ทุกวันเสาร์ ต้องไปสอนหนังสือ ในมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง เป็นเวลาหลายปีพอควร แต่เมื่อปีที่แล้ว ม.เอกชนที่ว่า กำหนดให้ทุกวันเสาร์เป็นที่สามารถแต่งชุดนศ.หรือชุดสุภาพอื่นได้
ซึ่งในช่วงแรก ชุดสุภาพเป็นชุดที่บอกไม่ถูกว่าสุภาพเวลาอะไรและสุภาพสถานที่ไหน
..บางคนเป็นชุดอยู่บ้าน
..บางคนเป็นชุดกีฬา
..บางคนเป็นชุดท่องราตรี
..บางคนแทบจะเกาะอก(ไม่อยู่)
..บางคนเป็นชุดแบบ เปิดมาก ปิดน้อย(ปิดในส่วนที่ไม่รู้จะปิดหรือจะเปิด)
..นศ.หลายคนแต่งหน้าทาปากกันเต็มที่
ก็ทำให้บรรยากาศใน ม. คึกคักมาก พร้อมกับอาการกะอักกระอ่วนของอาจารย์ ที่อยากให้ นศ.แต่งชุดสุภาพที่สังคมมองดูแล้วดี
หลายสัปดาห์ผ่านไป นศ.ที่แต่งชุดที่ว่าดูแล้วไม่เหมาะสม ก็ใส่ที่ชุดที่ดูเหมาะสมกว่า บางคนก็กลับมาใส่ชุด นศ.เหมือนเดิม
ก็เลยสอบถามเหตุผล ได้พบว่า
.ที่ไม่ใส่แบบเปิดมาก เพราะมีคนมองเหมือนเป็นตัวประหลาดเลยแต่งปกติดีกว่า
.ใส่ชุดธรรมดา เพราะประหยัดกว่า ซักง่าย
.ใส่ชุด นศ. เพราะพ่อแม่ คิดว่าไม่มาเรียน เลยไม่ให้เงิน เป็นต้น
ทำให้ได้แง่คิดที่ว่า
"เราสร้างกรอบให้ นศ. นศ.เค้าก็อยากออกนอกกรอบ แต่พอเราให้เค้าออกนอกกรอบได้บ้าง เค้าก็จะออก แต่เค้าก็สร้างกรอบของเค้าเอง"
สังคมเราสร้างเงื่อนไขบางอย่าง เป็นกรอบของสังคม พอมีการออกนอกกรอบกันมาก ก็จะสร้างกรอบของเค้าเอง
มันเป็นกรอบของความคิดเราเองว่าดีหรือไม่ดี ถ้าเห็นว่าไม่ดีกันหลายๆคน มันก็เป็นกรอบสังคมเอง
จริงด้วย ๆๆๆ
ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยเป็นกรรมการรณรงค์เครืองแต่งกายของ นศ. ก็มองกรอบหลายๆ กรอบเหมือนกันที่ครอบงำทั้งเราและ นศ. ในที่สุดก็ตัดสินใจไม่ได้ว่า เรืองเครืองแต่งกายเนี่ยควรจะยุติลงยังไง
ตอนนี้ผมได้กลับไปเป็น นศ. อีกครั้งที่เมืองนอก ก็พยายามมองและทำความข้าใจปรากฎการณ์ เด็กไทยกับเด็กนอก
แม้ว่า บ้านเขาจะไม่ไดกำหนดเรอืงการแต่งกาย (ในระดับอุดมศึกษา) เพราะมันไม่เกียวกับผลสัมฤทธ์ทางการเรียน และเป็นการจำกัดสิทธิ์ของนักเรียน
แต่การแต่งกาย นศ. เมืองนอกก็ไม่หวือหวาแบบ นักเรียนไทย แม้กระทั้งเด็กไทยเองเมือไปเรียนนอก ก็ติดเรืองแฟชั่นจนเกินเด็กบ้านเขา น่าจะเป็นเพราะวิถีคิดของเด็กเรามากกว่า
ผมเองก็ไม่กล้าบอกว่า เหมาะสมไหม (แม้จะขัดสายตาอยู่บ้าง) แต่ก็ไม่รู้จะเอากรอบอะไรมาวัดดี
ก็เลยเห็นด้วย กับ อาจารย์หลายๆ ท่านข้างบน เรืองอิสรภาพ ความรับผิดชอบ และความปลอดภัย ถ้าสามารถดำรงสามเรืองนี้ได้ จะแต่งอะไรก็ได้ ไม่ว่ากันครับ
นักศึกษาถ้าได้แสดงความคิดเห็น เค้าก็มีกรอบความคิดของเค้าค่ะ ถ้าเราไปขีดเส้นกั้นกรอบความคิดเค้าเมื่อไหร่ เค้าจะพยายามวิ่งออกมานอกกรอบทันที
ยิ่งห้าม เหมือนยิ่งยุ ยังไงอย่างงั้นเลย
วัยรุ่น...เขาค่อนข้างจะเชื่อมั่นในความคิดของตนเอง...เขามีความรู้สึกว่าในโลกกว้างนี้...เขาเป็นผู้ใหญ่มากพอ...ดังนั้น ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในจิตใจ...จึงมักจะต่อต้านหากว่า...ใครมาสั่งให้คำทำ...เพราะเขาจะคิดว่า "เขาคิดเองได้"...กลวิธีหนึ่งที่กะปุ๋มใช้ร่วมกับความรักความเข้าใจ คือ...จะปล่อยให้เขาเสนอและไม่ค้าน แต่จะค่อยๆ...ตะล่อมทีละนิดๆ...อย่างไม่ต้องรีบ...และเมื่อเขาได้ทำอย่างที่ใจคิดว่าชนะเราแล้ว...เขาก็จะปรับเปลี่ยนมาทำสิ่งที่ถูกต้องเอง...หรือหากอยากได้ผลเร็ว ก็บอกให้เขาทำในสิ่งตรงข้ามอย่างที่ใจเราอยากให้ทำ..เช่น เราอยากให้เขาเลี้ยวซ้าย...แต่เราไม่บอกให้เลี้ยวซ้าย...แต่เราจะบอกให้เขาเลี้ยวขวา...และเขาก็จะต่อต้านเราเพราะไม่พอใจว่าทำไมต้องมาสั่ง...แล้ว..สุดท้ายเขาก็จะเลี้ยวซ้ายเพราะไม่อยากเลี้ยวขวาตามคำสั่งเรา...(555...อาจใช้ได้ไม่หมดทุก case นะคะ...แต่ case วัยรุ่นที่มาบำบัดกะเรา...เราจะกลวิธีนี้บ่อยคะ...อาจเสี่ยงไปหน่อยแต่ก็พอใช้ได้นะคะ...ใช้หลากหลายวิธีควบคู่กันไปคะ)
*^__^*
กะปุ๋ม