สรุปข่าวการเงิน


สรุปข่าวการเงิน
สัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวดี ๆ ของคนอยากมีบ้าน เมื่อกระทรวงการคลังขายฝัน ผลักดันให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ปล่อยกู้คนซื้อบ้าน โดยนายไชยยศ สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลจะดำเนินการให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ปล่อยกู้ซื้อบ้าน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5% เป็นเวลา 15 ปี ให้กับประชาชนที่มีรายได้ไม่เกิน 2 หมื่นบาทต่อเดือน และซื้อบ้านราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ให้เกิดขึ้นภายในปีนี้  ทั้งนี้ หากอัตราดอกเบี้ยในอนาคตเกินกว่าที่กำหนดไว้ รัฐบาลจะจ่ายชดเชยให้กับ ธอส. เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย พอรัฐบาลปล่อยข่าวนี้ออกมา ทำให้บรรดาธนาคารพาณิชย์ ต้องปรับกลยุทธ์ดอกเบี้ยกันยกใหญ่ โดยนายแบงก์หลายแห่งคาดว่า กลางปีหน้าดอกเบี้ยเงินกู้จะลดลงอีก 0.75% ซึ่งหากเป็นจริงจะทำให้ดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดีหรือเอ็มแอลอาร์ จะลดลงมาเหลือที่ประมาณ 7% จากปัจจุบันอยู่ที่ 7.75%   นอกจากนั้น ยังเชื่อว่าธนาคารพาณิชย์จะออกโปรโมชันดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านคงที่ 2-3 ปี กลับมาเสนอลูกค้าอีกครั้ง หลังจากปัจจุบันใช้ดอกเบี้ยลอยตัวหรือเสนอดอกเบี้ยคงที่สูงสุดแก่ลูกค้าไม่เกิน 1 ปี ส่วนศาลปกครองรับคำฟ้อง ปตท. ทำให้แผนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจจะต้องสะดุดไปได้ด้วย ซึ่งนายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ออกมายอมรับว่า การแปรรูปในปีนี้ ไม่สามารถทำได้ตามแผน ทำให้รัฐบาลขาดรายได้จากการแปรรูปไปจำนวนมาก ในส่วนของปีงบประมาณ 2550 การแปรรูปก็ยังไม่สามารถทำได้ กระทรวงการคลังจึงไม่ประมาณการรายได้ในส่วนนี้ไว้ในการเก็บรายได้ของรัฐบาล แต่กำหนดการส่งเงินกำไรและเงินปันผลเท่านั้นประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งในปี 2549 นั้น กำหนดว่าจะมีรายได้จากการแปรรูป กฟผ., บริษัท ทีโอที และบริษัท กสท โทรคมนาคม    รวม 1.5 หมื่นล้านบาท แต่ต้องพลาดเป้าทั้งหมด   แถมกระทรวงการคลังยังมีเรื่องหนักหัวต้องเร่งหาเงินงบประมาณให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อีกจำนวน 1.26 แสนล้านบาท ซึ่งนายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อกำหนดแนวทางการจัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ก็ออกมายอมรับว่า ขณะนี้รัฐบาลยังไม่สามารถจัดหางบประมาณให้แก่ อปท. อีก 1.26 แสนล้านบาท เพื่อให้ครบตาม พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ พ.ศ. 2542 ที่ให้รัฐบาลโอนรายได้ 35% ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในปี 2549   โดยรัฐบาลมีแผนจะโอนเงินในโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค 3 หมื่นล้านบาท และจะมีการโอนเงินโครงการเอสเอ็มแอลไปให้ 2 หมื่นล้านบาท และงบประมาณผู้ว่าซีอีโออีก 4 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือจะดึงงบประมาณโครงการด้านการศึกษา การสร้างถนนและพัฒนาระบบน้ำที่รัฐบาลยังไม่ถ่ายโอนภารกิจไปสู่ท้องถิ่นอีกข่าวที่สร้างความฮือฮาในสัปดาห์นี้ คือคดีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งกับคำสั่งศาลปกครองกลาง   ให้รับคำฟ้องที่นายนิพัทธ พุกกะณะสุต อดีตประธานกรรมการธนาคารออมสิน ยื่นฟ้องนายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปี 2540-2544 นายวีระชัย ตันติกุล,  นายเกริก วณิกกุล,  นางทมยันตี โปษยานนท์,  นายสุวัฒน์ ปิ่นนิกร  และนายสันติ อ่ำศรีเวียง  ซึ่งทั้งห้าเป็นคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ตามคำสั่งกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ นายนิพัทธ ขอให้ศาลปกครองเพิกถอนคำสั่งในสมัย ธารินทร์เป็นขุนคลังได้ตั้งกรรมการสอบวินัยคดีฐานนำเงินออมสินซื้อหุ้นบีบีซี จนเจ๊งกว่า 375 ล้านบาท และขอให้เพิกถอนมติและความเห็นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหาย โดยคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดตามคำสั่งกระทรวงการคลัง และคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง รวมทั้งให้ศาลปกครองสั่งให้กระทรวงการคลัง ดำเนินถอนฟ้องคดีแพ่ง หมายเลขดำที่ ธ.01663/2544 ที่เรียกค่าเสียหายกับผู้ฟ้อง ด้านตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นมากนัก โดยในรอบสัปดาห์ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่าสัปดาห์ที่ 686.03 จุด เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยปัจจัยหลักยังคงมาจากแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มพลังงานต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน และผลจากราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง และปัจจัยการเมืองภายในประเทศที่มีความชัดเจนมากขึ้น หลังจากที่สามารถสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดใหม่ได้เรียบร้อยแล้ว ได้เป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุน และท้ายสัปดาห์นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,187 ล้านบาท ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นปิดที่ 700.61 ลบ 1.36 จุด มูลค่าการซื้อขาย 16,205.80 ล้านบาท    ไม่บ่อยครั้งที่นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหารธนาคารกสิกรไทย จะออกมาวิพากษ์วิจารณ์การเมือง แต่หากออกมาพูดครั้งใดก็จะได้เห็นหมัดเด็ด ล่าสุดนายบัณฑูร ได้กล่าวในงานสัมมนา การบริหารจัดการธุรกิจในยุคทุนเทศทับทุนไทยจัดโดย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยออกมากระตุ้นเตือนประชาชนว่า ไม่ว่าผู้นำหน้าเหลี่ยมหรือหน้าหล่อคงไม่ใช่คณะผู้วิเศษจะมาปลุกให้คนจนลดลง แก้ปัญหาในพริบตา นายบัณฑูร กล่าวว่า ผู้วิเศษที่แท้จริง คือตัวเราทุกคน ที่ต้องมีความเพียร ความอดทน และไม่ทำเกินตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่คณะผู้วิเศษไม่สามารถนำมาใช้หาเสียงได้ ดังนั้นอย่าหวังให้ใครมาแก้ปัญหาให้ ไม่ว่าจะสัญญาอะไรก็ตาม เพราะเป็นครรลองของการเมือง

โพสต์ทูเดย์ 17 ก.ย. 49

คำสำคัญ (Tags): #การเงิน
หมายเลขบันทึก: 50665เขียนเมื่อ 18 กันยายน 2006 13:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:55 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท