"ห้ามนำอาหารขึ้นไปรับประทานบนเรือนนอน ห้ามนำเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดเข้าหอพัก ห้ามเข้า-ออกจากหอพักนอกเหนือเวลาที่กำหนด" นี่ถือเป็นกฎข้อแรกๆที่บรรดานักเรียนประจำทุกคนต่างทราบดี แต่แทบจะไม่มีนักเรียนประจำคนใดที่ปฏิบัติตามกฎข้อนี้อย่างเคร่งครัด (แม้แต่นักเรียนตัวอย่าง หรือกรรมการหอพักก็ตามที )
ในตอนแรกนั้นบรรดานักเรียนประจำมือใหม่จะได้รับการปลูกฝังจากอาจารย์พี่เลี้ยงประจำหอให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบของหอพักอย่างเคร่งครัด มีการเข้าคอร์สอบรมเพื่อชี้แจงถึงโทษที่จะได้รับหากมีการฝ่าฝืนกฎ เช่น
โทษสถานเบา ได้แก่ ทำเวรขัดห้องน้ำทั้งอาทิตย์ ขัดโต๊ะม้าหินอ่อนใต้หอนอน (ฉะนั้นท่านพ่อแม่ผู้ปกครองทั้งหลายที่มาเยี่ยมบุตรหลานในวันเสาร์-อาทิตย์ ก็ไม่ต้องแปลกใจนะคะว่าทำไมโต๊ะม้าหินอ่อน และห้องน้ำใต้หอนอนหญิงจึงสะอาดอยู่เสมอ ก็....ฝีมือบรรดาลูกสาวคนดีของคุณนั่นแหละ ที่คอยพลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาทำความสะอาดแทบทุกอาทิตย์)
ส่วนโทษสถานหนัก ได้แก่ การถูกตัดคะแนนความประพฤติ ซึ่งเมื่อแรกเข้านั้นนักเรียนประจำทุกคนจะมีคะแนนคนละ 100 คะแนนเท่ากัน แต่จะถูกหักคะแนนไปเรื่อยๆหากทำผิดกฎของโรงเรียน ซึ่งจะถูกหักคะแนนมาก-น้อยแล้วแต่ความหนักเบาของความผิด
อย่างไรก็ดีในเมื่อครูสามารถคิดหาวิธีการลงโทษใหม่ๆได้ นักเรียนก็คิดค้นวิธีการแหกกฎได้เช่นเดียวกัน เป็นต้นว่า บางคนแอบเก็บขนมไว้ในกล่องรองเท้าแล้ววางไว้ใต้เตียง ในขณะที่บางคนแอบไว้ในตู้เสื้อผ้าแล้ววางผ้าขนหนูทับไว้ ส่วนบางคนก็แอบไว้ในถังพลาสติกแล้วไปวางให้ดูกลมกลืนกับถังที่อยู่ในห้องเก็บของ อันนี้ก็แล้วแต่เทคนิคของแต่ละคน แต่ฉันขอแนะนำว่าที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด นั่นคือ ใส่กล่องพลาสติก หรือลังแล้งวางไว้หัวเตียงโดยวางหนังสือบนกล่องสัก 2-3 เล่ม ซึ่งจะดูเหมือนกล่องใส่หนังสือ แต่ก็ไม่รับประกันความปลอดภัยนะ หากใครถูกจับได้ก็จะถูกริบของกลางไว้จนกว่าจะถึงวันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งกว่าจะถึงเวลานั้นของบางอย่างก็อาจเน่าเสียไปเรียบร้อยแล้ว
เมื่อ"สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง" แล้วพวกเราล่ะเป็นแค่นักเรียนประจำมือใหม่ธรรมดาๆคนหนึ่งจึงเป็นปกติที่จะมีทั้งพลาดและพลั้งไปบ้าง
มีคราวหนึ่งโชคไม่เข้าข้างพวกเราเท่าไหร่นัก ในระหว่างที่พวกเรากำลังตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือภายใต้แสงไฟในผ้าห่มบนเตียงนอนนั้น พวกเราก็ถูกอาจารย์พี่เลี้ยงจับได้ว่าแอบเอาโคมไฟอ่านหนังสือเข้ามาใช้ในหอพัก ท่านก็เลยจัดการริบของกลางไว้ โดยบอกให้เรารอไปจนกว่าจะปิดภาคเรียนจึงจะคืนให้
แต่เนื่องจากช่วงนั้นอยู่ระหว่างการสอบปลายภาคหากไม่มีโคมไฟก็ต้องแย่แน่ๆ จึงมีเพื่อนหัวไวคนหนึ่งเสนอความคิดต่ออาจารย์ขึ้นมาว่าไหนๆจะต้องนำโคมไฟไปเก็บไว้เป็นเวลานาน ก็ควรจะเอาไปทั้งกล่อง มิฉะนั้นโคมไฟราคาหลายพัน(กีบ)อาจถูกขี้ฝุ่นจับ เสียหายได้ อาจารย์เองก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย คงเดาได้นะคะว่าต่อไปจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น(พวกเราขอโทษจริงๆนะคะ เพราะความจำเป็นมันบังคับให้ต้องทำอย่างนั้น หากไม่ทำอย่างนั้นพวกเราคงสอบตกแน่ๆ ) อาจารย์คะ..เหตุการณ์ในครั้งนั้นยังคงอยู่ในความทรงจำของพวกเราเสมอมาค่ะ
ณ. วันนี้ พวกเราอยากบอกอาจารย์ว่า.....แม้ตอนนั้นพวกเรามักจะแกล้งทำเป็นจำกฎของหอพักไม่ได้ และชอบแหกกฎอยู่บ่อยๆ แต่พวกเราก็ไม่เคยลืมความความรัก ความห่วงใย และความหวังดีที่อาจารย์มีให้กับเรา .....พวกเราทุกคนรักอาจารย์นะคะ
ไม่มีความเห็น