โครงการ วัยรุ่นสดใส( Friend Corner )


       กลุ่มงานจิตเวช  โรงพยาบาลยโสธร ตระหนักถึงความสำคัญของสถานการณ์และปัญหาสุขภาพของวัยรุ่นไทยที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น อันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ     และสังคมในยุคโลกาภิวัฒน์ที่กระทบต่อวิถีชีวิต           ความเป็นอยู่ พฤติกรรมและสิ่งแวดล้อมของวัยรุ่น ก่อให้เกิดปัญหาหลายอย่างตามมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติด  ปัญหาทางเพศ และอนามัยการเจริญพันธุ์ซึ่งเป็นปัญหาสังคมระดับชาติที่รัฐบาลถือเป็นนโยบายที่ต้องดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจังเพราะส่งผลถึงการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต

       จากความรุนแรงและปัญหาดังกล่าวรวมทั้งสภาพปัญหาที่เปลี่ยนแปลงไป        มาตรการทางกฎหมายหรือแนวทางป้องกันต่างๆ อาจไม่สามารถต่อสู้กับวิกฤตปัญหาที่เกิดขึ้นได้     หากไม่มีความพร้อมของการสร้างสังคมที่อบอุ่น   สังคมที่แห่งความสุข   สร้างความคุ้มกันทางจิตใจ   สร้างทักษะชีวิตและสร้างช่องทางให้วัยรุ่นได้มีโอกาสเข้าถึงบริการสุขภาพต่างๆเพื่อแก้ไขปัญหาหรือความคับข้องใจที่วัยรุ่นมีได้อย่างสะดวกและสอดคล้องกับความต้องการของเขา
จากปัญหาดังกล่าว   จึงมีนโยบายส่งเสริมการให้ความรู้และจัดให้มีบริการสุขภาพที่ดีที่ตรงตามความต้องการของวัยรุ่น     โดยได้กำหนดเป็นแผนการปฏิบัติงานโครงการวัยรุ่น สดใส ( Friend Corner ) ขึ้น ซึ่งโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเครือข่ายวัยรุ่นในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด    ปัญหาสุขภาพจิตและปัญหาทางเพศในสถานศึกษาและเพื่อให้วัยรุ่นสามารถเข้าถึงบริการที่สอดคล้องกับความต้องการของเขาได้ โดยเริ่มจากการประสานงานกับผู้บริหารโรงเรียนและครูผู้รับผิดชอบงานแนะแนวในสถานศึกษา 4 แห่งในเขตอำเภอเมืองยโสธร ได้แก่  ร.ร.ยโสธรพณิชยการเทคโนโลยี่ , ร.ร.ยโสธรพิทยาคม , ร.ร.ยโสธรพิทยาสรรค์ และวิทยาลัยเทคนิคยโสธรเพื่อคัดเลือกนักเรียน นักศึกษาแกนนำโรงเรียนละ 10 คนเข้ารับการอบรมแกนนำมุมเพื่อนใจวัยรุ่น ( รุ่นแรกคือปีงบประมาณ 2546 ) จำนวน 2 วัน 1 คืนที่วิทยาลัยเทคนิคยโสธร  

       ภายหลังจากผ่านการอบรมแล้วแกนนำแต่ละโรงเรียนได้คิดกิจกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาในโรงเรียนของตนเอง โดยมีกิจกรรมต่างๆดังนี้ จัดบอร์ด จัดนิทรรศการ จัดกล่องรับตอบปัญหาวัยรุ่นในโรงเรียน จัดเสียงตามสายประชาสัมพันธ์มุมเพื่อนใจวัยรุ่น จัดกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน (peer group) จัดมุมให้คำปรึกษา โดยมีอาจารย์แนะแนวและกลุ่มงานจิตเวช  โรงพยาบาลยโสธรเป็นพี่เลี้ยง

       ซึ่งกลุ่มงานจิตเวช  โรงพยาบาลยโสธรได้ออกนิเทศ ติดตามการดำเนินงานในแต่ละโรงเรียนทุกๆ 3 เดือน / ครั้ง   พบว่าปัญหาส่วนใหญ่ที่นักเรียนแกนนำเจอได้แก่     
ปัญหาการมีเพศสัมพันธุ์ในวัยเรียน 
ปัญหาเกี่ยวกับการคุมกำเนิด 
ปัญหาความรัก 
ปัญหาการทะเลาะกันระหว่างเพื่อนและ
การปิดกั้นการเรียนรู้เรื่องเพศศึกษาจากผู้ใหญ่ในโรงเรียน  

       ส่วนสิ่งที่นักเรียนแกนนำต้องการคือเพิ่มจำนวนสมาชิกให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งทางกลุ่มงานจิตเวช  โรงพยาบาลยโสธรได้ดำเนินการในโครงการนี้อย่างต่อเนื่องในปีงบประมาณ 2547 เพื่อสร้างแกนนำใน 4 โรงเรียนเพิ่มอีกโรงเรียนละ 10 คน

       จากการดำเนินการมานั้นเราได้วิเคราะห์ลักษณะเด่นของโครงการวัยรุ่น สดใส ( Friend Corner )  ของจังหวัดยโสธรได้ว่า...

1. เป็นการจัดตั้งมุมเพื่อนใจวัยรุ่นในสถานศึกษา  ซึ่งตามนโยบายต้องการให้จัดที่ห้างสรรพสินค้า แต่เมื่อพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในเรื่องงบประมาณและความยั่งยืนของการจัดตั้งแล้ว    กลุ่มงานจิตเวช  โรงพยาบาลยโสธร  ได้ตัดสินใจว่าการจัดตั้งมุมเพื่อนใจวัยรุ่นในโรงเรียนน่าจะมีความ  เป็นไปได้และมีความต่อเนื่อง  ยั่งยืนมากกว่า  ซึ่งจากจุดเริ่มต้นจนถึงปัจจุบันเราพบว่ามุมเพื่อนใจวัยรุ่นในแต่ละโรงเรียนได้เจริญเติบโตขึ้นไปเป็นลำดับจากมุมเล็กๆที่มีคนเพียง 10 คนได้กลายเป็นที่รู้จักของนักเรียนในโรงเรียนและได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้นทั้งจากผู้บริหารโรงเรียน / ครู และ เพื่อนนักเรียน – นักศึกษาในโรงเรียน

2. ใช้เสื้อแตงโมสีส้มขลิบเหลือง สกรีนสัญลักษณ์ Friend Corner ‘….( ปีที่อบรม ) เป็นสัญลักษณ์ของแกนนำที่ผ่านการอบรมแล้ว ซึ่งเป็นการเสริมสร้างความภาคภูมิใจในตนเองให้แกนนำ ส่งผลให้เกิดความภาคภูมิใจ กำลังใจในการทำงานและสร้างแรงจูงใจให้เพื่อนนักเรียน / นักศึกษาอยากเข้าร่วมเป็นแกนนำด้วย

3. แกนนำเป็นผู้คิดดำเนินงานแก้ไขปัญหาในสถานศึกษาของตนเอง       โดยการจัดทำแผนงาน / โครงการต่างๆ โดยมีครู / เจ้าหน้าที่ สอ.และกลุ่มงานจิตเวช  โรงพยาบาลยโสธรเป็นพี่เลี้ยงเท่านั้น

จากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องมานั้นผลที่ได้รับ จากกระบวนการที่ดำเนินนั้น คือ
1. ได้ทราบถึงปัญหาที่แท้จริงของวัยรุ่นในแต่ละสถานศึกษา
2. แกนนำที่ผ่านการอบรมได้ฝึกการทำงานเป็นทีม เรียนรู้วิธีการแก้ไขปัญหาและการติดต่อประสานงานกับผู้อื่น
3. การแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตและยาเสพติดในสถานศึกษามีความต่อเนื่องชัดเจน
4. เสริมสร้างความภาคภูมิใจในตนเองให้กับแกนนำ
5. มีระบบเครือข่ายระดับเยาวชนในการดูแล แก้ไขปัญหายาเสพติดและสุขภาพจิตในสถานศึกษา 

หมายเลขบันทึก: 50981เขียนเมื่อ 20 กันยายน 2006 17:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 ตุลาคม 2013 06:51 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)
  • อยากเข้าร่วมโครงการนี้บ้างจังเลยครับ แต่สงสัยหน้าตาคงจะเกินวัยตามโครงการไปแล้ว
  • แต่ถึงอย่างไรใจก็ยังสดใสอยู่นะครับ
  • อื่ม กะปุ๋มครับ ขอถามอะไรต่อนิดนึงนะครับ อาจจะถามตรงไปหน่อย คงไม่ว่ากันนะครับ
  • คือว่า การจัดทำโครงการแบบนี้ จากการที่กะปุ๋มทำผ่านมาแล้วระยะหนึ่ง กะปุ๋มคิดว่า "ยั่งยืนไหมครับ" และถ้าจะให้ยั่งยืนต้องมีปัจจัยอะไรเสริมเข้าไปบ้างหรือ หรือพบปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้เด็กทำแล้วยั่งยืนด้วยตัวของเขาเอง หรือคิดได้และตัดสินใจทำได้ด้วยตนเองในสภาวะที่สื่อรุนแรงและมีสิ่งล่อตาล่อใจเยอะขนาดนี้น่ะครับ
  • ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ

คุณ อ.จอห์น..คะ

ขอบคุณมากนะคะเป็นคำถามที่ดียิ่งมากเลยคะ...ในส่วนของความยั่งยืนในรายงานที่เรา report ไปนั้นเราวิเคราะห์ร่วมไปด้วย...แต่อาจไม่ได้นำมาเล่าในที่นี่...

...

ความยั่งยืนในที่ว่านี้...จากที่เราได้ติดตามในหลายๆ แห่ง คือ ว่าสถานศึกษา ผู้บริหาร ครูพี่เลี้ยง...ต่างมีส่วนสำคัญต่อการขยายผลและการคงอยู่ดำเนินกิจกรรมต่อของโครงการอย่างมาก อย่างเปรียบเทียบใน 4 โรงเรียนที่เป็นแกนนำของเรานี้ การขยายผลและการคงอยู่ของโครงการก็แตกต่างกัน พบว่า โรงเรียนยโสธรพิทยาคมมีโครงการที่ต่อเนื่องสม่ำเสมอ และดำเนินกิจกรรมในลักษณะการขยายผล...นอกจากนี้บุคลิกลักษณะของครูพี่เลี้ยงที่ไม่ทำตัวให้เกิดช่องว่างแห่งความเป็นครูและศิษย์ก็มีส่วนสำคัญ เช่น ครูหมีจะใช้ความสัมพันธ์แบบแม่-ลูก กับเด็กและเด็กๆ จะรักท่านมาก...

อาจจะดูเป็นเรื่องยากท่ามกลางกระแสสื่อที่รุนแรงและสิ่งล่อตาล่อใจ...มากมาย...กิจกรรมนี้แม้เป็นเพียงน้ำหยดเดียวแต่เราก็มีความหวังที่จะช่วยสรรค์สร้างสิ่งดีงามในสังคมเล็กๆ ดั่งเช่นในโรงเรียน...โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง..และมีแนวโน้มที่จะเสี่ยง หรือการดำเนินกิจกรรมในเชิงป้องกันแบบเชิงรุกนี้...จะได้ผลดีมาก...เพราะเด็กเขารู้สึกว่ามีที่พึ่ง...ทางใจจากเพื่อนและครู...ยิ่งถ้าหากเพื่อนมีทักษะในการช่วยเหลือปัญหาที่พอแก้ไขได้...ก็จะได้รับการแก้ไข...หรือมีการส่งต่ออย่างทันท่วงเวลา...

จากการที่มีโครงการนี้...ทำให้เราแม้แต่คนจิตเวชเองได้มีโอกาสใกล้ชิดเด็ก...และปัญหาหนักในเด็กทำให้เด็กมองเห็นที่พึ่ง เราสามารถคืนคนดีกลับคืนสู่สังคมได้หลายรายเหมือนกัน โดยเฉพาะเด็กเดินเข้ามาหาเราเองเพื่อขอความช่วยเหลือ...

*^__^*

ไม่ทราบว่า ลปรร. ครอบคลุมหรือเปล่านะคะ...

หากไม่ครอบคลุมเดียวมาใหม่นะคะ

กะปุ๋ม

  • โห คุณปภังกรณ์ ถามโดนเป๊ะเลย เพราะผมเองก็ถูกถามเหมือนกัน ตอนผมไปคุยเรืองโครงการที่เมืองไทย ก็ถูกเพือนๆ ถามแบบเดียวกันนี่แหละ
  • ผมล่ะกลัวจริงๆ ว่า วันนึง คนไทยจะเรียกร้องสิทธิ์เสรีภาพมากขึ้น รวมถึงเสรีภาพที่จะใช้ยา โดยเอาตัวอย่าง บ้านอื่นเมืองอื่นมาเป็นตัวอย่าง เช่น ตอนนี้ทางยุโรปก็ถือว่ายาเสพติดไม่ผิดกฎหมาย ทางออส ก็กำลังอนุญาตให้ขายกัญชาได้ตามร้านขายยา  เป็นต้น  ถ้าเป็นเช่นนั้นปัญหาก็จะลุกลามมากขึ้น เจ้าหน้าที่เราก็จะทำงานลำบาก จะตรวจปัสสาวะก็ทำไม่ได้เพราะคุกคามเสรีภาพคน 
  • สิ่งที่ประเทศเขาทำก็คือ ใช้นโยบาย Harm minimization ก็คือ อยากสูบ ฉีด เสพ ก็ทำ เพียงแค่ ใช้ให้สะอาด ถูกหลัก ป้องกันเชือ ผมไปเจอตามห้องน้ำสาธารณะ จะมีห้องเล็กๆ สำหรับฉีดยา (เคยถ่ายรูปไว้ ว่าจะเอามาให้ดูแต่หาไม่เจอ) หรือตามโรงแรมจะมีห้องฉีด ที่มีเข็ม ออกซิเจน   และมีการสอนเรืองการฉีดยาเข้าเส้นที่สะอาด ปลอดภัย และสอนเรือง หากใช้เกินขนาด หรือรู้ว่า จะช๊อค จะทำอย่างไร  
  • นโยบายนี้ มุ่งเพือลดความรุนแรง อันตรายจากการใช้ยา แต่จะไม่ห้ามให้เลิกยา
  • (ผมเลยบอกเขาว่า เพราะนโยบายนี้กระมัง ถึงทำให้คนบ้านเธอ แอบไปตายที่เมืองไทยมากมายเพราะฉีดเกินขนาดแล้วช่วยเหลือไม่ทัน เพราะไม่ระบบสนับสนุนแบบบ้านเธอ)
  • ผมมองว่า ถ้าสิ่งต่างๆ ในโลกนี้ล้วนมีวัฎจักร  แล้วว้นข้างหน้า บ้านเราก็มีแนวโน้มว่าจะเปิดเสรีเรืองเสพยา เพราะดูจากประวัติศาสตร์เรืองนี้แล้วจะเห็นว่า ประเทศที่เปิดเสรี ล้วนประสบความล้มเหลว จากการประกาศใช้นโยบายต่อสู้กับยาเสพติดมาก่อน แล้วพัฒนามาเปิดเสรี  ถ้าเป็นเช่นนั้น ถ้าเมืองไทยล้มเหลวจากนโยบายที่ใช้อยู่ ก็อาจจะหันไปใช้นโยบาย Harm mininization ด้วย  (แค่แสดงความคิดเห็น แต่ไม่กล้าฟันธง แบบหมอลักษณ์)

คุณคนไกล...คุณปภังกร...

หากเราทุกคนคิดและตระหนักกันมากๆ...อย่างนี้กะปุ๋มมองว่าเป็นสิ่งที่ดียิ่ง..และที่ควรดำเนินในขั้นต่อไป คือ การลงมือทำ..อย่างร่วมด้วยช่วยกันโดยไม่ต้องรอว่าเป็นหน้าที่ของใคร แต่เมื่อใจเราอยากทำ...ก็ขอให้ทำ...ทำด้วยความจริงใจและเจตนาที่ดีงามต่อการช่วยเหลือและปูพื้นฐานแห่งการเป็นผู้มีความต้านทานต่อสิ่งรอบด้านสำหรับเด็กและเยาวชน...ให้มีภูมิคุ้มกันที่เข้มแข็ง...เครื่องมือที่ดีที่สุดที่สามารถใช้การได้ทันที คือ ความรัก...ความเมตตา ที่เรามีต่อเด็กและเยาวชน...

การทำงานทุกวันนี้เหมือนทำงานแข่งกับเวลามาก...เวลาที่เคลื่อนตัวเข้ามาเรื่อยๆ...แล้วความเข้มแข็งที่เราพยายามอยากให้เกิดภูมิคุ้มกันที่เข้มแข็งในเด็กนั้นเกรงว่าจะออกฤทธิ์ช้า...หากเราหลายๆ...คนร่วมมือกันกะปุ๋มก็เชื่อแน่ว่าเด็กและเยาชนไทย...จะสามารถเผชิญต่อสิ่งต่างๆที่เปลี่ยนไปตามกระแสอย่างรวดเร็วได้

ขอบคุณคะ

กะปุ๋ม

ชอบชื่อและแนวคิดโครงการวัยรุ่นสดใสมากค่ะ เห็นด้วยกับที่กะปุ๋มวิเคราะห์ถึงปัจจัยต่างๆที่จะสร้างความยั่งยืนให้แก่โครงการหรือกิจกรรมว่าต้องเป็นทั้งที่มาจากตัวของเด็กแกนนำและครูพี่เลี้ยง  แม้จุดเริ่มต้นจะเป็นจุดเล็กๆและขยายออกไปอย่างช้าๆแต่ว่าด้วยความเข้าใจและมุ่งมั่นของน้องๆและคุณครู สิ่งเหล่านี้ก็ยังประโยชน์ต่อเด็กและชุมชนได้แน่นอน

oh!ลืมไปอีกนิดฝากส่งกำลังใจและความชื่นชมแด่น้องแกนนำและคุณครูพี่เลี้ยงทุกท่านด้วยค่ะ

ปล.ขอบคุณมากนะคะกะปุ๋มที่ส่งข่าวสารดีมาให้ได้รับรู้อย่างสม่ำเสมอ...อยากแจ้งให้ได้รู้ว่าพี่และแม่อยู่ที่นี่สบายดีค่ะ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง  และส่งความปรารถนาดีมายังครอบครัวของกะปุ๋มด้วยค่ะ

  • ขอบพระคุณทั้งสองท่านมาก ๆ เลยครับ ทั้งท่านกะปุ๋มและท่านคนไกล
  • เป็นคำตอบที่ทั้งครอบคลุมทั้งวิธีการปฏิบัติและเป้าหมายไปพร้อม ๆ กันมาก ๆ เลยครับสำหรับเรื่องของการยั่งยืน
  • ต้องยินดีกับทุก ๆ คนที่ร่วมอยู่ในโครงการทั้งโดยตรงและโดยอ้อมด้วยครับที่จะได้หยดน้ำหยดเล็ก ๆ นี้ไปหล่อเลี้ยงชะโลมใจได้ตลอดชีวิตอย่างยั่งยืนครับ
  • ขอให้พลังแห่งความยั่งยืนนี้จงสถิตกับทุก ๆ ท่านตลอดไป

พี่ขวัญคะ...

กะปุ๋มดีใจมากเลยที่สามารถตามรอยหาพี่ขวัญเจอจนได้ M2M ...เมื่อวานต้องขออภัยนะคะ...ที่ไม่ได้สนทนาพาที..เพราะติดประชุมด่วนคะ...และเมื่อคืนก็เกิดเหตุ...กว่าจะได้กลับมาถึงที่บ้านก็เกือบจะเที่ยงคืนอยู่แล้ว...

มาตามรอยหาพี่ขวัญได้เมื่อสักครู่นี่แหละ....ขอบคุณเช่นกันนะคะสำหรับการส่งข่าวที่บ้านให้ทราบ...สำหรับกะปุ๋มและทุกคนที่บ้านสบายดีคะ...ขอบคุณคะ...

...

และสหรับแรงใจทีม friend corner...ต้องยกความดีทุกอย่างให้แก่น้องๆ และครูหมีที่มีความมุ่งมั่นและเจตนาที่ดีงาม...สร้างสรรค์สิ่งดีดีแก่สังคมคะ

ขอบคุณคะ

กะปุ๋ม

อ.จอห์น...

ขอบคุณนะคะที่ช่วยมากระตุ้นคำถาม...ให้เราได้ช่วยกันวิพากษ์ต่อยอดความคิด...ดีมากเลยคะ..

...

แม้เป็นเพียงหยดหนึ่ง..แห่งสายน้ำนั้น.

ก็ย่อมนำความชุ่มฉ่ำมาสู่หัวใจ...เราได้...

*^__^*

กะปุ๋ม

อ่านมุมเพื่อนใจวัยรุ่นแล้วชอบมาก ได้ไอเดียดีๆ รพ.พุทธชินราช พิษณุโลกกำลังดำเนินการเช่นกัน ชื่นชมค่ะ ..กะปุ๋ม...

ป้าเนียรขา...

ทางพิษณุโลก... ได้ดำเนินการแล้ว...เป็นอย่างไรบ้านถอดบทเรียนเล่าสู่ทางยโสธรฟังบ้างนะคะ

ขอบพระคุณค่ะ

(^___^)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท