ดุจดั่งถ้วยยูเรก้าเมื่อมีวัตถุเข้าไปแทนที่น้ำเท่าใด น้ำก็จะล้นออกมาจากถ้วยในปริมาณเท่านั้น
นักเรียนที่
โรงเรียนวัดบางแขม ส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่มีฐานะยากจน ผู้ปกครองต้องออกไปทำมาหากิน ไม่มีเวลาดูแลเอาใจใส่ลูกเท่าที่ควร เด็กจำนวนไม่น้อยมาจากครอบครัวที่แตกแยก ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา บางคนไม่ได้เห็นแม้แต่หน้าพ่อแม่ของตนเองด้วยซ้ำ นี่คือสภาพปกติของเด็กชนบทในปัจจุบัน(ในเมืองก็มีไม่น้อย) ที่มีผลกระทบต่อชีวิตจิตใจ และถูกสั่งสมมาตั้งแต่เกิด ซึ่งส่งผลให้โรงเรียนมีความยากลำบากในการดูแลนักเรียนตามมาด้วย
เด็กชายขนุน ชั้นอนุบาล 2 เป็นเด็กคนหนึ่งที่มาจากผลผลิตของครอบครัวที่แตกแยก พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เขาเกิดมา และทอดทิ้งเขาไป ปล่อยให้เขาอยู่ในความดูแลของลุงกับป้า ที่มีอาชีพรับจ้างต้องหาเช้ากินค่ำ เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานกลับมาก็จะมีอารมณ์หงุดหงิด มีเรื่องต้องทุบดี และอบรมเลี้ยงดูโดยใช้ความรุนแรงต่อขนุนเป็นประจำ แม้ส่วนลึกจะมีความรักความสมเพชต่อหลานในไส้ของตนเองก็ตาม
เด็กชายขนุนเติบโตขึ้นมาจากสภาพแวดล้อมเช่นนี้ มีแผลเป็นตามเนื้อตามตัวหลายแห่ง ฟันผุทั้งปาก เขาแกร่ง เขากร้าน เขากล้า ชาชินต่อสิ่งที่มากระทบต่อเขา ความรุนแรงที่เขาได้รับมา
ยาวนาน ยัง ฝังอยู่ในส่วนลึกของจิตใจขนุนตลอดมา เมื่อเขามีโอกาสที่จะระบายความรุนแรงกับคนอื่น หรือสิ่งของที่เขากระทำได้ เขาจะทำทันที โดยไม่เข้าใจว่าผิดหรือถูก ควรหรือไม่ควร ดุจดั่งถ้วยยูเรก้าเมื่อมีวัตถุเข้าไปแทนที่น้ำเท่าใด น้ำก็จะล้นออกมาจากถ้วยในปริมาณเท่านั้น
เด็กชายขนุนโชคดีที่ได้มีโอกาสเข้ามาเรียนในระบบมอนเตสเซอรี่ที่โรงเรียนวัดบางแขม แต่ก็เป็นความโชคร้ายของเพื่อนนักเรียนในห้องเช่นกัน ที่ต้องรองรับความรุนแรงที่เด็กชายขนุนระบายออกมากับเขาไม่เว้นแต่ละวัน เสียงร้องไห้ของนักเรียนหญิง เสียงทะเลาะกัน กระทบกระทั่งกันระหว่างนักเรียนชายกับขนุน แม้จะไม่รุนแรงหรือส่งเสียงดัง แต่จะมีให้เห็นเป็นประจำ
เมื่อมีใครทำอะไรที่ไหน เขาจะเข้าไปแทรก แสดงความเด่นของตนเองให้ปรากฎ บางครั้งเมื่อครูนิ่งเฉยไม่สนใจในพฤติกรรมของเขา ขนุนก็จะเรียกร้องความสนใจโดยแอบไปซ่อนในพุ่มไม้ ให้ครูตามหากันจ้าละหวั่น วีรกรรมของขนุนที่ครูเล่าให้ฟังยังมีอีกเยอะ
“แล้วระบบมอนเตสเซอรี่จะช่วยปรับพฤติกรรมขนุนได้อย่างไร?” เป็นคำถามที่ผมอยากรู้
ก็ได้รับคำตอบจาก
คุณครูอำพันว่า “ก็หนักใจกันทุกคน แต่ก็มีความเชื่อว่า ทุกปัญหาย่อมมีสาเหตุ เราต่างรู้สาเหตุกันดีแล้วว่า ชีวิตเด็กที่ขาดความอบอุ่นจากพ่อแม่ และต้องรองรับความรุนแรงมายาวนาน เขาย่อมโหยหาความรักความอบอุ่น และเรียกร้องความสนใจเมื่อมีโอกาส ที่จริงเด็กทุกคนบริสุทธิ์ทั้งนั้น แต่ที่เขาเป็นเช่นนี้เพราะสิ่งแวดล้อมกระทำต่อเขาต่างหาก วิธีแก้ไขก็คือต้องพยายามให้ความรักความอบอุ่นแก่เขาให้มากที่สุด และพยายามปรับพฤติกรรมของเขาให้พึงประสงค์ไปพร้อมกัน เพื่อกล่อมเกลาให้เขาเป็นคนดีให้ได้ แต่ก็คงจะทำได้ไม่มากนักในช่วงเวลาอันสั้น เพราะจิตใจที่แตกร้าวของขนุนนับเนื่องมา 5-6 ปีแล้ว”
ครูอำพันเล่าต่อว่า “ก็ใช้ระบบมอนเตสเซอรี่เหมือนกับคนอื่น แต่ต้องคอยสังเกตเขาทุกฝีก้าว และใช้การปรามกันมากหน่อย แค่สบตาอย่างเดียวคงไม่ได้ผล จะพยายามทำให้เขานิ่ง และปฎิบัติกิจกรรมตามอุปกรณ์มอนเตสเซอรี่ พยายามให้เขาประสบผลสำเร็จ และเกิดแรงจูงใจที่อยากจะทำกิจกรรมต่อๆไป แต่ต้องคอยสอนเรื่องมารยาท การไม่ก้าวล่วงในสิทธิเสรีภาพของคนอื่น เขาก็ทำได้ รู้จักแบ่งอาหาร แบ่งของให้เพื่อนให้ครู และดีขึ้นโดยลำดับ แต่ก็ยังไม่คงทน ต้องพยายามต่อไปอีก”
บทเรียนที่ผมได้รับจากการไปศึกษาดูงานระบบมอนเตสเซอรี่ที่โรงเรียนวัดบางแขมครั้งนี้ ทำให้เห็นอุบายอย่างหนึ่งในการจัดการเรียนรู้ที่
บูรณาการทั้งเรื่องคุณธรรมจริยธรรม การคิดวิเคราะห์ และการฝึกสมาธิแทรกลงไปในบทเรียนอย่างแยบยลและไม่แยกส่วน...