“ชาวนาเรามักทำนา (ทำงาน) เป็นวงกลม “ ครูบาคำเดื่อง ท่านเคยพูดกับ เษตรกรที่มา
เรียนรู้ กับท่านหลายครั้ง
ขอขยายความครับ ก็หมายถึงชาวนาหรือเกษตรกร ส่วนมากมีวิถีการทำงานเป็นวงกลมเพราะในแต่ละปี มีขั้นตอนการทำอย่างไร ปีหลังมาก็กลับมาทำเช่นเดิมทุกประการ เช่น ทำนา เริ่มไถดะ ไถ
พรวน หว่านข้าว ใส่ปุ๋ย ฉีดยาฆ่าหญ้า เก็บเกี่ยว ปีหลังมาก็ วนอยู่เหมือนเดิม จน บรรพบุรุษ ล้มหายตายจากกัน
ไป หลายช่วงแล้ว การทำงานก็ยังเป็นวงกลมเหมือนเดิม
กิจกรรมอย่างอื่นก็เหมือนกัน ไม่ว่าปลูกพืช หรือเลี้ยงสัตว์ ควรจะเอาปัญหาหรือข้อติดขัด
จากการทำงาน ในปีที่ผ่านมา มาถกกัน ว่าจะแก้อย่างไร แม้ประเด็นง่ายๆ เช่น ชาวบ้านไม่อยากเดินไปนา เพราะ
มันร้อน จากแสงแดดมาก ร้อนมาไม่รู้กี่ปี ปัจจุบัน ก็ยังคง อนุรักษ์ความร้อนไว้เหมือนเดิม เมื่อมันไม่มีร่ม ก็
ปลูกต้นไม้ ข้างทางเดิน ไปนา ก็จะมีร่มเงาจากต้นไม้ ก็ไม่ต้องร้อน(ชั่วลูก ชั่วหลาน)
วิธีการดังกล่าวก็ เป็นวิธีการแก้ปํญหา โดยนำความรู้มาใส่ เรื่องอื่นๆ ก็เหมือนกัน
ขั้นตอนการปลูกข้าว เช่น ปลูกข้าวต้องใส่ปุ๋ยทุกปี และต้องเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก็หาชุดความรู้อะไรที่ ทำแล้วไม่
ต้องไส่ปุ๋ยบ่อย ไถเตรียมดินทุกปี เอ..จะเอาความรู้อะไรมาใส่จะ ไม่ต้องไถเลย หรือ ไถน้อย
ชนิดของพืชที่ปลูกก็เหมือนกัน ปลูกทุกปี และก็ ขาดทุนทุกปี แต่ก็ไม่ที่จะคิด แปลี่ยน
แปลงวิธีบ้าง จะได้มีการพัฒนา ตัวเอง และอาชีพที่ทำอยู่ จะได้ปรับเลื่อนตัวเองในทางสังคมบ้าง
สิ่งทีว่ามาทั้งหมด ก็คือการจัดการความรู้ที่มีอยู่ในตัวคน ในท้องถิ่น ไม่ใช่เพื่อใคร ก็เป็นการพัฒนาตัวเกษตรกรเอง ครับ
เหมือนกับการเลี้ยงโค ก็คงต้องเอาความรู้ไปใส่โค จัดการโคให้โคเติบโตได้ดี โดยที่คนเลี้ยงลงทุนและเหนื่อยน้อยลง