สรุปสาระสำคัญของการอบรมทางไกลผ่านอินเตอร์เน็ต “กระบวนทัศน์และคุณลักษณะข้าราชการยุคใหม่”
เป็นการพัฒนากระบวนทัศน์ในการทำงานของข้าราชการ ให้สามารถนำคุณลักษณะไปใช้ในการกระตุ้นพฤติกรรมการทำงานภาครัฐเกี่ยวกับทักษะในการตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยความถูกต้องและใช้เหตุผลเชิงจริยธรรม ปฏิบัติงานโดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ซื่อสัตย์ สุจริต ทำงานโดยมุ่งผลสัมฤทธิ์ของงาน มีทัศนคติที่ดีต่อการปฏิบัติงาน ปรับเปลี่ยนบทบาท ภารกิจตามการบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ และมีจิตใจให้บริการประชาชนอย่างเป็นธรรม
สรุปสาระสำคัญของการอบรมทางไกลผ่านอินเตอร์เน็ต
“กระบวนทัศน์และคุณลักษณะข้าราชการยุคใหม่”
จัดโดย สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน
หลักสูตร ทักษะการตัดสินใจและแก้ปัญหา
วัตถุประสงค์ (ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง)
1. เข้าใจความหมายของปัญหาจริยธรรม และความสำคัญของทักษะการตัดสินใจและแก้ปัญหาเชิงจริยธรรม
2. ทราบหลักการที่ควรใช้ในการตัดสินใจ คือการเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว
3. วิเคราะห์องค์ประกอบต่าง ๆ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการเลือกตัดสินใจ เมื่อเผชิญปัญหาขณะปฏิบัติงานได้อย่างเหมาะสม
4. ยกระดับความสามารถในการตัดสินใจและใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมให้สูงขึ้น
ความหมายของปัญหาทางจริยธรรม
ปัญหาทางจริยธรรม หมายถึง ปัญหาที่มีเรื่องค่านิยม คุณธรรม จริยธรรม เข้ามาเกี่ยวข้อง และเกิดสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างค่านิยมหรือคุณธรรมตั้งแต่ 2 อย่างขึ้นไป ทำให้เกิดการยากในการตัดสินใจ ผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความลำบากใจในการเลือกตัดสินใจว่าจะใช้คุณธรรม ค่านิยมข้อใดมากกว่ากัน เช่น การช่วยเหลือญาติในการสอบคัดเลือกบรรจุเป็นข้าราชการ หรือพนักงาน เป็นต้น
ความสำคัญของทักษะการตัดสินใจ
การตัดสินใจแก้ปัญหาเชิงจริยธรรม ต้องคิดพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบ และใช้เหตุผลที่ดีว่าผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจนั้นควรคำนึงว่าผลจากการตัดสินใจเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากกว่าส่วนตนหรือไม่ เพื่อให้นำไปสู่การตัดสินใจที่ดีเสมอ ๆ
หลักการตัดสินใจ
1. “คิดถึงใจเขาใจเรา เห็นใจ เข้าใจซึ่งกันและกัน หรือคำนึงถึงความคิดความพอใจของกันและกัน” เป็นหลักการตัดสินใจเมื่อเกิดกรณีความขัดแย้งระหว่างตัวเราและบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใกล้ชิด
2. “ยึดระเบียบ กฎเกณฑ์ มาตรฐานของสังคม” เป็นหลักการตัดสินใจเมื่อเกิดกรณีความขัดแย้งระหว่างตัวเราหรือบุคคลใกล้ชิดกับสถาบันส่วนรวมของสังคม
3. “ยึดหลักการ อุดมคติสากล และเหตุผลของตนเองโดยมุ่งประโยชน์และความสงบสุขของสังคมส่วนรวม” เป็นหลักการตัดสินใจเมื่อเกิดกรณีความขัดแย้งระหว่างการปฏิบัติตามระเบียบ กฎเกณฑ์หรือมาตรฐานของสังคมกับอุดมคติอันสูงส่งหรือประโยชน์ของมวลมนุษย์
หลักสูตร ทัศนคติที่ดีต่อการทำงานภาครัฐ
วัตถุประสงค์ (ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง)
1. ประเมินคุณค่าการทำงานราชการภาครัฐในบริบทใหม่ได้อย่างเหมาะสม
2. สร้างความรู้ความพอใจในการทำงานภาครัฐอย่างเต็มความสามารถ
3. พัฒนาความพร้อมที่จะกระทำพฤติกรรมในการปฏิบัติงานภาครัฐที่สอดคล้องกับสถานการณ์บริหารภาครัฐแนวใหม่
ความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนการบริหารภาครัฐแนวใหม่
ข้าราชการเป็นกลุ่มอาชีพที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีในการทำหน้าที่ต่าง ๆ ในการพัฒนาประเทศชาติ ความเจริญรุ่งเรือง และบริการประชาชน เพื่อให้ประชาชนที่มารับบริการได้รับความพึงพอใจ ความสะดวก สบายในการติดต่องานราชการ อีกทั้งสำเร็จตามความมุ่งหมายของประชาชน ดังนั้นอาชีพข้าราชการจึงเป็นอาชีพที่สามารถทำคุณประโยชน์และคุณค่าต่อสังคมโดยรวม ข้าราชการจึงควรได้รับการพัฒนาตนเองและปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานให้เหมาะสมกับยุคสมัย
ความจำเป็นในการปฏิรูปและพัฒนาระบบราชการไทย คือ
1. การขาดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงาน
2. ความด้อยคุณภาพในการบริการประชาชน
3. การฉ้อราษฎร์บังหลวง
4. ขีดความสามารถของระบบราชการหรือความล้าสมัยของภาคราชการ
5. อำนาจและบทบาทของภาคราชการมีมากเกินความจำเป็น
หลักสูตร ความฉลาดทางอารมณ์ องค์ประกอบความฉลาดทางอารมณ์
วัตถุประสงค์ (ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง)
1. ตระหนักถึงความสำคัญของความฉลาดทางอารมณ์
2. ตระหนักรู้อารมณ์และควบคุมตนเองได้
3. จัดการกับอารมณ์และควบคุมตนเองได้
4. จูงใจตนเองและใช้อารมณ์ให้เกิดประโยชน์
5. เข้าใจในอารมณ์และความรู้สึกผู้อื่น
6. มีทักษะทางสังคม
7. ใช้ความฉลาดทางอารมณ์ในบริบทต่าง ๆ ของสังคมได้
ความคาดหวังในตัวข้าราชการยุคใหม่
คุณลักษณะของข้าราชการยุคใหม่
1. การกล้ายืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง
2. มีความซื่อสัตย์และความรับผิดชอบ
3. ทำงานอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้
4. การไม่เลือกปฏิบัติ
5. มุ่งผลสัมฤทธิ์แห่งงาน
การทำงานของข้าราชการยุคใหม่ ต้องคำนึงถึง “เน้นประชาชน ประชาชนได้รับความพึงพอใจ เพิ่มอำนาจให้กับประชาชน ทำงานเป็นทีม และมุ่งผลลัพธ์ของงาน” และการที่ข้าราชการจะทำงานได้ประสบผลสำเร็จมากยิ่งขึ้นนั้น ข้าราชการต้องวิเคราะห์ตนเองอย่างสม่ำเสมอ
การแสดงออกทางอารมณ์ของคนเราจะมีความสัมพันธ์กันกับการแสดงออกทางพฤติกรรม จึงสามารถรับรู้อารมณ์ของคนอื่นได้ด้วยการสังเกตจากพฤติกรรม การแสดงออกทางสีหน้าท่าทาง แววตา และน้ำเสียง
สมองซีกขวาจะเป็นส่วนที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของอารมณ์และความรู้สึก ความคิดสร้างสรรค์ และทำงานควบคู่กับการทำงานของสมองซีกซ้าย
ความหมายและความสำคัญของความฉลาดทางอารมณ์
ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Quotient : EQ) หมายถึง ความสามารถที่จะต้องจัดการเกี่ยวกับตนเอง และความสามารถที่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น
1. องค์ประกอบของความฉลาดทางอารมณ์ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตนเอง ประกอบด้วย
· การตระหนักรู้อารมณ์ของตนเอง
· การจัดการกับอารมณ์ของตนเอง
· การจูงใจตน
2. องค์ประกอบของความฉลาดทางอารมณ์ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น ประกอบด้วย
· การเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น
· การมีทักษะทางสังคม
แนวทางการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์
แนวทางการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ สามารถแบ่งออกได้ 2 แนวทาง คือ
1. แนวตะวันตก ประกอบด้วย
· การตระหนักรู้อารมณ์ตนเอง เป็นความสามารถในการจัดการกับอารมณ์ของตนเอง สามารถขอกได้ว่าตนเป็นคนมีอารมณ์แบบใด ตระหนักรู้ถึงข้อดีข้อบกพร่อง และสามารถทำความเข้าใจกับลักษณะอารมณ์ของตนเองในบริบทต่าง ๆ ได้
· การจัดการกับอารมณ์ตนเอง เป็นความสามารถในการจัดการกับอารมณ์ต่าง ๆ สามารถควบคุมตนเองได้ และสามารถหาวิธีแก้ไขอารมณ์กลับคืนสู่สภาพปกติได้
· การผ่อนคลายความเครียด เป็นการฝึกการหายใจที่ถูกต้อง สูดลมหายใจให้เต็มปอด และกลั้นเอาไว้เล็กน้อย แล้วค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกเป็น 4 จังหวะ
· การจูงใจตนเอง เป็นความสามารถในการสร้างอารมณ์ เพื่อจูงใจตนเอง ให้มีพลังในการกระทำสิ่งต่าง ๆ เป็นพลังในการให้กำลังใจตนเองในการคิดและทำอย่างสร้างสรรค์ โดยการ คิดถึงความสำเร็จ ความสุขของชีวิตที่จะเกิดขึ้น คิดถึงครอบครัว คิดถึงประชาชน คิดถึงสิ่งที่เราให้ความช่วยเหลือ ชื่นชมในความเสียสละและความรับผิดชอบของเรา
· การเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น โดยการสังเกต สนใจ และใส่ใจความรู้สึกของผู้อื่น และน้ำเสียง การใช้ถ้อยคำ ความดัง
· การมีทักษะทางสังคม เป็นความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และการมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี โดยใช้การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ
2. แนวพุทธ แนวทางพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ตามวิถีแนวพุทธนั้นเน้นการใช้ปัญญาในการควบคุมความคิด ความรู้สึกของตนเองให้มีพฤติกรรมและการแสดงออกในที่ถูกที่ควร โดยคำนึงถึงให้ตนเองมีความสุข สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ดี และทำงานได้ประสบความสำเร็จ การพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์แนวพุทธเรียกว่า “การพัฒนาปรีชาเชิงอารมณ์” มีวิธีดังนี้
· การพัฒนาอารมณ์ฝ่ายกุศล คือ เป็นการพัฒนาตนเองไม่มีความโกรธ ไม่มีความโลภ ฝึกสติในการควบคุมตนเอง
· การควบคุมอารมณ์ฝ่ายอกุศล คือ เป็นการควบคุมอารมณ์ที่ไม่ดี ที่จะทำให้เกิดอุปสรรคในการทำงานและการพัฒนาตนเอง ได้แก่ ความอิจฉา ริษยา อาฆาต พยาบาท
การพัฒนาปรีชาเชิงอารมณ์นั้นต้องอาศัยพลังฝ่ายกลาง (ปัญญา) ควบคุมความรู้สึก ความเพียร การคิด และเจตนา วิธีการพัฒนาปรีชาเชิงอารมณ์สามารถทำได้โดยการฝึกอาณาปานสติเบื้องต้น เป็นการกำหนดลมหายใจเข้า-ออก มี 4 แบบ ได้แก่
1. ลมหายใจยาว-แรง
2. ลมหายใจยาว-ลึก
3. ลมหายใจยาว-ช้า
4. ลมหายใจยาว-ธรรมชาติ
การใช้ความฉลาดทางอารมณ์ของตนในบริบทต่าง ๆ ของสังคม
การใช้ความฉลาดทางอารมณ์นั้นสามารถใช้แนวทางการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์แนวตะวันตกหรือแนวพุทธก็ได้ โดยเลือกเอาแนวทางที่เหมาะสมกับตนเอง มาควบคุมพฤติกรรมทั้งทางกาย วาจา ใจ ควบคุมความคิดและอารมณ์ด้วยการตรวจสอบ ติดตามผล ปรับปรุง พัฒนาตนเอง
การประเมินความฉลาดทางอารมณ์
เป็นการประเมินความฉลาดทางอารมณ์ของตนเองโดยประเมินจากโครงสร้างความฉลาดทางอารมณ์ทั้ง 3 ด้าน ได้แก่
1. ด้านดี ประกอบด้วย การควบคุมตนเอง การเห็นใจผู้อื่น และความรับผิดชอบ
2. ด้านเก่ง ประกอบด้วย การมีแรงจูงใจ การตัดสินใจและแก้ปัญหา และความสัมพันธภาพ
3. ด้านสุข ประกอบด้วย ความภูมิใจตนเอง ความพอใจในชีวิต และความสุขสงบทางใจ
ไม่มีความเห็น