เมื่อกล่าวถึง ขายตรง ย้อนไปเมื่อสามสิบถึงสี่สิบปีที่แล้วอาจจะไม่ค่อยมีใครรู้จักหรือพูดถึงกันมากนัก แม้จะมีอยู่จริงก็ตาม เห็นจะมีก็เพียงร้านโชว์ห่วยซึ่งก็เป็นกิจการในครอบครัวของอาแปะ อากู๋ ซึ่งมักจะตั้งเป็นร้านค้าขายประจำท้องถิ่นหรือหมู่บ้าน ซึ่งก็มีไม่มากนักแต่ก็มักเป็นที่นัพบปะสังสรร พูดคุยไต่ถามทุกข์สุขของคนในชุมชน บางครั้งหากยังไม่มีเงินจ่าย แปะโป้งไว้ก่อนก็ยังได้ เอื้อเฟื้อและเชื่อใจกันขนาดนั้นเชียวแต่ก็ไม่ค่อยเห็นใครเบี้ยวหนี้ มีเมื่อไหร่ก็นำมาใช้ทันที นี่คือคุณธรรมความดีที่พบได้ในคนไทยสมัยเก่าก่อนไม่ว่าจะยากดีมีจน พอถึงช่วงเทศกาล งานบุญต่างๆ ไม่ว่าตรุษไทย ตรุษจีน ตรุษแขกหรือฝรั่ง ก็แจกจ่าย แบ่งปันอาหารและขนมกันอย่างทั่วถึง คนไทยเราจึงอยู่ด้วยความเป็นพี่เป็นน้อง ไม่มีนายทุนและลูกหนี้
จำได้ว่าเมื่อตอนเป็นเด็กเมื่อถึง เทศกาลตรุษจีน เราจะหาร้านซื้อข้าวของแทบไม่ได้ เพราะร้านปิดหมด เหตุเพราะคนไทยในสมัยนั้นไม่นิยมทำมาค้าขาย อย่างดีก็ทำไร่ ทำนา ทำสวน ได้ผลผลิตมาก็นำไปขายตามตลาดหรือหากมีใครมาซื้อเหมาก็ยิ่งดี ที่จะมาตั้งร้านค้าขายอย่างจริงจังนั้นหายาก
ตอนเรายังเล็กนั้นบริเวณที่ตั้งของ สถานีตำรวจนครบาลตลิ่งชัน และถนนปิ่นเกล้านครชัยศรีในปัจจุบัน ยังเป็นสวนผลไม้นานาพันธ์ ไม่ว่าจะเป็น สวนฝรั่ง สวนละมุด กระท้อน มะไฟ ห่างออกไปไม่ไกลนัก ก็จะเป็นท้องทุ่งนา เรากับเพื่อนยังเคยขี่ควายไปขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟตลิ่งชันก็บ่อย เทศกาลสงกรานต์เขาก็มีงานฉลองกันในทุ่งนาใกล้บ้าน โดยมีกองฟางขึงโยงด้วยธงราวที่ทำมาจากกระดาษฟาง ตกค่ำก็อาศัย ความสว่างจากตะเกียงเจ้าพายุ ซึ่งก็ต้องขอยืมกันมา เพราะส่วนใหญ่ใช้ ตะเกียงกระป๋องใส่น้ำมันก๊าด เวลาเดินทางยามค่ำคืนก็ จุดคบเพลิงที่ทำกันขึ้นเองจากทางมะพร้าวที่หาได้ตามท้องไร่ปลายนา ไม่มีไฟฉายใช้เหมือนปัจจุบัน
ไม่ไกลจากที่ตั้งโรงพักมากนัก มีคลองที่ใช้สัญจรไปมาโดยทางเรือ ปัจจุบันยังพบเห็นได้แต่ตื้นเขินมากแล้ว คลองดังกล่าวเชื่อมระหว่างคลองบางระมาดผ่านทางรถไฟตลิ่งชัน - บางกอกน้อย ไปจนจรดคลองตลิ่งชันใกล้บริเวณที่ตั้งตลาดน้ำตลิ่งชันปัจจุบัน กิจกรรมส่วนใหญ่ไม่ว่า น้ำดื่ม น้ำกิน การชำระล้างร่างกาย การขนส่งผลผลิตจากเลือกสวนไร่นา ตลอดจน การเดินทางและการบิณฑบาตรทางเรือของพระก็อาศัยลำคลอง ดังกล่าว ดังนั้น การรู้ช่วงเวลาน้ำขึ้นน้ำลง จึงมีประโยชน์ เพราะสามารถช่วยลดพละกำลังที่ใช้ในการพายเรือลงได้มากทีเดียว บางครั้งก็อาจต้องเสียเวลาเพราะน้ำลงจนแห้งเรือติดตื้น ต้องเสียเวลารอจนน้ำขึ้นเสียก่อนจึงพายเรือต่อไปได้
ที่กล่าวมานั้นเป็นชีวิตที่เคยมีและเคยเป็นในช่วงเวลหนึ่ง หากเป็นการขนส่งในทางบกก็ต้องอาศัย การแบก การหามหรือหากจะใช้เครื่องทุ่นแรงก็คงต้องพึ่งไม้คานกับสาแหรก ถ้าหากว่าใครหาบไม่ถูกวิธีก็เป็นเรื่องเชียวละ ต้องเจ็บบ่าไปหลายวันเรารียกวิธีนี้ว่า หาบคลอน ไม่ใช่หาบเร่ในปัจจุบัน อันน่าจะหมายถึงการหาบไปเรื่อยๆตามที่คนหาบต้องการ ไม่ใช่การหาบที่ใช้ขนส่งผลผลิตไปลงเรือหรือเก็บกลับบ้านเท่านั้น แต่ที่เราเคยพบและพอจะอนุโลมเป็นหาบเร่ในปัจจุบันได้ก็เห็นจะเป็นเช่นกรณีของ...ป้าจีบ
ป้าจีบ ในช่วงสมัยนั้นเป็นหญิงวัยกลางคนรูปร่างผอมสูงแลดูแข็งแรง แกปลูกบ้านอยู่ริมทางรถไฟใกล้ สถานีรถไฟบางระมาด ยามเช้าป้าจีบจะเก็บผักและผลไม้ในสวน หาบขึ้นรถไฟไปขายที่ตลาดศาลาน้ำร้อนตรงกันข้ามกับโรงพยาบาลศิริราช ใกล้เพลแกก็จะซื้อสินค้าจากตลาดนั่งรถไฟกลับบ้านจัดเตรียมของใส่หาบ แล้วพักผ่อน บ่ายคล้อยป้าจีบพร้อมลูกชายก็หาบสินค้าที่เตรียมไว้ เดินลัดเลาะไปตามทางเดินในสวน ผ่านบ้านโน้นบ้านนี้ เหมือนพระที่เดินบิณฑบาตรไปในทางประจำ กว่าจะมาถึงบ้านเราก็เย็นโข ต้องการอะไรก็เลือกซื้อเอา คงเป็น หมู เนื้อกัและผัก เพราะอย่างอื่นเราหาได้จากในสวน ไม่ว่าจะเป็น พริก กระเพรา ตะไคร้ ใบมะกรูด แม้กระทั่งปลา ที่จะดีใจหน่อยก็ตอนที่มีขนมแปลกๆมาขายนั่นแหละ เกือบค่ำตะวันเริ่มโพล้เพล้ แสงแดดสาดส่องบนยอดไม้เป็น แสงผีตากผ้าอ้อม ป้าจีบกับลูกชายก็ยังคงหาบไปยังบ้านอื่นต่อไป กว่าจะกลับถึงบ้านก็คงค่ำและเหน็ดเหนื่อยเอาการ แต่เห็นแกก็มีความสุขดี พูดคุยกับบ้านโน้นบ้างบ้านนี้บ้าง บางทีใครเจ็บไข้ได้ป่วย แกก็ช่วยกระจายข่าวให้เพื่อนบ้านได้รู้และไปเยี่ยมเยียนเป็นกำลังใจกัน ความสุขของพวกเราก็ขึ้นอยู่กับสิ่งนี้แหละ ความเอื้ออาทรเห็นอกเห็นใจกัน ไม่ใช่เพราะเงินทองที่เป็นของนอกกาย
เราย้ายจากบ้านเดิมมาอยู่ในที่แห่งใหม่ ข่าวว่าป้าจีบก็ยังคงหาบเร่ไปขายให้ถึงประตูบ้านของลูกค้าเหมือนเดิม ขณะเดียวกันข่าวคราวและการไปมาหาสู่กันก็ยังคงเป็นปกติ เมื่อ ยามบ้านเราจัดงานบุญป้าจีบก็มาร่วมงานด้วยเกือบทุกครั้ง เมื่อถนนรถยนต์ตัดเข้ามาการเดินทางเริ่มสะดวกสบายขึ้น ความจำเป็นที่จะใช้บริการหาบเร่...ขายตรง ของป้าจีบเริ่มเปลี่ยนไป เลือกสวนไร่นาเริ่มเปลี่ยนมือจากเจ้าของเดิม ทางเดินเริ่มถูกปิดกั้น เส้นทางขายตรงของป้าจีบเริ่มเลือนลาง ประกอบด้วยวัยที่สูงขึ้นและแรงกายที่ถดถอย กิจการหาบเร่...ขายตรงของป้าจีบก็ต้องเลิกราไปในที่สุด เหลือไว้แต่ความทรงจำถึงความเป็นกันเอง มีเมตตา โอบอ้อมอารี ร่าเริงสมแล้วที่ป้าจีบเป็นคนไทย
ปัจจุบันคนที่ทำงานเช่นเดียวกับป้าจีบก็จะยังคงมีให้เห็นในสังคม ต่างกันตรงที่ต้องมาค้าขายอยู่ในเมืองหลวง จึงดูรกหูรกตาไม่เป็นระเบียบ จนต้องเป็นคู่กัดตลอดกาลกับเทศกิจ ต่างคนต่างมีหน้าที่ ทำตามบทบาทและหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดก็แล้วกัน แต่อย่าลืมความเป็นมนุษย์ของแต่ละคน เมื่อเรามีโอกาสที่ดีกว่า ควรให้การช่วยเหลือเกื้อกูล หากเราจะสามารถช่วยได้ เพราะว่าเขาใช่อื่นไกล นี่แหละ หาบเร่...ขายตรงพันธุ์ไทยแท้...ค่ะ
โดย คนบ้านเดียวกัน
ไม่มีความเห็น