My After Learning Review 7


คนเราไม่ควรยึดติดอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากจนเกินไป จนทำให้เกิดความทุกข์ขึ้นกับตัวเอง เราควรปรับเปลี่ยนความคิดและยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอยู่เสมอ

สืบเนื่องจากการสอน KM นิสิต ป.ตรี ดัง "Link"  จึงเกิด My After Learning Review 7 ดังนี้

ก่อนที่จะเรียนในหัวข้อเรื่อง การบริหารจัดการความรู้
สิ่งที่คาดว่าจะได้รับ

  1. จะได้เรียนรู้ถึงหลักในการนำความรู้ที่เรามีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ และเหมาะสมกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้
  2. ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการความรู้ ซึ่งต้องเป็นเชิงวิชาการแน่นอน

สิ่งที่ได้จากการเรียน

          เป็นการเรียนที่แปลกมาก เพราะอาจารย์สอนคติเตือนใจให้กับเราโดยการใช้นิทานในการสื่อความหมาย  และเมื่อได้ติดตามฟังนิทานจนจบ  ก็ทำให้ได้อะไรหลายๆอย่างจากนิทานเรื่องนี้  ทั้งในด้านข้อคิด และคติเตือนใจในการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน

          ทำให้รู้ว่า คนเราไม่ควรยึดติดอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากจนเกินไป  จนทำให้เกิดความทุกข์ขึ้นกับตัวเอง  เราควรปรับเปลี่ยนความคิดและยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอยู่เสมอ

          เพราะเราไม่รู้ว่า ในวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง  ดังนั้นเราควรทำปัจจุบันให้ดีที่สุด  และเมื่อวันนึง  เราเจอกับอุปสรรคในชีวิตเรา  ก็ไม่ควรที่จะกลัวจนเกินเหตุ  เราควรเปิดใจให้กว้าง แล้วเริ่มรับกับความเปลี่ยนแปลงนั้น  เราต้องมีความสุขกับมัน

          ถึงแม้บางครั้ง  การที่เราเดินไปข้างหน้า  แต่เราเจอแต่ความล้มเหลวอยู่บ่อยๆ  มันก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะเจอความล้มเหลวอยู่ตลอดเวลา  ซึ่งต้องมีสักวันที่เราต้องได้เจอกับความสำเร็จ  และเมื่อเจอกับความสำเร็จแล้ว  เราก็ไม่ควรที่จะชะล่าใจจนเกินไป  เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้เสมอ

          ดังนั้น  จึงควรรู้จักปล่อยวางบ้าง  เพื่อชีวิตจะได้มีความสุข  แต่ก็ควรทำให้ดีที่สุดเท่าที่ความสามารถของเราจะทำได้

สรุป

          การเรียนสำหรับวันนี้  ก็ไม่ได้เครียดอะไร  ก็สนุกดีนะ  ซึ่งในแง่ของความสนุกก็แฝงความรู้ต่างๆ  และคติเตือนใจให้เราได้คิดหลายอย่าง  ทำให้รู้ว่า  บางทีมนุษย์ก็ไม่ใช่ว่าจะเก่งไปซะทุกเรื่อง  คือมองว่าตนเองเก่ง จนลืมมองจุดเล็กๆน้อยๆไป แต่หนู ซึ่งเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ  มันกลับกระตือรือร้น  แสวงหาสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ มันจึงไม่มีความทุกข์เหมือนมนุษย์

บุษบา   สายนารี

หมายเลขบันทึก: 50121เขียนเมื่อ 14 กันยายน 2006 21:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ขอขอบคุณอาจารย์มาลินี...                                

  • ติดตามอ่านวิธีการสอนแบบ stody telling > เรื่อง "ใครเอาเนยแข็งของฉันไป" ของอาจารย์มาครบ 7 ตอน
  • ได้รับข้อคิดดีๆ ครับ...

ผมเองก็ได้รับหนังสือฉบับแปลไทย(ถ่ายเอกสาร)จากคุณจตุพร สุดธนาพันธ์เหมือนกัน...

  • อ่านแล้วทำให้เริ่มเข้าใจว่า
    (1). คนเราชอบใช้ชีวิตแบบ "ตามรอย(เดิม)" มากกว่า "ออกนอกลู่นอกทาง"
    (2). บ่อยครั้งที่เราไม่กล้าทำอะไรใหม่ๆ ทั้งที่รู้ว่า นั่นเป็นที่สบาย(สัปปายะ)ของเรา.. นั่นเป็นความริเริ่ม สร้างสรรค์ นวัตกรรม หรือความชอบธรรมของเรา โดยอ้างว่า "มันเสี่ยงเกินไป"

สัปดาห์นี้เช่นกัน... มีข่าวว่า หนูน่ะไม่ชอบเนยแข็งหรอก...

  • มันชอบธัญพืชกับขนมหวานมากกว่า
  • มันจะกินเนยแข็งเฉพาะเมื่อไม่มีของโปรดแล้วต่างหาก...

ขอขอบคุณอาจารย์ และบันทึกของนิสิตทุกท่านครับ

 

ใช่ค่ะ  ดิฉันก็ได้ยินมาอย่างนั้นว่าความจริง หนูไม่ชอบกินเนยแข็ง

เรื่องนี้พิสูจน์แล้ว โดยลูกสาว เคยเลี้ยงหนูถีบจักร  แล้วเอาเนยแข็งให้กิน  มันชิมนิดเดียว ก็ไม่สนแล้ว แต่ถ้าให้กินแตงกวา มันจะชอบมากกว่า

สงสัย เพราะหนังการ์ตูนเรื่อง ทอม แอนด์ เจอรี่ นี่แหละค่ะ  ที่พวกฝรั่งทำให้คนทั้งโลกก็ว่าได้  เข้าใจผิดว่าหนูชอบกินเนยแข็ง 

  • ขอบพระคุณท่านอาจารย์มาลินีและนิสิตของอาจารย์ทุกท่านค่ะ  อ่านแล้วปิ๊งไอเดียค่ะ
  • ตูนไป Business Meeting UKM พึ่งกลับมามีเรื่องเล่าให้อาจารย์ฟังเพียบเลยค่ะ  (วันที่ 26 เชิญอาจารย์มาคุยกันนะคะ  รายละเอียดจะแจ้งให้อาจารย์ทราบอีกครั้งค่ะ)

        คิดถึงอาจารย์มาก มาก ก ก

คิดถึงมาก มาก ก ก แบบนี้  รู้สึกซึ้งปนหนาว หนาว วว  :'-)  ยังงัยม่ายหรู้...........
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท