามสกุลมารดาก่อนสมรสพ่อเป็นคนไปแจ้งเกิดกลับกลายลงนามสกุลแม่ก่อนสมรถเป็น “ อินตาติ๊บ “ นามสกุลที่แม่ไปสวมสิทธิคนตาย หนูจะทำงัยดีคะมันซับซ้อนจนไปไม่ถูกแล้วคะแล้วเจ้ากรรมนายเวรหนูดันไปเคลือบเอกสารใบเกิดไว้อีกแกะก็ไม่ได้ลองแกะออกกระดาษก็บออกออกเลย.หนูเครียดมากๆไม่รู้จะทำงัยแม่ก็กลัวโดนเรียกใยเกิดหนูทำอะไรก็ไม่ได้หนูขอรบกวนช่วยตอบหนูหน่อยนะคะขอบคถณคะ

ให้รับสารภาพต่อนายทะเบียนที่เรามีชื่ออยู่ โดยต้องขอให้ยกเลิกรายการทะเบียนบ้านเดิม โดยการขอตรวจ DNA กับญาติใกล้ชิด แล้วขอเพิ่มชื่อใหม่ ส่วนคดีอาญา ขาดอายุความแล้ว พนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการจะไม่ฟ้องคดี

ขอถามต่อคับเรื่องที่สวมบัตรประชาชนคนตายมา30ปีซึ่งตำรวจให้อาไปตรวจDNAมาแล้วเสียตรวจ30000บาทตรวจ3คนผ่านมาแล้ว1ปีกว่าแล้วถ้าอำเภอเรียกอาไปคุยแล้ว ส่วนตำรวจบอกคับอาว่าถ้าไม่มีเงิน50000บาทตำรวจไม่ทำให้แล้วถ้าตำรวจไม่สั่งฟ้องศาเราจะต้องทำอย่างไรคับจะไปร้องเรียนที่ไหนได้บ้างคับ เมื่อวันที่17 ก.ย 2564 อาไปโรงพักมาแล้วตำรวจทำหนังสือเรียกอามาพบวันที่20 ก.ย2564 แล้วแต่ ตำรวจโทรมาบอกอาเลื่อนนัดคับแล้วตำรวจบอกว่าอีก2ถึง3วันจะโทรกับมาบอกคับให้ไปวันไหน ช่วยตอบด้วยคับไม่รู้จะไปทางไหนแล้วคับ

ตอบ 0938174442ไม่เข้าใจคำถาม หมายความว่า อาถูกคนอื่นใช้ชื่อ (สวมแทนตัวอา) แล้วตำรวจจะไม่ฟ้องคนสวมชื่อใช่ไหม แล้วยังจะมาเรียกเอาเงินจากเราอีก ใช่ไหม

อาไปสวมชื่อคนตายมาแล้ว20ปีแล้วตำรวจให้อาไปDNAแล้วผลการมาอาเป็นคนไทยแต่ตำรวจไม่จับอาเรื่องสวมชื่อคนตาย อายอมให้ตำรวจให้ตำรวจดำเนินคดีแต่ตำรวจไม่ดำเนินคดีอา ทางอำเภอขอเอกสารทำไมไม่ดำเนินคดีอาเป็นเพราะอะไรตำรวจไม่ออกเอกสารให้อาทางอำเภอจึงออกบัตรประชาชนให้อาไม่ได้

อาไปสวมชื่อคนตายมาแล้ว 20 ปีตำรวจให้อาไปตรวจ DNA ผลปรากฏว่าเป็นคนไทยตำรวจได้ดำเนินคดีอาญาไม่ฟ้องอาจขึ้นศาลทางอำเภอขอเอกสารว่าทำไมไม่ดำเนินคดีอาญาอาแต่ทางตำรวจไม่ส่งเอกสารให้บอกให้รอไปก่อนพาไปทวงถามเรื่องเอกสารหลายครั้งแล้วอาก็ไม่ได้รับทางอำเภอจึงออกบัตรประชาชนให้อาไม่ได้พ่ออาต้องการบัตรประชาชนเพื่อต้องไปฉีดวัคซีนถ้าไม่มีบัตรประชาชนก็ฉีดไม่ได้แต่ถ้าตำรวจไม่ส่งเอกสารให้ทางอำเภอเราควรทำยังไง

(1) ตกลงอาเป็นคนไทยใช่ไหม หากอาเป็นคนไทย ให้ยื่นคำร้องขอเพิ่มชื่อคนไทย ตามหลักฐาน DNA ที่ตรวจ โดยได้เลขประจำตัว 13 หลักใหม่ขึ้นต้นด้วยเลข 5 ตามระเบียบข้อ 94 เลขเก่าใช้ไม่ได้ เพราะ เป็นของคนอื่น(2) สาเหตุที่ตำรวจไม่ดำเนินคดีอาญา อาจเพราะ คดีขาดอายุความ หรือ เพราะ อาขาดเจตนา ไม่ครบองค์ประกอบความผิด(3) หากอาเป็นคนไทยจริง หลักฐานตำรวจที่ไม่ฟ้องคดี ไม่ต้องใช้ สำนักทะเบียนอำเภอก็ทำหน้าที่เพิ่มชื่อบุคคลสัญชาติไทยตามหลักฐาน DNA ตามระเบียบข้อ 94 ได้ ไม่เกี่ยวกับคดีอาญา หากคดีขาดอายุความ หรือ ตำรวจไม่สั่งฟ้อง และ อัยการสั่งไม่ฟ้อง (4) มีปัญหา ลองโทรปรึกษาสายด่วนการทะเบียนกรมการปกครอง โทร 1548

เป็นคนต่างด้าวสวมชื่อคนตายตั้งแต่ 2505 แล้วปัจจุบันบวชเป็นพระ มีสมณศักดิ์ยศพระครู ถึงปัจจุบันโดนแจ้งข้อหาว่าสวมสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีหรือ แล้วต้องทำอย่างไร

คืออย่างนี้ครับพ่อแม่ที่เป็นคนไทยรับลูกบุญธรรมคนต่างด้าวมาแล้วสวมสิทธิ์แทนลูกตัวเองที่ตายไปแล้วแต่ไม่ได้แจ้งตายตั้งแต่ปีพ.ศ 2505 ต่อมา คนสวมสิทธิ์ ก็ได้บวชเป็นพระ สมณศักดิ์ยศพระครูชั้นโท เป็นเจ้าคณะตำบลเป็นเจ้าอาวาส จนถึงปัจจุบัน ตอนนี้ แล้วถูก ฟ้อง ร้องเรียน ให้ตรวจสอบเรื่องสวมสิทธิ์จะมีความผิดไหมอย่างไรแล้วต้องทำอย่างไร ขอความรู้หน่อยครับ คนที่ถูกร้องเรียนกำลังเครียดมาก ท่านก็แก่แล้ว ตอนนี้เรื่องที่ถูกส่งกำลังถูกตรวจสอบ คดีมีอายุความแค่ไหน ครับ

ถ้ามีเบาะแสรู้ว่ามีคนจีนหลบหนีเข้าเมืองในช่วงปี 2535-2540 ได้ทำการสวมบัตรประชาชน​แล้วอยู่มาจนถึงปัจจุบันมีความผิดโทษขั้นไหนครับ ต้องแจ้งกับใคร

ตอบคุณ @รวิน หากมีพยานหลักฐาน หรือเบาะแส แจ้งได้ที่ สำนักทะเลียนกลาง (กรมการปกครอง หรือ จังหวัด (ที่เกิดเหตุ) หรือ อำเภอ (ที่เกิดเหตุ) หรือ ที่สำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัด ป.ป.ช.ภาค หรือ ป.ป.ช.ส่วนกลาง ที่ สนามบินน้ำ อำเภอเมือง จ.นนทบุรี

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท