เรื่องสะเทือนใจเมื่อครั้งเป็นครู


ถ้าใจของเราอยากทำให้ “ลูก” ของเราดีอย่างไร เก่งอย่างไร มีความสุขอย่างไร เราก็ฟูมฟัก “ลูกศิษย์” ของเราแบบนั้นล่ะค่ะ จะได้มี...เด็กดี...เด็กเก่ง...และเด็กที่สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข...อยู่ทั่วแผ่นดินไทย...
       เมื่อวานมีโอกาสได้เข้ามาเปิดดูเรื่องราวที่ตัวเองได้เขียนไว้ใน blog ตั้งแต่บันทึกแรก เพื่อประเมินความก้าวหน้าในการเขียนบันทึก เนื่องจากต้องการเตรียมตัวนำเสนอสร้างและใช้ blog การสร้าง planet รวมไปถึงการเขียนบันทึกลงใน blog ของตัวเอง เพื่อใช้เป็นกรณีตัวอย่างนำไปแลกเปลี่ยนกับเพื่อนสมาชิกครูผู้นำพัฒนาการจัดการเรียนรู้คอมพิวเตอร์ หรือที่พวกเราเรียกว่า RTC คอมฯ ซึ่งทางประธาน RTC ได้มาทาบทามดิฉันไปร่วมแลกเปลี่ยนกับสมาชิก       

      จึงทำให้ดิฉันได้พบกับ
คุณสุปราณี  จริยะพร พี่สาวที่น่ารัก ในบันทึก บทกลอนบอกรักแม่ เมื่อเดือนที่แล้วของดิฉันเอง ทางการแสดงความคิดเห็นต่อท้ายเรื่องนั้น       

      เลยทำให้หวลนึกย้อนถึงบทกลอนที่ดิฉันแต่งขึ้นด้วยความรู้สึกทางใจอีกบทหนึ่ง เอาไว้เมื่อหลายปีก่อนให้กับลูกศิษย์ที่เสียชีวิตเพราะป่วยแบบฉับพลัน คือ มีอาการไข้อยู่ประมาณอาทิตย์หนึ่ง โดยคุณพ่อ-คุณแม่มาลาป่วยให้ลูกสาวและพาเด็กไปหาหมอ ซึ่งดิฉันได้สอบถามด้วยความเป็นห่วง ผู้ปกครองก็บอกว่า ลูกสาวเป็นไข้ ขอให้พักอยู่บ้านสักสองสามวัน ดิฉันก็ไม่ได้สงสัยอะไรมากเพราะเห็นว่า
สุรีรัตน์ มักเจ็บออด ๆ แอด ๆ อยู่เสมอ เธอเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง แต่โชคดีที่มีผู้ปกครองที่รักและดูแลเอาใจใส่ลูกเป็นอย่างดี สังเกตได้จากการมารับ-ส่งลูกทุกวัน การสื่อสารกับโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอ และเห็นได้จากพฤติกรรมที่เป็นเด็กดี แต่งกายเรียบร้อย สะอาดสะอ้าน และความเป็นเด็กอารมณ์ดีของลูกศิษย์คนนี้ 


      บ่ายวันหนึ่งดิฉันทราบข่าวการเสียชีวิตของลูกศิษย์คนนี้จากผู้อำนวยการโรงเรียน...น้ำตาไหลเลยค่ะ พอรู้ว่าลูกศิษย์ที่เราเป็นครูประจำชั้นจากไปอย่างไม่มีวันกลับแบบนี้ ตอนนั้นรู้สึกเสียใจมากเพราะไม่เคยสูญเสียบุคคลใกล้ชิดเช่นนี้มาก่อน โดยเฉพาะการสูญเสียที่เนื่องมาจาก
ความตาย ทั้งยังเสียใจอันเนื่องมาจากความรักความผูกพันธ์ที่มีต่อเด็กที่ดีคนหนึ่ง "สุรีรัตน์" เป็นนักเรียนที่ตั้งใจเรียน มีผลการเรียนอยู่ในอันดับต้น ๆ ของห้อง นิสัยดี ชอบช่วยเหลือเพื่อนและชอบอาสาช่วยงานครูอยู่เสมอ เป็นเด็กร่าเริง ยิ้มง่าย เรียบร้อยน่ารัก


 
      วันนั้นพอทราบเรื่องแล้ว ผู้อำนวยการฯ ดิฉันและคุณครูส่วนหนึ่งจึงรีบไปที่บ้านของลูกศิษย์ พอพบหน้ากัน ผู้ปกครองก็เล่าให้ฟังว่าอยู่ ๆ เด็กก็ทรุดลง เป็นไข้สูงจึงตัดสินใจพาไปโรงพยาบาลในคืนที่อาการทรุดหนัก และวันรุ่งขึ้นตอนสาย ๆ เด็กก็เสียชีวิต หมอบอกว่าเป็นโรค ไข้กาฬหลังแอ่น คุณครูท่านหนึ่งบอกว่าโรคนี้เป็นโรคร้ายแรง เป็นโรคระบาดหรือเป็นโรคติดต่ออะไรทำนองนี้ แต่ดิฉันไม่อยากจะเชื่อว่าลูกศิษย์เสียชีวิตด้วยโรคนี้ ซึ่งตัวเองก็ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับโรคนี้สักเท่าไร แต่สงสัยว่าถ้าเป็นโรคติดต่อหรือโรคระบาดจริง ทำไมน้องชายของสุรีรัตน์ซึ่งคลุกคลีเล่นอยู่ด้วยกัน หรือเด็ก ๆ ในละแวกนั้นถึงไม่เจ็บป่วยบ้าง      

      คืนนั้นหลังฟังพระสวดศพแล้วดิฉันกลับมาพักค้างอยู่ที่บ้านพักครูในบริเวณโรงเรียน รู้สึกคิดถึงลูกศิษย์มากเหลือเกิน ร้องไห้อยู่นานและคว้าปากกามานั่งเขียนกลอนให้
สุรีรัตน์ ทุกวันนี่ยังเก็บไว้ กลับมาอ่านครั้งใดเป็นน้ำตาไหลทุกครั้ง รวมถึงครั้งนี้ด้วย....                 

             เหมือนสายฟ้าฟาดกลางใจ           จากไปไม่มีวันกลับ
       ร่างน้อยสลายหายลับ                        จิตดับด่วนจากโลกา
         
             ศิษย์น้อยนาม
สุรีรัตน์                พลัดจากไปให้ห่วงหา

       เปรียบหนูเช่นดั่งลูกยา                        มารดาใจแทบพังพิน


            โรคร้ายทำลายไม่คาดคิด             ชีวิตหนูต้องดับสิ้น

      น้ำตาครูร่วงไหลริน                           ถวิลหวลไห้อาวรณ์


             หนูนั้นเป็นเด็กขยัน                     หมั่นเรียนเพียรให้ครูสอน

       การบ้านหนูไม่เกี่ยงงอน                     ส่งก่อนเพื่อนอยู่ร่ำไป


             งานครูหนูขันอาสา                     รีบมาช่วยไม่ไถล

       ทำให้ครูโดยว่องไว                          เสร็จได้ไม่ต้องติดตาม


             สองกันยาสองห้าสี่สอง               ร่างของหนูถูกห่อหาม

       สิ้นใจสิ้นชีพสิ้นนาม                          ยามนี้มีแต่ระทม
     

             ขอดวงวิญญาที่ลาลับ                จงไปสู่ภพสุขสม
       อโหสิกรรมขำคม                            ขอพรหมโปรดช่วยคุ้ม

             หลับสบายเถิดนะศิษย์รัก             กายพักคลายเรื่องทั้งผอง

        ชาติหน้าชาติใดจับจอง                    หมายปองศิษย์ครูร่วมกัน


                                                                    อาลัยศิษย์รัก....

               แด่...ด.ญ.สุรีรัตน์  ใจบุญ  นักเรียนชั้น ป.
4 ก. ร.ร.บ้านดอนตำลึง
                                                                   2 กันยายน
2542



      สมัยที่ดิฉันมีโอกาสทำหน้าที่เป็นครูผู้สอนนั้น ดิฉันรักและผูกพันอยู่กับลูกศิษย์เสมอ นึกขอบใจพวกเขาทุกครั้งที่ทำให้ตัวเองมีความสุขและสบายใจเมื่อก้าวเข้าสู่ห้องเรียน ไม่ว่าเราจะทุกข์ ผิดหวัง โกรธใครที่ไหนมาก็ตาม โดยเฉพาะเมื่อรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจว่ามีคนไม่รักเรา แต่เมื่อมาพบกับแววตา รอยยิ้ม เสียงแจ๋ว ๆ ของลูกศิษย์เรา ความรู้สึกไม่ดีทั้งหมดจะหายไปเลย เด็กเล็ก ๆ นั้น เขาจะรักครูด้วยใจจริง มองเห็นเราเป็น
นางฟ้า อยู่เสมอ และเห็นเราเป็น ฮีโร่ สามารถทำอะไรได้หมด เพราะเป็นครูประถมฯ ต้องสอนเขาได้ทุกวิชา เราพูดอะไรเขาจะเชื่อเราหมด บางทีเชื่อมากกว่าพ่อแม่ของเขาด้วยซ้ำ

      ดังนั้นเด็กในวัยนี้ เราจะปลูกฝังสิ่งดี ๆ ให้กับพวกเขาได้ง่าย โดยเฉพาะถ้าคุณครูร่วมมือกัน
ส่งไม้ ให้เป็น เริ่มตั้งแต่ครูประจำชั้นระดับอนุบาลขึ้นมาเลย ทางโรงเรียนมุ่งหวังจะฝึกฝนนักเรียนในเรื่องอะไร เช่น บางโรงเรียนเห็นว่าเรื่อง ความเป็นคนมีวินัย เป็นเรื่องสำคัญจำเป็นเนื่องจากเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของเยาวชนที่เมื่อปลูกฝังสำเร็จแล้ว พฤติกรรมดี ๆ ในเรื่องอื่นจะตามมาเอง ผู้บริหารและคุณครูทุกคนในโรงเรียนก็ต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง จัดกิจกรรมและการเรียนรู้ที่สอดแทรกเรื่องนี้อย่างสม่ำเสมอ มีความสอดคล้องกัน เด็กก็จะได้รับการปลูกฝังอย่างเป็นระบบ  
 


      เป็นที่รู้กันว่าพ่อแม่เป็นผู้ที่รักลูกมากที่สุด อะไร ๆ ก็ทำเพื่อลูกได้ทั้งหมด ดังนั้นการที่ผู้ปกครองพาลูกของเขามาเข้าเรียนที่โรงเรียนของเรา นำ
แก้วตาดวงใจ ของเขามาฝากไว้กับครู นั่นย่อมหมายถึง เขาไว้เนื้อเชื่อใจโรงเรียนของเราและตัวของเราซึ่งเป็นครู เราจึงไม่ได้เป็นแต่เพียง ครู ที่คอยให้ความรู้แก่ลูกศิษย์ของเราเท่านั้น แต่ต้องทำหน้าที่ดูแลเปรียบเหมือน พ่อ-แม่ อีกคนหนึ่งของเขาด้วย

      ถ้าใจของเราอยากทำให้
ลูก ของเราดีอย่างไร เก่งอย่างไร มีความสุขอย่างไร เราก็ฟูมฟัก ลูกศิษย์ ของเราแบบนั้นล่ะค่ะ จะได้มี...เด็กดี...เด็กเก่ง...และเด็กที่สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข...อยู่ทั่วแผ่นดินไทย...

      ขอกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ของดิฉันทุกท่าน ที่แต่ละท่านได้ให้ความรู้ ให้การอบรมบ่มนิสัยแก่ดิฉันจนกระทั่งตัวเองได้มีโอกาสมาเป็น
ครู แม้วันนี้จะไม่ได้สอนหนังสืออยู่ในโรงเรียน แต่ดิฉันก็ยังมี หัวใจเป็นครู อยู่เสมอค่ะ

 
หมายเลขบันทึก: 50171เขียนเมื่อ 15 กันยายน 2006 09:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 17:21 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

อ่านเรื่องราวแล้วให้ข้อคิดมากมายและมีประโยชน์นำไปใช้เป็นตัวอย่างในการอบรมสั่งสอน ดูแล นักเรียนของตนเองได้เป็นอย่างดีครับ

  • ขอบคุณ อ.ศักดิ์ชัย ที่เห็นคุณค่าของเรื่องเล่านี้
  • ปลื้มใจที่อาจารย์มองเห็นข้อคิดและประโยชน์ในการนำไปใช้ค่ะ

 

สวัสดีค่ะ อาจารย์ปวีณา

         ดิฉันชื่อ วาสนา  เป็นคนจังหวัดสุพรรณบุรี      พอดีเข้ามาเห็นเรื่องที่อาจารย์เขียน   แล้วชื่นชอบเป็นอย่างมาก  ตอนนี้ดิฉันกำลังศึกษาทางด้านครูอยู่ เมื่อได้อ่านเรื่องที่อาจารย์เขียน     จึงได้ข้อคิดต่าง ๆ มากมาย  ดิฉันคิดว่า   ถ้าวันหนึ่งดิฉันได้เป็นครูจริง  ๆ   ลูกศิษย์ของดิฉัน จะรักและเคารพดิฉันหรือเปล่า และดิฉันจะมีหัวใจเป็นครูและทำหน้าที่ได้ดีเท่าอาจารย์หรือเปล่า ตอนนี้ดิฉันเรียนอยู่ปริญญาตรีชั้นปีที่  2  แล้ว ปี 5 ดิฉันต้องไปฝึกการสอน 1 ปีเต็ม ดิฉันรู้สึกกลัวค่ะ กลัวว่าจะทำหน้าที่ของความเป็นครูได้ไม่ดี อาจารย์จะว่าไหมค่ะ หากดิฉันจะขอนำหลักการของอาจารย์ไปใช้ และขอความกรุณาท่านอาจารย์ได้ให้ข้อเสนอแนะด้วยค่ะ

                                       ด้วยความเคารพ

                                   วาสนา  คุณครูในอนาคต 

  • ยินดีที่ได้รู้จักน้องวาสนาค่ะ
  • ขอบคุณสำหรับความชื่นชอบเมื่อได้อ่าน
  • เป็นที่รู้กันอยู่ว่าปัจจุบัน ความศรัทธาใน "วิชาชีพครู" ลดค่าลง เรามักเห็นว่าขณะนี้ ศิษย์ไม่ค่อยเชื่อฟังและเคารพครูเหมือนที่เคยเป็นมา โดยเฉพาะในเด็กโต ๆ ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน ซึ่งพี่คิดว่าสิ่งสำคัญที่จะเรียกศรัทธาคืนมา อยู่ที่ "ตัวของครู" เราจะประพฤติปฏิบัติเช่นไรให้ เรามี กาย-วาจา-ใจ ที่เป็นครูอยู่เสมอ นั่นเอง
  • การเรียนต่อไปในระยะเวลาอีก 2 ปี ก่อนฝึกสอน จะทำให้น้องมีความมั่นใจในการทำหน้าที่ครูมากขึ้น
  • ช่วงฝึกสอน ขอให้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มากที่สุด เพราะเท่ากับเราได้ลงสนามจริง ถึงเวลานั้นค่อยคุยกันก็ได้ค่ะ
  • พี่ยินดีแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับน้องเสมอค่ะ หากจะติดต่อกับพี่ทางอีเมล์ที่ [email protected] ก็ยินดีค่ะ
  • เราคงได้เรียนรู้สิ่งดี ๆ ซึ่งกันและกันนะคะ

 

 

  • อารมณ์พาไปค่ะพี่บัว....อาศัยว่าสมัยเรียนมัธยมฯ ตั้งใจเรียนวิชาภาษาไทยมากหน่อย
  • ไม่ได้คุยนะ...ตอนนั้นเรียนได้เกรด 4 ทุกเทอมเลยค่ะ
  • เป็นความภาคภูมิใจสมัยเด็ก ๆ น่ะ
  •    ความรักทำให้โลกงดงาม น่าอยู่

ความผูกพันธ์ที่มีต่อเด็กที่ดีคนหนึ่ง "สุรีรัตน์"

ขออภัยครับ มือพลาดไปโดน Enter เลยส่งมาโดยไม่ทันจะเรียบร้อย ...

  •   ความรักทำให้โลกงดงาม น่าอยู่
  •   รักมาก ผูกพันมากต้องคอยระวัง ทำใจให้ตื่นรู้ อยู่เสมอว่า ทุกอย่าง ทุกชีวิตล้วนอยู่ในกระแสแห่งการเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย .. เกิดขึ้น .. ตั้งอยู่ .. และ ดับไป   ไม่มีข้อยกเว้น
  •  เมื่อสุขหรือทุกข์ ก็ต้องทำใจรับรู้ว่า มันไม่อาจเป็นอยู่ได้นาน ครั้นความเปลี่ยนแปลง เช่นการพลัดพรากเกิดขึ้น .. สติจะกลับมาเร็ว ใช้คาถา "เช่นนั้นเอง" ได้โดยง่ายและได้ผลดี

   " ความ ผูกพันธ์ ที่มีต่อเด็กที่ดีคนหนึ่ง "สุรีรัตน์" "
      ตัวแดงคงเผลอไปใช่มั้ยครับ

ขอแสดงความชื่นชม"คุณครู"ที่น่าเคารพศรัทธาเป็นแบบอย่างที่ดีเช่นนี้เป็นอย่างมากค่ะ เพราะกระแสความรู้สึกที่สื่อสารออกมาจะช่วยสร้าง"ครูที่ดี"ให้กับเมืองไทยของเราได้อีกมากทีเดียวค่ะ ตอนนี้ที่เห็นๆก็ 1 รายแล้วนะคะ ขอบคุณจริงๆค่ะ ขอบคุณแทนเด็กไทยและคนไทยทุกคน เรามาช่วยกันส่งเสริมคุณค่าให้คุณครูกันเถิด
  • ขอบคุณน้องจตุพร...แทนคุณครูทุกท่านด้วยค่ะ
  • ขอบคุณสำหรับการให้สติของคุณ Handy ยอมรับค่ะว่าตัวเองหวั่นไหวเมื่อรู้สึกถึงความพลัดพราก แม้ยังไม่เกิดแต่เพียงคิดว่าจะเกิดใจก็แกว่งอยู่เหมือนกัน...สำหรับตัวเองเวลาที่ผ่านไปทำให้จิตใจสงบลง ตอนนี้ก็พยายามฝึกทำใจโดยใช้ระยะเวลาที่น้อยลง ๆ ไปเรื่อย ๆ ค่ะ
  • ขอบคุณสำหรับพลังการเสริมแรงและกำลังใจจากคุณ โอ๋-อโณ ที่มอบให้กับครูค่ะ

 

  • มีความสุขนะคะ  ครูคือผู้ให้  ผู้เติมเต็ม  ค่ะ
  • ครูอ้อยเป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ
  • ขอบคุณคุณฺBrigth Lily สำหรับความรู้สึกดี ๆ ค่ะ
  • ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ครูอ้อยมอบให้ค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท