สถานณ์การที่น่าจับตาสำหรับสังคมไทยในตอนนี้ คือ การเมืองไทยที่ยังคงวุ่นวายอยู่ ทุกคนกำลังจับตาทิศทางของการเมืองไทย ว่าจะเป็นไปในทิศทางไหนกัน รัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาจะแก้ปัญหาใดเป็นปัญหาเร่งด่วน แต่สำหรับธุรกิจหนึ่งที่กำลังโดดเด่นท่ามกลางความสับสนทางการเมือง คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพราะในตอนนี้โดยภาพรวมแล้วเติบโตโดยเฉพาะอาคารชุด ต่างชาตินิยมเข้ามาลงทุนโดยถือหุ้นได้ไม่เกิน 49% อาคารสำนักงาน โรงแรมต่าง ๆ มีการก่อสร้างมากขึ้น เป็นผลสืบเนื่องรัฐสนับสนุนการท่องเที่ยว ส่วน ด้านการลงทุน การซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัย หรือ อาคารชุด มีการซื้อเพื่อขายหรือปล่อยเช่ากันมากขึ้นโดยเฉพาะในใจกลางเมือง อาจเพราะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นตลอดเวลา
อย่างไรก็ตามธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่เป็นรายได้หลักของประเทศ แต่จะเติบโตสวนทางกับสถานการณ์ไทยในปัจจุบัน สิ่งที่รัฐบาลควรให้ความสำคัญคื่อ การส่งออก เพราะการส่งออกเป็นรายได้หลักเข้าประเทศ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันประเทศไทยยังต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ ดังนั้นหน่ายงานที่รับผิดชอบโดยตรงน่าจะเป็นกรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะที่เป็นองค์กรหลักในการกำกับดูแล ส่งเสริม ปกป้อง และรักษาประโยชน์ทางการค้าระหว่างประเทศ
ด้านการลงทุนรัฐได้เตรียมแนวทางที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในระดับต้นของเอเชียภายใต้กรอบประเทศไทยได้รับผลประโยชน์สูงสุดอย่างแท้จริง และการลงทุนเป็นการลงทุนในระยะยาวพอที่จะทำให้ประเทศที่ถูกใช้เป็นฐานการผลิตจากนักการลงทุนต่างถิ่นได้ใช้ประโยชน์จากการศึกษาวิทยาการและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นสิ่งที่นักลงทุนต่างชาติ ปัจจุบันการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศจากต่างประเทศมีการแข่งขันกันรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมารัฐพยายามกระตุ้นด้านการลงทุนด้วยการให้สิทธิทางภาษี เช่นลดหย่อนอากรนำเข้า ภาษีเงินได้นิติบุคคล หากแต่ปัจจุบันกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้อากรขาเข้าเข้ามามีบทบาทน้อยลงสำหรับการลงทุนแบบ FDI แต่ภาษีมูลค่าเพิ่มกลับเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ปัจจุบันประเทศไทยมีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ที่ 30% ในขณะที่คู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนาม เมเลเซีย อยู่ที่ 28% สิงคโปร์ อยู่ที่ 20% และปัจจุบันมาเลเซีย ลดลงมาอยู่ที่ 26% ซึ่งเป็นผลกระทบสำหรับประเทศไทยแน่นอน แต่การที่ปรับโครงสร้างภาษีใหม่เพื่อดึงดูดการลงทุนเป็นสิ่งที่ต้องคิดให้รอบคอบ สำหรับการลงทุนของต่างประเทศแม้โครงสร้างภาษีจะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจลงทุนก็จริง แต่อย่าลืมว่าปัจจัยด้านสาธารณุปโภค และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ก็เป็นส่วนสำคัญ ดังนี้การที่ไทยมุ่งที่จะปรับโครงสร้างภาษีอย่้างเดียวอาจไม่เป็นผลก็ได้ และอาจมีผลกระทบต่อประชาชนคนไทยโดยตรงอีก ดังนั้นการปรับโครงสร้างภาษีต้องคำนึงถึงประชาชนในประเทศเป็นหลักสำคัญ
จากการปฏิรูปการปกครองที่จะส่งผลกระทบต่อนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งกระทรวงอุตสากรรมได้ประเมินสถานการณ์เบื้องต้น และเข้าใจกับนักลงทุนในต่างประเทศ หรือหอการค้าในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นหอการค้าญี่ปุ่น อิตาลี ฝรังเศส เยอรมนี พบว่ามีผลกระทบค่อนข้างน้อย เกิดภาวะชะงักงันในระยะสั้น ๆ แต่นักลงทุนบางกลุ่มไม่มันใจจึงชะลอการลงทุนไปบ้าง
1. การประเมินสถานการณ์อุตสาหกรรมเศรษฐกิจโดยรวม ทั้งในปีนี้และปีหน้า ต้นปีมีการขยายการลงทุน และการส่งออก ยอดขายนิคมอุตหาหกรรมเพิ่มขึ้น แนวโน้มเศรษฐกิจขยับไปในทิศทางที่ดี แต่เมื่อมีการปฏิวัติเกิดขึ้นคงต้องประเมินใหม่ตามนโยบายรัฐบาล
2. กรณีน้ำท่วม ภาคอุตสาหกรรม ที่ได้รับผลกระทบเสนอคปค. ให้แก้ไขช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตามผู้อำนายการเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กล่าวว่า ดัชนีการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไปได้ดียังคงเป็นบวกตลอดทั้งปี ดัชนีเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อน อัตราการเติบโตของอุตหากรรมยังเพิ่มขึ้นร้อยละ 4-5 ส่งออกอยู่ในอัตราที่ดี
ไม่มีความเห็น