อยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าเมืองไทย


จะเห็นได้ชัดเจนว่า ที่เมืองไทยบ้านเรานั้น เงิน 80 บาทนั้นกินก๋วยเตี๋ยวอย่างอร่อยได้ตั้ง 2 ชาม และดื่มน้ำได้หลายขวด

ชื่อบันทึกวันนี้อ่านแล้วมีใจความว่า  เหมือนกับผู้เขียนไม่ได้อยู่ประเทศไทยแล้วพลัดหลงไปอยู่ที่ประเทศอื่นแล้วไม่สบาย  จึงได้รำพึงว่า  เมืองไทยมีความสุขที่สุดอย่างนั้นล่ะ

คำตอบคือ  ใช่เลยค่ะ

เมื่อคราวที่ไปอบรมศึกษาดูงานที่ ศูนย์ SEMEO RELC ประเทศเพื่อนบ้านเรา   มีความยากลำบากในการรับประทานอาหารมากเนื่องจากอาหารตามร้านอาหารนั้นมีราคาสูงมาก  เมื่อเปรียบเทียบกับอาหารขนิดเดียวกันแล้ว  ราคาสูงกว่าถึง 3 เท่า

เช่นก๋วยเตี๋ยวในภาพที่เห็นนี้  เป็นก๋วยเตี๋ยวที่ประเทศเพื่อนบ้านเรานั่นเอง

ที่บ้านเราคงราคา 20 -25 บาท  แต่ที่นั่น ราคา 2.5 เหรียญ คือ 62 บาท

และยังมีอาหารที่ร้านอื่น  ประเภทข้าวแกงก็ราคาประมาณนี้  ซึ่งผู้เขียนมิได้ซื้อกินบ่อยนัก  นอกจากมีความจำเป็น  ไม่ได้กลับที่พักในตอนเย็น  จึงต้องซื้อหาในระหว่างทาง  หากดื่มน้ำอีก 1 ขวด  ก็ต้องอีก 1 เหรียญ  ประมาณ 25 บาท  ถ้าออกจากที่พัก ต้องเตรียมเงินไปไม่ต่ำกว่า 10 เหรียญ

จะเห็นได้ชัดเจนว่า  ที่เมืองไทยบ้านเรานั้น  เงิน 80 บาทนั้นกินก๋วยเตี๋ยวอย่างอร่อยได้ตั้ง 2 ชาม  และดื่มน้ำได้หลายขวด

อยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าบ้านเรา  ท่านเห็นด้วยกับผู้เขียนหรือเปล่าคะ  ความคิดที่จะเขียนเรื่องนี้  เพราะวันนี้ผู้เขียนได้ไปกินอาหารกลางวันที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัย  ที่ใหญ่โต  และไม่ได้มากินอาหารที่นี่ประมาณ 7ปี  แล้ว  เรียนจบจากที่นี่เมื่อปี 2543  นักศึกษาก็มาก  อาหารที่มีให้เลือกก็มาก  หลากหลายภาค  เลือกกินได้ตามใจชอบ  จึงได้สรุปว่า  อยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าเมืองไทย  (เรื่องการกิน)

 

คำสำคัญ (Tags): #research#diary#dearenglishteacher
หมายเลขบันทึก: 50559เขียนเมื่อ 17 กันยายน 2006 19:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 พฤษภาคม 2012 16:06 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)
ผมว่าเป็นสุข ทั้งกายและใจเลยครับ

ขอบคุณค่ะ  ตาหยู  คอยอ่านเรื่อง  อยู่ที่อื่นก็ไม่สุขกายสุขใจเท่าอยู่เมืองไทยนะคะ

โชคดี  สวัสดีค่ะ

Nice to read your story here krab.

Certainly agreed with you....Enjoying meals out in Thailand is the best for Thai people krab.

Many thanks for visiting my blog...

Have a nice day krab.  

 

 

ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ไม่มีที่ไหนจะสุขใจเท่าเมืองไทยอีกแล้ว (ถ้า... อยู่อย่างพอเพียง)

เจ้าก๋วยเตี๋ยวที่ครูอ้อยบอก ผมเจอละ ชามละ เจ็ดดอลล์ ก็ประมาณ สองร้อยบาท หรือข้าวผัด ก็ราคาจานละ เจ็ดดอลล์ เรืองรสชาดเหรอ เหอๆๆๆๆ

ผมเลยต้องดัดแปลงอาหารที่มีอยู่ให้เป็นรสชาดไทยๆ อย่าง สปาเกตตี้ ผมก็ดัดแปลงเป็นสปาเกตตี้รสแซ่บ โดยทำแบบน้ำยำทะเล แล้วราด อร่อยที่สุดในความรู้สึกของผม ฮ่า

อยู่ที่ไหน ไม่สุขใจเท่าอยู่เมืองไทยแน่นอนครับ

ตอนที่ครูอ้อยไปอยู่ต่างบ้านต่างเมือง  ครูอ้อยมองเห็นส้มตำสีซีดๆ  อยากกินมากๆๆๆๆ  แต่ก็ต้องอดใจเพราะ  1.  คงไม่อร่อย(ไม่แซบ)  2.  คงจะแพงจนหูฉี่

และก็เห็น  ทุเรียนที่แพ็คไว้  สีเขียวๆแบบที่บ้านเราเรียกว่า  ปลาร้า  นั่นล่ะค่ะ  พลิกดูราคา ก็สะดุ้งเลยค่ะ

อยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าบ้านเรา

พอครูอ้อยกลับมาบ้านเรา  ครูอ้อยซื้อกล้วยหอมหวีใหญ่  2 หวีเลย  โดยไม่ต่อรองราคาสักคำค่ะ

อิอิ  ขอบคุณค่ะ

ถูกใจใช่เลยค่ะ ที่ไหนๆ ก็ไม่สุขใจเท่าบ้านเรา

แต่ก็ต้องปรับตัวค่ะ ถึงแม้มันจะแพง (ถ้าซื้อที่เค้าปรุง) เราก็อาศัยมั่วๆ ทำเอง ปรุงเอง กินเอง ราคาพอสูสีข้าวแกงบ้านเราค่ะ จากที่ที่นี่ขายจานละ $8.5 ก็เหลือแค่ $1.5 พอได้ๆ (เท่าข้าวแกงในห้าง ตรงแถวๆ Food center)

กลัวอย่างเดียวค่ะ กลัวตอนกลับบ้านไปแล้วเจอของกินถูกๆ (ที่แต่ก่อนว่าแพง) แล้วกินไม่ยั้งเงินในกระเป๋าค่ะ เพราะมันอาจจะเป็นไปได้ว่า OMG ร้านอาหารสุดหรู อาหารทะเลสดๆ อร่อยๆ ทานแล้วไม่เกิน $10 เอง (ประมาณ 30 บาทไทย)เลยทานใหญ่เลย จะกลายเป็นใช้เงินประหยัดที่เมืองนอก แล้วกลับไปใช้เงินฟุ่มเฟือยที่เมืองไทยมั้ยน้า คงไม่หรอกนะ ฮิฮิ ^___^

  • ใช่เลย  ถูกเลย อยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าบ้านเรา
  • วันนี้บ่ายคล้อยเย็น...ก้จะไปเที่ยวเมืองไทยค่ะ

จะนำเรื่องความสุขมาฝากค่ะ

พูดอีกก็ถูกอีกค่ะ....อยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าเมืองไทยบ้านเราค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท