จริงๆแล้วเคยเข้ารับการอบรมการเขียนรายงานการวิจัยมาบ้างแล้ว ประมาณ 3 ครั้ง แบบเร่งด่วน หมายถึงอบรมครั้งละ 2 วัน หรือวันครึ่ง จึงไม่ค่อยเข้าใจ ประกอบกับกลับมาโรงเรียนก็มีงานอื่นมาก จนลืมไปหมดแล้ว ครั้นหวนจะทำอีก ก็ลืม หรือทำไม่ถูกต้องแล้วล่ะค่ะ
โชคดีที่ได้มีโอกาสมาเรียนเพื่อเติมเต็ม หรือเพื่อมีประสบการณ์ใหม่ในการเรียนการเขียนรายงานการวิจัย ก็ เหมือนกันล่ะค่ะที่ต้องรู้จักวิธีการให้ดีเสียก่อนที่จะลงมือทำ
การเขียนรายงานการวิจัยเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ซึ่งมีเนื้อหา หลักเกณฑ์ ระบบ และระเบียบวิธี ที่แน่นอน มีเหตุ มีผล
การเขียนต้องอาศัยความรู้หลายสาขา และต้องมีความรอบรู้ มีประสบการณ์ และมีทักษะ รวมทั้งต้องหมั่นฝึกฝนการเขียนอยู่เป็นประจำ จึงจะเขียนได้ดีมีคุณภาพ
ครูอ้อย จะแนะนำ อาจจะยังไม่ถูกต้อง เพราะการเขียนบันทึกนี้ เขียนจากความเข้าใจของครูอ้อย หากแต่มีข้อบกพร่องใดๆ ขอได้บอกและขออภัยในที่นี้ด้วยค่ะ
ส่วนการทำวิจัย ครูอ้อยขอแนะนำ และเรียนเชิญอ่าน ที่นี่ ก่อน
ขออนุญาตอธิบายถึงประเภทของการเขียนรายงาน มี 2 ประเภทใหญ่ๆคือ รายงานทั่วไป และรายงานเชิงวิชาการหรือรายงานทางการวิจัย ซึ่งจะกล่าวแต่เฉพาะรายการหลังนะคะ
ส่วนขั้นตอนการเขียนรายงานการวิจัย เพื่อสะดวกในการเขียน ดังนี้
1. กำหนดหัวข้อรื่อง ให้มีความสอดคล้องกับเนื้อหาที่จะเสนอเฉพาะในตอนนั้นๆ การทำวิจัย 1 เรื่อง อาจเขียนรายงานได้หลายเรื่องก็ได้
2. กำหนดขอบเขตและทำความเข้าใจหัวเรื่อง มีความต้องการให้ขอบเขตกว้างมากแค่ไหน จะเสนออะไร อะไรบ้างไม่เสนอ ต่อไปควรทำความเข้าใจด้วยการตีความหมาย วิเคราะห์คำ ข้อความและแนวความคิด รวมทั้งทฤษฎีที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนที่สุดค่ะ
3. วางโครงเรื่อง จะทำเป็นบทหรือไม่ จะมีกี่บทถ้าอยากจะทำ แบ่งเป็นหัวข้อย่อยอะไรบ้าง เรียงหัวข้อตามลำดับ ทำสารบัญเนื้อหา ควรทำไว้อย่างละเอียดตามข้อมูลที่ได้ก็จะรัดกุมดี
4. รวบรวมข้อมูลจากเอกสาร ทบทวน สำรวจเนื้อหาจากเอกสารต่างๆ ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ควรเก็บรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เก็บจากหลายแห่ง หนังสือหลายเล่ม เพื่อจะได้ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและเนื้อหาไปในตัว
5. รวบรวมข้อมูลสนาม เป็นข้อมูลทีเก็บรวบรวมมาโดยตรง ตรวจสอบและวิเคราะห์ผล จัดเตรียมเป็นตารางไว้ให้เรียบร้อยก่อนเขียนรายงาน มองดูภาพรวมได้ชัดเจนครบถ้วน
6. เขียนฉบับร่าง เริ่มเขียนฉบับร่างตามโครงเรื่อง เรียงลำดับของหัวข้อ ควรทำความเข้าใจข้อมูล เนื้อหา สาระของบท ตอน หรือหัวข้อนั้นๆ อย่างละเอียดและครบถ้วน จากนั้นจึงเรียบเรียงเขียนได้เลย
7. แก้ไขและขัดเกลา เมื่อเขียนฉบับร่างแล้ว ควรทิ้งไว้ 1 สัปดาห์ จึงนำมาอ่านใหม่ ทำความเข้าใจตลอดเรื่อง เพื่อตรวจสอบสำนวน ภาษา ข้อมูล ความถูกต้องของเนื้อหา แก้ไขขัดเกลาให้เรียบร้อย
8. ส่งให้เพื่อนและผู้รู้อ่านและวิจารณ์ จัดพิมพ์เป็นฉบับร่าง ส่งให้เพื่อนๆอ่านและวิจารณืเสียก่อน จึงส่งให้ผู้เชี่ยวชาญเนื้อหาและการวิจัยที่เกี่ยวข้อง รวบรวมข้อวิจารณาและข้อเสนอแนะมาพิจารณาวิเคราะห์ เพื่อใช้เป็นแนวทางการแก้ไขให้สมบูรณ์อีกครัง
9. เขียนฉบับสมบูรณ์ นำฉบับร่างมาอ่านตลอดทั้งเล่มนะคะ พร้อมเสนอข้อวิจารณ์ ข้อเสนอแนะจากเพื่อนๆและผู้เชี่ยวชาญมาใช้ประกอบการแก้ไข ปรับปรุง จัดทำเป็นฉบับสมบูรณ์ต่อไปค่ะ
ครูอ้อยมีวิจัยในชั้นเรียนที่ทำเสร็จแล้ว หลายเรื่อง เอาล่ะครานี้ จะเขียนรายงานการวิจัย อดใจรอนะคะ และเรียนเชิญเข้ามาอ่านบันทึกนี้อีกครั้งค่ะ
คุณรัตติยาคะ ครูอ้อยก็กำลังเรียนอยู่ค่ะ แล้วเรามาแลกเปลี่ยนกันนะคะ มีเพื่อนเรียนกันไป ไม่เหงาดีค่ะ
ขอบคุณค่ะ ชมรูปครูอ้อยก่อนจากค่ะ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีคะ...ครูอ้อย..
กะปุ๋มแวะมาทักทายคะ...เมื่อคืนนอนกี่ทุ่มคะ...
หวังว่าวันนี้คงไม่เหนื่อยเกินไปนะคะ...
เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ
*^__^*
กะปุ๋ม
ขอบคุณค่ะ Dr.Ka-Poom วันนี้เหนื่อยใจกับเรื่องอื่นๆเสียมากกว่าค่ะ
คนเรานี่มีปัญหามากน้อยลดหลั่นกันไป
ครูอ้อยชนมันทุกเรื่องค่ะ
ขอบคุณมากที่เป็นกำลังใจ สวัสดีค่ะ
อ้อ รูปสวยดีนะคะ ถ่ายที่ไหนอะ
เป็นรูปภาพที่ถ่ายที่สถาบันพัฒนาบุคลากรครู วัดไร่ขิง สามพราน นครปฐมค่ะ เป็นอย่างไรบ้างคะ รูปสวยใช่ไหมคะ แล้วคนล่ะคะไม่ได้กล่าวถึง อิอิ
โถ!คุณรัตติยาคะ ครูอ้อยเพิ่งจะเริ่มเรียนตอนหน้าแก่ล่ะค่ะ คงจะเป็นที่ปรึกษาที่ดีและที่สดไม่ได้หรอกค่ะ
มาดูภาพเพื่อนๆที่เรียนด้วยกันดีกว่าค่ะ ที่นี่ค่ะ
ขอบคุณค่ะ สวัสดีค่ะ