เลี้ยงโคกับเกษตรผสมผสาน
การเลี้ยงโคเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในอาชีพเป็นสิ่งจำเป็นเพราะในปัจจุบันการปลูกพืชอย่างเดียว หรือปลูกพืชเชิงเดี่ยวจะมีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะในเขตพื้นที่แห้งแล้ง การเลี้ยงโคอาจใช้เป็นอาหารหรือเพื่อขายเป็นรายได้นำมาใช้จ่ายในครอบครัวและเป็นทุนในการซื้อปัจจัยการผลิตอื่น ๆ เหมือนที่เขียนในบล็กไว้ว่า การเลี้ยงโคเป็นการออมทรัพย์ ลูกโคคือดอกเบี้ย และมูลโคคือเงินปันผล
ดังนั้นถ้าเกษตรกรรายย่อยทั่วไปต้องการพัฒนาอาชีพการเลี้ยงโคให้เป็นอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวอย่างยั่งยืนนั้น ไม่ควรที่จะเลี้ยงโค หรือปลูกพืชเพียงอย่างเดียว แต่ควรที่จะเป็นวิธีการเลี้ยงโค เลี้ยงสัตว์อิ่น เช่น สุกร เป็ด ไก่ ปลา และปลูกพืชหลายอย่างผสมผสานกัน ทั้งนี้เนื่องจากการเลี้ยงโค หรือสัตว์เลี้ยงอื่นและปลูกพืชผสมผสนากันนั้นเป็นการเพิ่มความมั่นคงในอาชีพและเพิ่มความหลากหลายของแหล่งอาหาร รวมทั้งเป็นการถ่ายโอนธาตุฮาหารและพลังงานระหว่างสัตว์กับพืชในรูปของปุ๋ยคอกและพืชอาหารสัตว์
คันนาใหญ่ของท่านอาจารย์แสวงที่ปลูกพืชผสมผสานในระยะเริ่มต้น
สำหรับเกษตรกรที่ทำนาทำไร่ตามปกติ อาหารโคจะได้มาจากซากพืชที่ผลิตได้ในแต่ละปี รวมทั้งซากพืชจากวัชพืช เศษใบไม้จากพืชไร่ พืชที่ถอนทิ้งจากการปลูกพืชที่หนาแน่นเกินไป หรือพืชจากที่ดินที่ปล่อยให้พืชเองตามธรรมชาติ เช่นบริเวณหัวไร่ปลายนา ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถนำมาเป็นอาหารโคได้ทั้งสิ้น เมื่อโคได้กินซากพืชเหล่านี้และถ่ายมูลออกมา ธาตุอาหารก็จะหมุนเวียนกลับมาเพื่อเป็นแร่ธาตุในดินให้กับพืชอีกครั้ง
นอกจากนี้อาหารโค อาจนำมาจากบริเวณพื้นที่ที่ไม่เหมาะกับการเพาะปลูกพืชหลัก เช่น พื้นที่มีหินมาก ขอบแปลง ขอบบ่อ บริเวณพื้นที่น้ำขังหรือดินรกร้างชั่วคราวเพราะยังไม่ถึงฤดูเพาะปลูกพืช เกษตรกรสามารถนำสัตว์ไปปล่อยให้แทะเล็มพืช หรือตัดหย้ามาให้โคกิน จะสังเกตเห็นบ่อย ๆ ที่มีเกษตกรบางรายไปตัดหญ้าและวัชพืชตามริมคูคลองริมถนน หย้าหรือวัชพืชเหล่านี้ ธรรมชาติลลทุนปลูกให้พืช ทำให้ประหยัดต้นทุนในการผลิตได้พอสมควร
ในส่วนของการเลี้ยงโคกับเกษตรผสมผสานนั้น ในพื้นที่หนึ่งแปลง อาจจัดสัดส่วนในการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ขุดบ่อเลี้ยงปลา ให้ทั้งสามส่วนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน เช่น
แปลงนาปลูกข้าว และพืชไร่ เช่นข้าวโพดหลังฤดูเก็บเกี่ยว โคได้อหารจากฟางข้าวและต้นข้าวโพด
ขอบบ่อ 3 ด้าน ปลูกพืชผักสวนครัวหมุนเวียนตามฤดูกาล เช่น ข่า ตะไคร้ ผักกาด หอม กระเทียม โหระพา กระเพรา กวางตุ้ง ผักบุ้ง ถั่วฝักยาว พริก มะเขือ มะละกอ กล้วย ฯลฯ โดยปลูกสลับกันไปให้เกื้อหนุนกันทั้งในเรื่องธาตุอาหาร การกำจัดแมลง และการบดบังแสง โคได้อหารจากเศษผักและวัชพืชในแปลงผัก
ขอบบ่อที่เหลืออีก 1 ด้าน สร้างคอกโคและสุกร เมื่อโค และสุกรถ่ายมูลออกมาก็กวาดลงบ่อให้เป็นอาหารปลาต่อไป รวมทั้งนำไปเป็นปุ๋ยให้กับพืชผักได้อีก
บริเวณริมรั้ว หรือแนวกั้นแปลงข้าว แปลงผัก ก็สร้างรั้วธรรมชาติด้วยการปลูกต้นกระถินให้ติดกันเป็นแนว ซึ่งใบกระถินสมารถนำมาเป็นผักจิ้มน้ำพริกและนำไปเลี้ยงโคได้ด้วย
บุรุษรูปงามกินถั่วสด ๆบนคันนาใหญ่
วิธีการดังกล่าวทำให้มีอาหารเลี้ยงคนและโคได้ตลอดทั้งปี สามารถลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัวได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
ถ้าทำอย่างนี้ตลอดทั้งปีคงมีอาหารทั้งคนและสัตว์โดยที่ไม่ขาดแคลนเลยนะค่ะ
จริงค่ะน้องไล การเลี้ยงโคกับเกษตรผสมผสานถ้าทำได้ตลอดปี รับรองไม่อดตาย สำคัญที่ต้องขยัน ทำจริงและอย่าท้อ เพราะอาจเกิดการผิดพลาดได้ในบางครั้ง แต่ให้นำมาเป็นบทเรียนและพัฒนาแก้ไขต่อไป
การที่ท่านเลี้ยงโคในระบบฟาร์มของท่านเสมือนว่าท่านมีโรงงานการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ที่มีคุณภาพ และต้นทุนต่ำด้วยครับ
พี่พงษ์ นายแบบในภาพนั้น คือ ท่าน ดร.แสวง รวยสูงเนินเจ้าของนาตัวจริงเสียงจริงที่ทำนาโดยไม่ไถ เลี้ยงปลาดุกด้วยทุเรียนหมอนทอง และแก้วมังกร และลูกศิษย์จากม.อุบล ที่แวะเวียนไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ถึงขอนแก่น ก็พี่พงษ์กับพี่หลงของเราไง