สถาณการณ์เด่นในประเทศไทยที่ส่งผลต่อภาคธุรกิจ - ที่เด่นที่สุดในตอนนี้คือ การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ในด้านการเมืองการปกครองจาก คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ( คปค ) ที่เข้ายึดอำนาจการปกครอง จากรักษาการณ์นายกรัฐมนตรี พันตำรวจโท ดอกเตอร์ ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ 2549
ด้วยความนุ่มนวล และปราศจากการเสียเลือดเนื้อ...
ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ต่อธุรกิจไทยเป็นอย่างไร ? - ผลกระทบที่เห็นได้ชัด คือ ทำให้เกิด "ความไม่แน่นอน " ส่งผลต่อ "ความเชื่อมั่น" และ " บรรยากาศในการลงทุน"
เนื่องจากนโยบายการปกครอง และสถาณการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และยังไม่อาจวางใจได้ถึงความสงบลงอย่างแท้จริง ทำให้แต่ละฝ่ายเฝ้าติดตามสถาณการณ์ และอาจมีการชะลอการลงทุน
อีกด้านหนึ่ง ที่ช่วยให้สถาณการณ์ไม่ดูเลวร้ายเกินไป คือการเผยแพร่ข่าวสารต่างๆที่แสดงให้เห็นว่า การทำรัฐประหารครั้งนี้ มีความสงบเรียบร้อย ไม่มีเหตการณ์รุนแรง และดูค่อนจะเป็นที่ยอมรับของประชาชน ภาพข่าวเหล่านี้ได้ถูกเผยแพร่ไป โดยสำนักข่าวทั้งในประเทศและโดยสำนักข่าวต่างประเทศ
และเมื่อตลาดหลักทรัพย์ เปิดทำการ หุ้นตกไปราวๆ 4% แต่สามารถไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อปิดตลาด หุ้นตกไปเพียง 1% สร้างความประหลาดใจให้กับชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก เนื่องจากคาดว่า ตลาดหุ้นไทยจะได้รับผลกระทบจากเหตการณ์ครั้งนี้ สูงกว่านี้มาก
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลที่ส่งผลแนวโน้มธุรกิจไทยคืออะไร ? - นอกจากสถาณการณ์โลกด้านราคาน้ำมัน ที่แต่ละประเทศต่างก็ได้รับผลกระทบนี้กันทั่วหน้าแล้ว ปัจจัยที่ส่งผลสำคัญต่อแนวโน้มธุรกิจไทย
คือ รัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะมีการจัดตั้งขึ้น ว่ามีความน่าเชื่อถือเป็นที่ยอมรับเพียงใด นโยบายต่างๆเอื้อหนุนต่อการลงทุนขนาดไหน นอกจากนี้ความมั่นคง และสถาณการณ์ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ก็ล้วนเป็นสิ่งสำคัญ
ถ้าจะให้สรุปว่าสถาณการณ์เด่นของประเทศไทยในด้านธุรกิจเป็นอย่างไร ก็อยากจะตอบสั้นๆว่า "เป็นที่จับตามอง" เพราะไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น แต่เพราะยังอาจมีการเปลี่ยนแปลงอื่นๆที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นได้อีก
นอกจากนี้เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้ว บุคคลผู้เกี่ยวข้องจะบริหารจัดการ บ้านเมืองไปในทิศทางใด
นั่นก็เป็นสิ่งที่ต้องจับตามองต่อไป...
ลินดา วัฒนเกียรติวงศ์
4818140064
ไม่มีความเห็น