เก็บเล็กผสมน้อยกับนานาสาระ บทที่ ๒ วิชาขั้นสุดยอด


เป็นนิทานที่ผมได้ฟังมานานเลยนำมาเล่าใหม่ในแบบฉบับของผมนะครับ ไม่สามารถตอบที่มาได้ครับ

ณ ดินแดนอันไกล.......... ได้มีครอบครัวอยุ่ครอบครัวหนึ่ง ซึ่งได้อาศัยอยู่ในหุบเขาและเลี้ยงชีพด้วยความมุมานะ จนสามารถส่งลูกชายไปเรียนในเมืองตักกะศิลาได้จนสำเร็จ

แต่ทว่าเมื่อลูกชายได้ศึกษาสำเร็จกลับมาที่บ้านของตนแล้ว ผู้เป็นมารดา ก็กล่าวบอกลูกชายว่า

มารดา...ลูกเอ๋ย เจ้าก็อายุอย่างเข้า ๒๐ ปี บริบรูณ์แล้ว ต่อไปเจ้าก็ต้องหาคู่ครอง เพื่อสืบสกุลและทรัพย์สมบัติที่พ่อและแม่หาไว้ให้เจ้า

ลูก...ครับแม่

มารดา....แม่อยากที่จะให้เจ้าได้ไปศึกษาวิชาอีกวิชาหนึ่ง ที่อยู่เมืองถัดไป เมื่อเจ้าได้ศึกษาจนสำเร็จแล้วแม่ก็จะให้เจ้าเลือกคู่ครองของเจ้าต่อไป

อาจารย์ผู้สอนวิชานี้ ท่านได้อาศัยอยู่บนยอดเขาเมืองข้าง ๆ ซึ่งจะต้องเดินเข้าไป โดยใช้เวลา ๑ เดือนเต็ม เมื่อเด็กหนุ่มได้รับปากกับมารดาของตนเสร็จแล้ว ก็ได้เดินทางไปศึกษาวิชาที่มารดาของตนได้แนะนำมา

เมื่อเด็กหนุ่มได้เดินทางครบ ๑ เดือนพอดี เด็กหนุ่มก็ได้พบกับหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งอยู่บนยอดเขาพอดี ก็ได้เข้าไปถามถึงอาจารย์ที่มารดาของตนได้แนะนำให้มาศึกษา ชาวบ้านก็ชี้และบอกทางให้หนุ่มน้อย ผู้มีความต้องการจะศึกษาวิชาขั้นสุดยอดนี้

หนุ่มน้อยได้เดินทางมาถึงบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งได้เข้าไปสอบถาม ก็พบว่าใช่บ้านที่ตนหาอยู่ และก็ได้บอกเรื่องราวที่มารดาของตนบอกว่าให้มาศึกษาวิชากับอาจารย์

ท่านอาจารย์ก็บอกว่า ๒ ถึง ๓ วันนี้ เราจะให้ไปเก็บกวาดและถูกบ้านก็พอ และหลังจากนั้น เราจึจะสอนวิชาให้ เด็กหนุ่มก็ทำตามจนครบกำหนด

ท่านอาจารย์ก็บอกอีกว่า วันนี้จะเริ่มแบบทดสอบของวิชา คือให้เจ้าไปดูแลมารดาของเรา ท่านอายุ ๙๘ ปี เป็นระยะเวลา ๒ เดือน เมื่อครบกำหนดแล้ว เราก็จะสอนวิชาสุดยอดนี้จริง ๆ แก่เจ้า

และการดูแลมารดาของเรานั้น ไม่เหมือนที่อื่น เวลาเช้า เจ้าจะต้องตักน้ำไปให้ผู้เป็นมาของเราทุกเช้า และเจ้าต้องกล่าวบอกมารดาของว่า ท่านหญิงท่านช่างดูงดงามกว่าสาวรุ่น ๆ ที่กระผมเคยพบเจอมานะขอรับ โดยให้กล่าวแบบนี้ทุกวัน ถ้าวันไหนมารดาของเรามีเรื่องหรือ กล่าวอะไรกับเจ้า เจ้าต้อมาบอกเราทุกครั้ง ทุกวัน

เมื่อเด็กหนุ่มได้รับหน้าที่เรียบร้อยแล้วก็ดำเนินตามที่ท่านอาจารย์ได้บอกกล่าวไว้ทุกประการ

จนเวลาล่วงเลยไปเดือนครึ่ง ผู้เป็นมารดาของอาจารย์ก็กล่าวกับหนุ่มน้อยว่า หนุ่มน้อยเอ๋ย เราถามเจ้าหน่อยนะว่า เราดูงดงามกว่าสาวรุ่น ๆ ที่เจ้าเคยพบเจอมาจริงหรือ?

หนุ่มน้อย..จริงขอรับ ท่านดูงดงามมากกว่าสาวรุ่นเสียอีกครับ

มารดาอาจารย์..อืมมมมม

ตอนเย็นวันนั้น เจ้าหนุ่มก็ได้ บอกกับผู้เป็นอาจารย์ว่า วันนี้ มารดา ได้กล่าวอะไรกับตนบ้าง

อาจารย์...ก็ดีแล้ว ถ้ามีอะไรอีก เจ้าอย่าลืมมาบอกให้เราทราบนะ

ลูกศิษย์...ครับอาจารย์

พอวันรุ่งขึ้น เจ้าหนุ่มน้อยก็ตักน้ำและนำเข้าไปให้มารดาของผู้เป็นอาจารย์ตามปรกติ มารดาผู้เป็นอาจารย์เลยกล่าวกับหนุ่มน้อยว่า

มารดาอาจารย์.....หนุ่มน้อย ฉันดูงดงามจริงหรือ?

หนุ่มน้อย....จริงขอรับ

มารดาอาจารย์......ฉันคิดดูทั้งคืนแล้วนะ สิ่งเดียวที่จะทำให้เรานั้นได้อยู่ด้วยกันได้ เจ้าจะต้องฆ่าลูกชายของเราเสีย แล้วเราก็จะหนีไปอยู่ด้วยกันนะ ดีไหม

หนุ่มน้อย....ดีขอรับ

มารดาอาจารย์....ถ้าอย่างเย็น เจ้าจงนำย่าพิษนี้ ไปใส่ในอาหารให้ลูกชายของฉัน

หนุ่มน้อย...ผมไม่กล้าขอรับ

มารดาอาจารย์...งั้นไม่เป็นไร เดียวตอนเย็น ๆ ฉันจะจัดการเอง

เมื่อมารดาอาจารย์กล่าวเสร็จ เด็กหนุ่มน้อยก็ออกไป โดยรับปากวาจะไปบอกอะไรให้อาจารย์ทราบ

แต่ว่าเด็กหนุ่มน้อยได้รับปากกับอาจารย์เสียแต่ตอนแรกแล้ว จึงไม่ถือสัญญาที่ให้ไว้กับมารดาอาจารย์

ลูกศิษย์....อาจารย์ขอรับ มารดาของท่านวันนี้ได้กล่าวว่า.....

อาจารย์....ดีแล้ว เดียวเราจัดการเอง

พอถึงเวลาเย็น มารดาของผู้เป็นอาจารย์ก็เข้าไปในห้องครัวเพื่อเตรียมอาหาร โดยบอกลูกชายว่า วันนี้แม่จะทำอาหารที่แสนอร่อยให้ลูกทานเองนะ มารดาของผู้เป็นอาจารย์ก็เข้าไปทำอาหาร

แต่ไม่ได้สังเกตเลยว่า อาจารย์ หรือ ผู้เป็นบุตร นั้น ได้ยืนดูอยู่ตลอดเวลากับลูกศิษย์ของเขา

พอผู้เป็นมารดาได้ใส่ยาพิษลงไปในอาหารเรียบร้อยแล้ว ก็หันหลังกับมา พร้อมกับตกใจอย่างมาก เมื่อพบว่า ลูกชายและศิษย์ของเขานั้นได้ยืนดูอยู่ตลอดเวลา

มารดาของผู้เป็นอาจารย์ก็ตกใจ จนหัวใจวาย และตายจากไป

ผู้เป็นอาจารย์เลยกล่าวกับลูกศิษย์ว่า....วิชาที่มารดาของเจ้าให้มาเรียนนั้นก็คือวิชานี้แหละ อันเป็นวิชาที่ว่าด้วยกิเลสของคนเรา เเม้อายุจะมากเท่าไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นนักบวช ผู้สูงอายุขนาดนั้นก็ตาม หรือ แม้แต่เด็ก ก็มีกิเลสทั้งนั้น

โบราณกล่าวไว้ว่า กิเลสของคนเราจะสิ้นกับคนเราก็ต่อเมื่อเวลาใกล้ตายมาถึงเพียง ๕ วินาทีเท่านั้นละ

เมื่อเจ้าได้เรียนวิชาสุดยอดนี้กับเราเสร็จ เราก็เดินทางกลับบ้านของเจ้าได้แล้ว

เมื่อเด็กหนุ่มลาอาจารย์และเดินทางกลับ ไปหาผู้เป็นมารดาของตน เมื่อมาถึงบุตรก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้มารดาของตนฟัง

มารดาก็กล่าวว่า นี้ละคือสิ่งที่แม่อยากให้เจ้าได้รับรู้ไว้ และเจ้าจะได้พิจารณาและใช้ทรัพย์ของเราอย่างมีค่า

ขอบคุณที่สละเวลาอ่านนะครับ

คำสำคัญ (Tags): #วิชาขั้นสุดยอด
หมายเลขบันทึก: 504751เขียนเมื่อ 6 ตุลาคม 2012 23:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2016 14:14 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

 

อันเป็น.....วิชาที่ว่า....ด้วยกิเลส.....ของคนเรา   เเม้  อายุ  จะมากเท่าไรก็ตาม  ไม่ว่าจะเป็น นักบวช  .... ผู้สูงอายุ ... ขนาดนั้นก็ตาม หรือ แม้แต่ ...เด็ก ..... ก็มีกิเลสทั้งนั้น  

  โบราณกล่าวไว้ว่า ....กิเลสของคน...... เราจะสิ้นกับคนเราก็ต่อเมื่อ....เวลาใกล้ตายมาถึงเพียง ๕ วินาที เท่านั้นละ ......... "ต้องทำ กิเลส Management .....แล้วหละค่ะ"

 

ขอบคุณทุกท่านกับดอกไม้นะครับ

และพี่เปิ้ลกับ Comment นะครับ

เรื่องนี้เป็นการบอกบางสิ่งกับมนุษย์นะครับว่าแท้ที่จริงแล้ว

คนที่บอกว่ามีศีล อาจไม่มีศีลก็ได้

คนที่ว่าดี อาจไม่ดีอย่างที่เห็นหรือคิดก็ได้ครับ

แต่อยู่ที่ว่า คนนั้นจะมีวิธีจัดการกับกิเลสได้อย่างไรมากกว่านะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท