วันนี้ช่วงบ่ายไปบ้านกระเหรี่ยงแม่ปิง อำเภอปายเพื่อไปดู ความเรียบร้อยและเตรียมพื้นที่ที่ นศ.ป.โท สาขาการส่งเสริมสุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่จะเข้ามาเรียนรู้หมู่้บ้านจัดการสุขภาพ ในอีก ๒-๓ วันข้างหน้า และผมเข้าร่วมเป็นวิทยากร ร่วมเรียนรู้ในครั้งนี้ด้วย
วันนี้ผมถือโอกาสไปนั่งคุยกับ "แพบู" หนุ่มใหญ่ชาวกระเหรี่ยงหนึ่งในทีมงานวิจัยร่วม "โครงการวิจัยการสังเคราะห์การท่องเที่ยวโดยชุมชนแม่ฮ่องสอน"
แพบู เป็นชาวกระเหรี่ยง เคยผ่านงานศึกษาวิจัย ของ สกว. มาครั้งหนึ่ง โดยได้รับทุนจาก สกว. ครั้งนั้น เป็นการวิจัยประเด็นการท่องเที่ยวโดยชุมชน แต่ก็นานมาแล้ว
วงน้ำชา กับการสนทนาอย่างออกรสชาติ เรื่อง ของ "การท่องเที่ยวโดยชุมชน"
แพบูให้ข้อคิดเห็นอย่างน่าสนใจ
เขาบอกว่า การท่องเที่ยวโดยชุมชน มีทั้งผลดีและผลเสียกับชุมชน
หากจะให้ยั่งยืน การท่องเที่ยวโดยชุมชน จะช่วยสร้างสรรค์ชุมชน ๒ประเด็น คือ
หากไม่มีจิตสำนึก และขาดการดูแลทั้ง ๒ สิ่งที่ว่า การท่องเที่ยวนั้นไม่ยั่งยืน
ปัญหาที่เขาคิดว่า...การจัดการการท่องเที่ยวที่"ปาย" ควรต้องตระหนักมากๆ คือ "จิตสำนึก"
แพบู ย้ำคำว่าจิตสำนึก เขาอธิบายว่า อยากให้นักธุรกิจที่ทำเรืื่องการท่องเที่ยวมีจิตสำนึก ตระหนักใน ๒ ประเด็นข้างต้น...และมีคำถามต่อ ว่า "จะสร้างจิตสำนึกกับนักธุรกิจเหล่านั้นอย่างไร?"
ในขณะเดียวกันชุมชนเองก็ต้องมีจิตสำนึกเช่นเดียวกัน
ประเด็นคำถามที่ แพบู ตั้งไว้ เป็นโจทย์ที่เราต้องนำมาขบคิด และคิดกระบวนการการพัฒนาในระดับอำเภอต่อ...
การท่องเที่ยวโดยชุมชน หากมอง "เงินเป็นตัวตั้ง" การท่องเที่ยวโดยชุมชนแบบนั้นไม่ยั่งยืน...และล้มเหลวในที่สุด
แพบู บอกผมอีกครั้งเมื่อเราจิบชาหมดไปครึ่งกา
ชุมชนต้องมองเรื่องการท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการสืบสานวัฒนธรรม และอนุรักษ์ทรัพยากร เครื่องมือในพัฒนาชุมชน ที่สำคัญที่สุดคือต้องมองการท่องเที่ยวเป็น "อาชีพเสริม" ไม่ใช่ "อาชีพหลัก"
การท่องเที่ยวทำให้เกิด "วัฒนธรรมที่จอมปลอม" แพบูพูดคำน่าสนใจ ...จนผมถามว่า แพบูหมายถึงอะไร?
เขาบอกต่อว่า วัฒนธรรมจอมปลอมคือ การจัดฉากทางวัฒนธรรม ซึ่งขัดต่อวิถีชีวิตของชุมชน...การท่องเที่ยวที่ทำแบบนั้นก็ไม่รุ่ง มีแต่ทำลาย
ผมเข้าใจว่าที่แพบูบอกคือ การที่ชุมชนจัดฉากสร้า้งวัฒนธรรมปลอม ๆ เพื่อเอาใจนักท่องเที่ยวโดยที่ไม่ถึงกาละที่เหมาะสม เช่น การจัดประเพณีบางอย่าง โดยแสดงให้นักท่องเที่ยวดู โดยขาดสาระ องค์ประกอบ และกาละที่เหมาะสม
แพบู คุยต่อว่า เขาทำอะไรมากไม่ได้ ก็เป็นคนเล็กๆ แต่สิ่งที่ทำอยู่ก็คือ "การขายความคิด" ให้ชุมชน ขายความคิดใน หมู่บ้านกระเหรี่ยงของเขา ที่กำลังจะถูกผลักเข้าสู่กระแสการท่องเที่ยว อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ผมมองว่า เป็นสิ่งที่ชอบ ที่คนในชุมชนเริ่มต้นด้วยวิธีคิดดีๆ และขายความคิดสร้างแนวร่วม ผลักดันการพัฒนาที่ถูกทิศถูกทาง ดีกว่า ไปรอฟังความคิดจากคนข้างนอก ที่ไม่ได้ร่วมทุกข์ร้อนปัญหาของชุมชนโดยตรง
ประเด็นในวงสนทนาแบบบังเอิญในวันนี้ ผมได้วิธีคิด และ ได้สนทนาประเด็นการท่องเที่ยวโดยชุมชนจากปากของชาวบ้าน ซึ่งแหลมคม และน่าสนใจ ...จนต้องเก็บประเด็นที่คุยไปคิดและบันทึกไว้
ขอบคุณครับพี่เล็ก...ตอบกลับเร็วจนตกใจ
เรื่อง ผลประโยชน์ เงิน ไม่เข้าใครออกใคร ผู้ประกอบการที่เอาแต่ได้บางกลุ่มไมาได้มองและคิดอย่างนี้เลย
คิดแต่ว่า จะทำอย่างไรได้เงิน กำไร มากที่สุด
การสร้า้งสรรค์ปัญญาให้กับชุมชน ร่วมกันสร้างความมั่นใจให้ชุมชน จะเป็นทางเลือกหนึ่ง ที่ให้ชุมชนเข้มแข็ง และคานผลประโยชน์ของกลุ่มนายทุนเอาแต่ได้มากขึ้น
เกิดกรณี ชาวบ้านปิดล้อมรถนายทุนขนไม้ใผ่จากดอยของเขา ชาวบ้านต่อต้านการดูดทรายของนายทุนจากแม่น้ำของเขา ซึ่งพวกเขารักษา หวงแหนทรัพยากรของชุมชน และเพื่อพวกเราด้วยครับ
ขอบคุณพี่เล็กครับ
ขอบคุณอาจารย์ Panda ครับ
สัปดาห์หน้าผมจะไป ตามหา "มิยาวดี" ที่ ยังหมู่บ้านแถบแม่น้ำสาละวินเพื่อไปเก็บข้อมูลหมู่บ้านท่องเที่ยว
งานนี้ไปในหลายๆหมู่บ้าน ประมาณ ๕ - ๖ วันครับ น่าจะมีข้อมูล "การท่องเที่ยวโดยชุมชน" หลากหลาย มาฝากอาจารย์Panda และมีวิธีคิดที่แตกต่างในชุมชนที่แตกต่าง มาเขียนบันทึกด้วย
บางชุมชนทำ home stay สำเร็จ แต่บางชุมชนล้มเหลว...เพราะอะไร?
ผมคิดว่าประเด็นนี้อาจารย์ Panda คงสนใจอยู่ครับ
การจัดฉากทางวัฒนธรรม
เป็นคำที่ฟังแล้ว ปวดใจ ดีแท้
มีให้เห็นทั่วทุกภาคของประเทศไทยเลยล่ะ
พี่ Nidnoi
การส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่ขาดความเข้าใจ ทำให้เกิดการจัดฉากทางวัฒนธรรมขึ้นมาให้เห็นอยู่บ่อยๆ ไม่ได้สรา้งสรรค์แต่เป็นการทำลายครับผม
ดังนั้น การที่จะเข้าใจมิติของวัฒนธรรมต้องลุ่มลึกและ พัฒนาแบบเข้าใจ...ให้เกียรติวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่า
พี่เล็ก ศุภลักษณ์
พี่เล็กคงหมายถึง ที่ผมจะไปตะลอนทัวร์ที่หมู่บ้านแถบชายแดนสาละวิน หรือเปล่าครับ...หากใช่่ ผมจะเก็บทั้งภาพและเหตุการณ์มากฝาก เผื่อผมไปเจอน้อง "มิยาวดี" ผมจะถ่ายรูปมาฝากด้วย
สวัสดีคะ...คุณเอก
...
ตามมาทักทายยามดึกคะ...
เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ
*^__^*
กะปุ๋ม
ผมจิบชากับ "แพบู" เยอะไปหน่อยครับ เลยไม่ง่วงเลย
....................
ขอบคุณเสมอนะครับ สำหรับกำลังใจ ผมรู้สึกดีๆครับ ในวันนี้...
ขอบคุณครับ
Dr.Ka-Poom
ปกติผมจะนอน ประมาณ ๔ - ๕ทุ่มครับ เพราะพยายามจะนอนไม่ดึกครับ ตอนกลางวันนั่งเขียนหนังสือจะได้สมองปลอดโปร่งครับ
กำลังเร่งต้นฉบับ...ครับผม
เห็นว่า พี่ยอดดอย เงียบๆไป ไม่ทราบซุ่มทำโปรเจคค์อะไรใหม่ๆ หรือเปล่า...? และมีอะไรให้ได้ร่วมสร้างสรรค์ก็ยินดีนะครับ
ขอบคุณครับ สำหรับกำลังใจครับ
สวัสดีค่ะ คุณจตุพร
เรื่องที่เขียนเล่ามาน่าสนใจมากๆ ค่ะ และตอนนี้ สคส. กำลังคิดว่า น่าจะมีการเชื่อมโยงโครงการการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงพื้นที่อย่างยั่งยืนบนฐานการวิจัยท่องเที่ยวไทย ให้เป็น CoP จึงขอหารือและขอคำแนะนำจากคุณจตุพร ว่าน่าจะมีแนวโน้มหรือมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนค่ะ งานนี้ อ.วิจารณ์ มอบหมายให้ หญิง เป็นผู้ประสานงานค่ะ
หญิง สคส.
คุณหญิง
ผมคิดว่าเป็นไปได้มากเลยครับ ซึ่งปกติแล้วเรามีเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชน ซึ่งเป็นชุมชนที่วิจัยด้านการท่องเที่ยว ที่เป็นทั้งตัวบุคคลและหมู่บ้าน รวมถึงเครือข่ายในระดับต่างๆ ครับ
ที่แม่ฮ่องสอน เรามีเครือข่าย ระดับอำเภอ และจังหวัดครับ ทั้งในส่วนของหมู่บ้านที่มาจากฐานงานพัฒนาอื่นๆ และฐานงานวิจัย ซึ่งกำลังขับเคลื่อนอยู่ครับ
ส่วนเครือข่ายระดับจังหวัด เห็นมีการเคลื่อนน่าสนใจ อยู่ ๓ จังหวัด เชียงใหม่ เชียงรายและแม่ฮ่องสอน
ผมคิดว่า สคส.รันงานในส่วนของ CoP ได้เลยครับ เห็นว่าทาง สกว.เองก็พยายามเรื่องนี้อยูุ่่ด้วยครับ
ยินดีครับ สำหรับข้อแลกเปลี่ยนในโอกาสต่อไป
อ่านแล้วอยากไปจิบชากับท่านแพบูจัง
ผมเคยคิดมาเหมือนกันว่า การท่องเที่ยวกับการแทรกแซง แทบจะเป็นสิ่งเดียวกัน
เพราะพอเงินมาทุกอย่างก็จะตามมาไม่ว่านักธุรกิจ การคมนาคม การสื่อสาร สินค้า+บริการแปลกๆ เพื่อตอบสนองกิเลสนักท่องเที่ยวเพื่อเงินเป็นเป้าหมาย ในที่สุด..การเมืองก็เข้ามาแทรกแซงเมื่อเงินมหาศาลเข้ามา.....เป็นการแทรกแซงที่ถูกกฎหมายเสียด้วย
หวังว่าชุมชนจะตื่นตระหนัก เช่นเดียวกับตอนนี้ที่ตื่นตระหนักต่อห้างต่างชาติที่มาขยี้ค้าปลีกเราด้วยเถิด
มีพันกว่าสาขาแล้วนึกได้ ยังดีครับ ดีกว่าอาเจนตินาที่โดนทั้งประเทศแล้วถึงเพิ่งรู้สึก
คุณจันทร์เมามาย
เราไม่สามารถทานการท่องเที่ยวกระแสหลักได้...มีเวทีหนึ่ง ที่ผมให้ข้อคิดเห็นในเวทีเรื่อง การปรับตัวของชุมชนในการรองรับการท่องเที่ยว
มีอาจารย์ท่านหนึ่ง ติงผมว่า พูดแบบผมก็หมายถึงเรายอมรับการท่องเที่ยวเข้าไปในชุมชนเต็มๆ ซึ่งอันตรายมาก
ผมก็มองว่า เราต้านกระแสไม่ได้ ในอนาคตการท่องเที่ยวรุกคืบเข้าไปแน่ๆ การท่องเที่ยวที่ไม่สรา้งสรรค์ ทำร้ายชุมชน แต่ทางกลับกัน การจัดการ บริหารให้ชุมชนลองคิด ลองจัดการชุมชนเพื่อรองรับการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการวิจัยก็ดี การพัฒนาก็ได้...ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องจำเป็น
ตื่นตระหนกไว้ก่อนก็จะดี สำหรับเรื่อง "การท่องเที่ยวโดยชุมชน"
ขอบคุณท่านจันทร์เมามายครับ