การจัดการความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงโคเพื่อมีชีวิตที่พอเพียง
การเลี้ยงโค เป็นอาชีพเสริมอย่างหนึ่งที่อยู่คู่กับวิถีของชุมชนมาช้านาน แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปปัจจัยทางธรรมชาติที่ส่งเสริมการเลี้ยงโคของชาวบ้านกลับลดน้อยลง ฟ้าฝนน้อยลง ป่าไม้ พืชพรรณและแหล่งอาหารของโคถูกรุกรานและทำลาย เพื่อสนองความต้องการของมนุษย์ ฟางข้าวที่ปล่อยทิ้งตามท้องนามีราคาค่างวด การที่จะตัดสินใจเลี้ยงโคจึงเป็นเรื่องที่ลำบาก ถ้าหากย้งไม่พร้อมด้วยประการทั้งปวง โดยเฉพาะเรื่องของการจัดการ การวางแผน ทั้งในเรื่องของต้นทุน พันธุ์โค อาหารโค การดูแลรักษา โดยเฉพาะเรื่องของอาหารนั้นมีความสำคัญในอันดับต้น ๆ เพราะถึงแม้มีโคพันธุ์ดีแต่ถ้ามีอาหารไม่เพียงพอ โคก็คงจะสมบูรณ์ไม่ได้
วิธีการหาอาหารมาเลี้ยงโคให้เพียงพอนั้น คนเลี้ยงโคต้องเปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำ วิธีเลี้ยงเสียใหม่ นั่นคือ
เลิกหวังพึ่งพาธรรมชาติ เน้นการพึ่งตนเอง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในขณะนี้คือ มีเกษตรหลาย ๆ รายที่เห็นว่าหญ้าตามธรรมชาติขาดแคลน ก็สร้างแปลงหญ้าขึ้นมาเอง ด้วยการเสียสละพื้นที่ที่เคยทำกิน ที่เคยทำสวน ทำนา มาทำเป็นแปลงหญ้า หรือหาพื้นที่อื่น ๆ ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาปลูกหญ้า เช่น ตามคันนา ขอบบ่อน้ำ คันคูขอบคลองส่งน้ำ โดยการเลือกพันธุ์หญ้าให้สอดคล้องกับลักษณะทางกายภาพของพื้นที่ว่าหญ้าชนิดใดทนแล้งไม่ทนแล้ง เกษตรกรบางรายมีพื้นที่จำกัด ก็สร้างแปลงหญ้าแบบประณีต นั่นคือ การปรับสภาพดินและให้น้ำ ให้ปุ๋ยอย่างเพียงพอกับการเจริญเติบโตในพื้นที่จำกัด อาจใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยด้วยการใช้สปริงเกอร์ให้น้ำเป็นเวลาและสม่ำเสมอ ซึ่งพบว่า แปลงหญ้าประณีตนั้น 1 ไร่ สามารถเลี้ยงโค ได้ 5 - 6 ต่อ ต่อปี
นอกจากการปลูกแปลงหญ้าแล้วเกษตรกรยังสามารถสร้างป่าเพื่อเป็นแหล่งอาหารให้กับโคได้อีก เพราะป่าตามธรรมชาตินั้นมีต้นไม้และใบไม้หลายชนิดที่สามารถนำมาเป็นอาหารโคได้ ถ้าเกษตรกรมีพื้นที่ว่างเปล่าก็สามารถปลูกป่าเพื่อเป็นแหล่งอาหารโคได้ โดยพยายามปลูกพืชและต้นไม้หลายชนิด ๆ ที่ให้ประโยชน์ทั้งกับคนและโค เช่น ตระกูลประดู่ มะค่า จามจุรี อีกทั้งในขณะที่ปลูกไม้ยืนต้นก็สามารถปลูกหญ้าผสมผสานกันไปด้วย
ส่วนเกษตรกรที่ทำการเกษตรแบบไร่นาสวนผสมที่ปลูกพืชหลากหลายชนิดนั้น ก็สามารถนำสิ่งที่เหลือจากผลผลิตมาเป็นอาหารโคได้ เช่น ฟางข้าว ใบกล้วย ใบกระถิน ใบแค ต้นข้าวโพด ต้นถั่ว กากถั่ว เศษผัก มันสำปะหลัง ฯลฯ แต่ผลผลิตเหล่านี้เกษตรกรจะต้องมีอย่างต่อเนื่อง
นั่นคือการที่เกษตรกรจะเลี้ยงโคควบคู่ไปการทำการเกษตรนั้นจะต้องปลูกทุกอย่างที่คนและโคกิน และให้โคกินทุกอย่างที่เราปลูก
ขอบคุณค่ะ
พันดา เลิศปัญญา
18 ก.ย. 49
ผมว่าคุณใช้คำสับสนมาก โดยเฉพาะคำว่า พึ่งหรือไม่พึ่งธรรมชาติ
ผมว่ายังไงเราก็หนีธรรมชาติไม่พ้น ทำไมเราไม่จัดการความรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติเล่าครับ มองเห็นทางหรือยัง เมื่อมองไม่เห็นทางจงเดินช้าๆ นี่เป็นกติกาสากลนะครับ