ปกิณกะเรื่องควาย - ประเพณี, พิธีกรรม, การละเล่นและเพลงพื้นบ้านที่กล่าวถึงควาย (ตอนที่ 2)


คนอีสานมักจะสร้างบ้านให้เสร็จในวันเดียว ใช้แรงงานญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านแล้วทำกับข้าวกับปลาเลี้ยงกัน

เพลงประกอบการเล่นชิงช้า เป็นเพลงประกอบการละเล่นอีกแบบหนึ่ง ที่เด็กๆอีสานชอบเล่น หลังจากที่เด็กมีเวลาว่างหรือมาชุมนุมกันมากๆ อย่างเช่นเวลาไล่ต้อนควายลงไปนอนน้ำตามท่าริมฝั่งแม่น้ำหรือตามห้วยหนองคลองบึง ควายก็ดำผุดดำโผล่ เอาเขาสะกิดหยอกล้อกัน บ้างก็ถ่ายลงน้ำให้เป็นอาหารพวกปลา หรือช่วยให้เกิดมีแพลงก์ตอน (ชาวบ้านไม่รู้หรอกว่าอะไร) เพื่อให้เป็นอาหารแก่สิ่งมีชีวิตในน้ำต่อไป ส่วนเด็กเลี้ยงควายก็จะมองหาต้นไม้เหมาะที่มีกิ่งยื่นออกมายาวๆจนทอดลงเหนือน้ำ แล้วก็พากันไปดึงเอาเถาวัลย์ ซึ่งก็จะมีมากมายเกี่ยวพันกันอยู่ใกล้ๆ ต้นไม้นั่นแหละ ที่นิยมใช้ก็เห็นจะเป็นเครือซูดซึ่งเหนียวและทนทานเทียบได้เท่ากับเชือกไนล่อนในปัจจุบันนี้ เมื่อได้มาก็จะใช้หลายๆเครือพันกันเป็นเกลียว เพื่อให้มั่นคงและแน่ใจว่า ไม่ขาด (ถึงขาดก็ไม่อันตรายเพราะจะหล่นลงน้ำ) แล้วแบ่งเป็นสองเส้น เอาปลายแต่ละเส้นผูกกับท่อนไม้ขนาดไม่ใหญ่ ไม่ยาวมากนัก สามารถนั่งได้อย่างสบายๆ แล้วโยงปลายอีกข้างไต่ขึ้นไปผูกบนกิ่งไม้ให้ส่วนที่ผูกท่อนไม้ห้อยลงมาเป็นชิงช้า ทดลองนั่งและช่วยกันผลักหรือโยนดู ถ้าใช้ได้ก็ผลัดกันขึ้นนั่ง พวกที่เหลือก็ช่วยโยนให้โล้ไปมาพร้อมร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน

เพลงประกอบการเล่นชิงช้าของภาคอีสานก็มีมากมายหลายสำนวน ซึ่งจะขอยกเอาสำนวนที่เกี่ยวข้องกับควายมาบันทึกไว้ดังนี้

 

* โอนสาไหม กะมากวนสาหมี่

สิกขี่ขี่อีน่อยกอดแอว

แซวๆ เสียงเขาไปเอาอึ่ง

มึงอย่าปากควายกูสิตื่น

ตื่นไปไสเมือโนนบ้านเก่า

หมาเห่าเต่าอยู่โคกกระเจียว

เห็นคนเทียวมาหยังบ่อนนี่

เขามาตีกะปอมป่าแก

แตแลแล่น

เข้าป่าไม้เห็นไข่นกเขียน
น้ำไหลเวียนฮอยควายกุ่นๆ

ขี่ควายอุ่นว่าแต่โตสิทัน
ฮอดฮ่มทันเห็นฮอยคูดเยี่ยว
ฮอดฮ่มเสียวเห็นแต่ควายนอน


พิธีขึ้นเฮือนใหม่ เฮือนหรือ เฮียนเป็นภาษาอีสานหมายถึงเรือน หรือบ้าน ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งสำหรับคนที่มีครอบครัว ประเพณีอีสานเมื่อคู่บ่าวสาวแต่งงานกันใหม่ๆ จะอาศัยอยู่กับพ่อแม่ก่อน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะไปอยู่ที่บ้านฝ่ายหญิงโดยอาศัยห้องบางห้องของบ้านพ่อตาแม่ยายเป็นห้องหอ หรือ ส้วม เมื่อช่วยเมียเลี้ยง พ่อแม่ (ช่วยทำมาหากิน) อยู่สักระยะ หรือเริ่มมีลูก หนึ่ง หรือสองคนแล้วก็คิดอยากจะ ออกเฮือนไปมีบ้านเรือนเป็นของตนเอง ซึ่งเป็นภาระของฝ่ายชายที่จะต้องสร้างเรือนใหม่ จะด้วยการไปซื้อไม้เรือนเก่า หรือเข้าป่าไปตัดฟันต้นไม้ในป่ามาถากทำเสา  และเลื่อยทำเครื่องเรือน ซึ่งแต่ก่อนนี้ไม้ในป่ายังอุดมสมบูรณ์และมีต้นไม้ใหญ่ๆทั้งนั้น การจะสร้างเรือนหลังย่อมๆสักหลังหนึ่งจึงไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรง แต่ก็จะต้องอาศัย

แรงงานจากญาติพี่น้องหรือเพื่อนบ้านหลายคนและเป็นเวลาหลายวันพอสมควร

 

เมื่อมีเครื่องเคราครบครันแล้วก็จะต้องให้ผู้เฒ่าผู้แก่หาฤกษ์งามยามดีพร้อมทั้งหาทิศผีหลวงเนาว์ (ทิศทางที่ผีบ้านผีเรือนเฝ้าอยู่ประจำ) ให้ จะได้ไปไหว้ถูก หลังจากได้ฤกษ์แล้วจะต้องไปบอกกล่าวญาติพี่น้องเพื่อนบ้านมาช่วยกัน หรือมาช่วยลงแขก ในการสร้างบ้านใหม่ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่การทำพิธีลงเสาเอกตั้งแต่เช้ามืด เริ่มด้วยวางผังขุดหลุม มีผู้อาวุโสมาเป็นผู้นำเพื่อทำพิธี มีต้นกล้วย ต้นอ้อย อีกสำหรับปั่นฝ้ายมาผูกติดหัวเสา เพื่อให้เป็นมงคลและเกิดความอุดมสมบูรณ์ต่อไป

การสร้างเรือนใหม่มักจะทำหลังไม่ใหญ่ใช้เสาไม่กี่ต้น มีห้องหนึ่งหรือสองห้อง มีที่โล่งเป็นที่อเนกประสงค์ มีชานยื่นออกไป มีเรือนไฟสำหรับทำครัว มีที่ยกสูงขึ้นปลายชามเป็นที่วางแอ่งน้ำกินน้ำใช้ บันไดก็เป็นแบบง่ายมีแม่บันไดสองกันแล้วมีขั้นบันไดเป็นไม้กลมๆ สามารถผูกเชือกดันให้เอียงออกจากบ้านเมื่อขึ้นนอน หรือออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันคนหรือหมาขึ้นบนบ้าน หรือบางคนอาจจะลากขึ้นไปวางไว้บนชานเลยก็มี วัสดุในการกั้นฝาอาจจะใช้ฝาแขบตอง (ใช้ใบตุงหรือใบพลวงทำ)  มีฐานะดีหน่อยก็เลื่อนไม้ทำฝา หรือบางคนก็จักตอกไม้ไผ่สานเป็นฝาขัดแตะกั้น ส่วนหลังคาก็อาจจะใช้หญ้าคาหรือหญ้าแฝก มาเรียงเข้าเป็นแผง ภาษาอีสานเรียก ไพหญ้า คนฐานะดีก็จะซื้อสังกะสีมุง คนโบราณไม่นิยมเพราะเวลาฝนตกจะเสียงดังน่ารำคาญ ส่วนหน้าร้อนก็จะร้อนอบอ้าวมากและราคาแพง

 

คนอีสานมักจะสร้างบ้านให้เสร็จในวันเดียว ใช้แรงงานญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านแล้วทำกับข้าวกับปลาเลี้ยงกัน ที่ขาดไม่ได้มีเหล้าด้วย (เมื่อก่อนนี้จะเตรียมหมักเหล้าสาโทเอาไว้ก่อนกะว่าให้ใช้ผ่าน้ำแล้วนำมากินได้ในวันยกเสาเพื่อจะได้ทุ่นเงินค่าเหล้าขาว) คนที่มาช่วยสร้างบ้านจะมีคนที่เป็นช่างประจำหมู่บ้านอยู่คนหนึ่งหรือสองคนคอยกำกับดูแลในเชิงช่าง แต่คนอีสานส่วนใหญ่จะมีความเป็นช่างอยู่ในตัวอยู่แล้ว  จึงสามารถสร้างเรือนหลังใหม่ได้อย่างเรียบร้อยได้ภายในหนึ่งวัน ถ้าจะมีต่อวันหลังก็เป็นเพียงการเสริมรายละเอียดอื่นๆ เล็กๆน้อยๆ เท่านั้น

ว่าจะกล่าวถึงการขึ้นบ้านใหม่ของคนอีสานมีคำกล่าวที่กล่าวถึงเรื่องควายอยู่ก็อดที่จะกล่าวถึงเรื่องการสร้างบ้านด้วยไม่ได้ ก็ถือเสียว่าเล่าให้คนรุ่นใหม่ได้รู้ว่าสมัยก่อนคนอีสานเขาสร้างบ้านกันอย่างไร

 

ทีนี้มาถึงพิธีการขึ้นเฮือนใหม่ ก่อนอื่นจะมีการเตรียมสิ่งของ เช่น แห ดางหรือมอง (ตาข่ายดักปลา) เขา งา ใบคูณ ๗ ใบ แหนบเป็นตับ สิ่ว ฆ้อนตอกสิ่ว พาข้าว ก่องข้าว เต้าน้ำ ย่ามหรือถงกะเทียวหรือไถ้ และมีสิ่งที่เตรียมไว้บนบ้านล่วงหน้าที่ขาดไม่ได้ คือ  ตุ่มที่มีน้ำอยู่เต็ม หม้อดินที่ใส่ข้าวสารไว้เต็ม เริ่มพิธีด้วยการแห่เวียนขวา ๓ รอบ ให้มีคนขึ้นไปทำเป็นเจ้าของบ้านอยู่บนบ้านคนหนึ่งเพื่อถามคนที่อยู่เชิงบันไดข้างล่าง ซึ่งจะมีคนคอยตอบคำถามอยู่ด้วย

 ถาม มาแต่ใสนอเจ้าพ่อเจ้าแม่

ตอบ  มาแต่หินสามวา หมาเห่าเต่า พู่นแหล่ว มาแต่เมืองหมั่นคำทอง มาแสวงหาครองเมืองตั้งบ้านเฮือน หาบ่อนสร่างเมืองบ้านซุ่มเย็น บ่อนเข็ดขวงหลีกเว้นเวนไกล พระเมตตรัยว่าดีบ่อนนี่ ตั้งแต่กี้พระเจ้าถ่อแผ่นดิน พระยาอินทร์พระยาพรหมลงมาก่อ  นางน่อยหน่อนาถแก้ว นางธรณีเอาไหเงินไหคำมาฝังไว้บ่อนนี่ พระแก่นไท้เพิ่นว่าบ่อนดี ยังจักให้เจ้าเฮือนมีอายุมั่นขวัญยืน บ่อนนี่บ่ห่อนมีพยาธิ บ่อนนี่มีแต่นักปราชญ์ เพิ่มสมมติให้เป็นเมืองอินทปัตถ์นคร เพิ่มสินำแต่แก้วแหวนเงินทองมาให้ ข่อยซ่วงใซ่เป็นพัน คำหนักตันเป็นล้านพู่นแหล่วจังได้มา

 

ถาม ได้หยังมานำแหน่

ตอบ ได้แหลูกทอง ได้มองลูกกั่ว เครื่องเขา ข้าว งา เครื่องค้ำของคูณ แก้วแหวนแสนสิ่ง ช้าง ม้ามิ่ง งัว ควาย ข้าหญิง ซาย ก้อนเงิน ก้อนคำ ของกินเครื่องใซ่มาเหมิด

 

ถาม ได้เหมิดแล่ว ก่อนสิขึ้นมาอยู่ ให้ใส่ซื่อใส่นามให้เด้อ
(ที่นี้กลับกันให้คนตอบแต่แรกทำหน้าที่ถามบ้าง)

 

ขั้นไดนี่ซื่อนางแล่น แม่นบ่ แม่น

เสาแก่นนี่ซื่อ ตั้ง

ตั้งเฮือนนี่ซื่อ แขน

ฝาเฮือนนี่ซื่อ  สับ

ฟากเฮือนนี่ซื่อ  สร้อย

น้ำติ่งต้อยไหลหลั่งมามือ ดีเยอ

ผู้นำขึ้นก่อน นั่งจุดเทียนหน้าบันได หันหน้าใส่ราชาโชค ตั้งนะโม สามจบพระอาทิตย์อยู่เบื้องขวา พระจันทร์อยู่เบื้องซ้าย พระ… (วันขึ้นบ้านใหม่) ยัวระยาดมาสง่าราศรี อิติปิโสภควา ฤกษ์ดี ยามดี วันชัยศรี ศรีสวัสดิ์มหาลาภ (มหาลาโภ) นะโมพุทธายะ ๓ จบ เหยียบขั้นบันไดขั้นแรก ให้ว่า พุทธคุณขั้นที่สองให้ว่า ธรรมคุณขั้นที่สามว่า สังฆคุณ

 

ให้ผู้นำขึ้นบันใดแล้วรอคนอื่นอยู่ข้างบน เมื่อคนขึ้นทุกคนแล้วเอาแหนบใบคูณใบยอมาวางคมสิ่ว แล้วใช้ฆ้อนตอก

 

ตอกครั้งที่ ๑  พูดว่า สิ่วของข้าตอกบาดนี่เงินหมื่นมาแขวน คำแสนมาห้อย นับแต่ข่อยข้าพอพันคนเนืองนันต์ นอกในสร้อยสร้าง ใต้ล่างมีช้าง ม้า งัว ควาย คนหลวงหลาย นอกในแหนเฝ้า ให้เจ้าเฮือนนี่เป็นเจ้าเป็นใหญ่กว่าเพิ่นทั้งหลาย ดีเยอ

 

ตอกครั้งที่ ๒ พูดว่า สิ่วของข้าตอกบาดนี่ได้งัวแม่ลาย ให้ได้ควายสองเขาซองลอง ให้ได้ ค้องเขาจูม ให้ได้คำเก้าปุ่ม ให้เจ้าเฮือนอยู่ซุ่มกินเย็ยนพ่อเยอ แม่เยอ

 

 

ตอกครั้งที่ ๓  พูดว่า สิ่วของข้าตอกบาดนี่จักเชิญพ่อหมอหลวงอยู่ภูเก้าฮ้อย พ่อหมอเฒ่าอยู่ภูหอภูโฮง พ่อหมอหลวงอยู่ฟากฟ้า พ่อหมอแก่อยู่เมื่อมั่นคำทอง ขอให้มาซ่อยค้ำซ่อยคูณ เจ็ดใบยอหมู่ข้าได้มาหนุน เจ็ดใบคูณฝูงข้ากะได้มาค้ำ ให้เฮือนนี้มั่งมีมูลมังไหลหลั่งมา

นำถงกะเทียวห้อยไว้ข้างฝา แล้วนั่งลงไหว้พระ ถ้าเป็นตอนเย็น ให้นอนลง ทำเป็นเสียงไก่ขันแล้วลุกขึ้น พูดดังนี้ เก้าสิส่วยสิบสิส่วย บ่ท่อส่วยใบแขม เก้าสิแหลมสิบสิแหลมบ่ท่อแหลมใบข้าว เก้าสิเสี่ยงสิบสิเสี่ยงบ่ท่อเสียงแมงง่วง เก้าซ่างสิบซ่างบ่ท่อซ่างเอราวัณ เก้าสิบฝันสิบสิฝันบ่ท่อฝันคืนนี่ ฝันคืนนี่ฝันดีประหลาดต่าง  เคราะห์บ่ข้องเข็ญเจ้าหากบ่มี ไชโยให้เฮือนนี่ทั่นปานก้อนหินแดง ให้เฮือนนี่นั่นปานก้อนหินลาด ไชโยให้เฮือนนี้อาจปานเหลี่ยมเสาสุเมรุ  นอนหลับให้ได้เงินหมื่น นอนตื่นให้ได้เงินแสน แปนมือไปให้ได้เงินซั่ง ลุกนั่งให้ได้ก้อนคำ ให้ได้เงินคำล้านยอขึ้นใส่ถงเย้อเป็นอันเสร็จพิธี

 

 จะสังเกตเห็นว่าในพิธีขึ้นบ้านใหม่หรือแม้แต่พิธีที่เป็นสิริมงคลอื่นๆที่ต้องการให้เกิดความอุดมสมบูรณ์และความมั่นคงในชีวิต มักจะมีการอวยพรให้มีเงินมีคำ (ทอง) มีช้างม้า วัว ควาย ซึ่งถือว่าเป็นสัตว์คู่เรือนชาน บ้าน เมือง เป็นสัตว์ที่จะนำมงคล และความมีกินมีใช้มาสู่คนได้

 

 


หมายเลขบันทึก: 51557เขียนเมื่อ 24 กันยายน 2006 12:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 พฤษภาคม 2012 20:29 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท