ในช่วงที่ก่อนกลับมาอยู่บ้านเกือบทุกครั้งที่โทรศัพท์มา แม่ของผมจะถามเสมอว่า "อยากกินอะไร" และผมก็ถามแม่เสมอว่า แม่กินข้าวหรือยัง วันนี้กินอะไร แม่ก็ตอบว่า
"กินไหมล่ะลูก จะส่งไปให้"
และเมื่อผมกลับมาถึง สิ่งที่ผมคิดออกเป็นลำดับแรกว่าอยากกินมาก ๆ ก็คือ "แกงส้มใส่มะละกอ" เป็นอาหารที่ชอบมากและที่สำคัญยิ่งกว่านั้น จะอร่อยที่สุดเมื่อกินที่บ้านโดยฝีมือแม่ของผมเอง
ในช่วงเย็นวาน (14 ก.ย. 49) ในระหว่างที่ผมนั่งพิมพ์งานอยู่ก็ได้กลิ่นโชยมาแต่ไกลว่าเริ่มมีความหอมจากแกงส้ม ผมจึงต้องรีบลุกขึ้นไปช่วยแม่ทำกับข้าวโดยทันที
สิ่งแรกที่ผมเดินไปเห็นนั้นและจะเริ่มทำก็คือ "เปิดปลากระป๋อง"
ผมก็เลยถามแม่ว่า "ใช้ปลากระป๋องแกงเหรอแม่"
เรื่องดี ๆ ในอดีตจึงเกิดขึ้น ณ บัดนั้น
แม่เล่าให้ผมฟังว่า แม่เลิกฆ่าปลาตั้งแต่ผมอายุ 5 ขวบ
เพราะอะไรน่ะเหรอ สาเหตุมาจากผมเองครับ
แม่บอกว่า เมื่อตอนเด็ก ๆ ตอนที่อยู่กรุงเทพฯ ผมอายุประมาณ 5 ขวบ ตอนนั้นเรายังอยู่ที่หมู่บ้านเศรษฐกิจ แถว ๆ บางแค
มีอยู่ครั้งหนึ่งปู่ของผมเอาปลาช่อนตัวใหญ่มากมาให้แม่ แต่แม่ก็ยังไม่ได้ทำอะไร ก็เลยใส่กาละมังไว้ขังไว้หลายวันจนปู่กลับมา วันนั้นก็เลยเป็นวันที่แม่ฆ่าปลาเป็นครั้งสุดท้ายครับ
เพราะในขณะนั้นแม่ฆ่าปลานั้น เนื่องจากปลาตัวใหญ่มาก ทุบหัวไปหนึ่งครั้งแล้วปลายังไม่ตาย ปลายังดิ้นไปดิ้นมา
พอดีผมผ่านไปเห็นเข้า ด้วยความไม่รู้ประสีประสา
ก็เลยพูดกับแม่ว่า
"แม่ใจร้าย แม่ตีปลาจนหัวแตกเลย แม่ทำไมไม่พาปลาไปหาหมอ"
ด้วยคำพูดประโยคนี้เองครับ เป็นจุดเริ่มต้นที่แม่ของผมเลิกฆ่าปลาตั้งแต่นั้นมา จนถึงบัดนี้ก็ยี่สิบกว่าปีแล้วครับ
ในครอบครัวของเรามีความทรงจำหลาย ๆ อย่างครับ
อย่างเช่นเขียงที่แม่กำลังใจหั่นหัวปลีอยู่นั้น แม่ก็เล่าว่า
"เขียงนี้ ใช้มาตั้งแต่ผมยังไม่เกิดครับ"
และ "หัวปลี" ที่แม่ผมกำลังหั่นอยู่นั้น ก็เป็นเมนูสุดโปรดของผมอีกอย่างหนึ่งครับ ที่ไม่เคยกินที่ไหนอร่อยเท่าที่บ้านเลย
ยำหัวปลี
เป็นกับข้าวที่ผมเคยกินครั้งแรกที่บ้านและติดใจมาตลอด
วันนี้แม่ให้ผมช่วยซอยข่า หั่นหอม โขลกเครื่องปรุง
และ "สับหมู" อันนี้ถนัดครับ เป็นอาชีพหลักของผมเลยครับ
พอดีวันนี้พ่อผมไปประชุมที่ตัวเมืองกำแพงครับ พี่สาวผมก็ทำงานและพักอยู่ที่กำแพงเหมือนกัน ส่วนน้องสาวนั้นเรียนหนังสืออยู่ที่ ม.นเรศวรครับ
เราก็ได้ร่วมปรุงอาหารจานนี้จนเสร็จเรียบร้อยและนั่งกินกันสองคนครับ กินกันแค่สองอย่างครับ นั่นก็คือ "ยำหัวปลี" กับ "ไข่ตุ๋น" ครับ (ไข่ตุ๋นนี่ฝีมือผมเองครับ อาหารไข่ถนัดครับ)
ส่วนแกงส้มนั้นเก็บไว้ใส่บาตรให้ "ย่า" ที่เพิ่งเสียไปเมื่อสองเดือนก่อนครับ
ส่วนจานที่ตักแบ่งไว้เก็บให้พ่อ เผื่อที่กลับมาจากประชุมแล้วหิวครับ
นี่ก็เป็นกิจกรรมเล็ก ๆ ของครอบครัวเราครับ
เป็นกิจกรรมที่ได้ทั้งความอิ่ม ความรู้รวมทั้งความทรงจำที่ดี ๆ อีกมากมายครับ
สิ่งแรกที่ผมเห็น และหิวขึ้นมาทันที คือ "แกงส้ม" ที่อาจารย์ปภังกรนำเสนอครับ
หากวันไหนมีแกงส้ม เรียกว่า ทานข้าวแบบไม่คิดชีวิต เลยครับ
เรื่องราว เด็กชายปภังกร น่ารักดีและเป็นความทรงจำที่ดีครับ
- - -เชื่อมั่นและให้กำลังใจครับ - - -
อ่านแล้วน้ำลายสอเลย
น่าทานจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นแกงส้ม หรือ ยำหัวปลี
แต่ถ้าให้ดีนะ ไข่เจียวกับ แกงส้ม
สุดยอด ครับ