ผมเพิ่งกลับมาจากค่าย...ถึงบ้านเกือบเที่ยงคืน..เพราะวันนี้มีกิจกรรมการแสดงรอบกองไฟ
ค่ายครั้งนี้...ไม่ได้เข้มข้นเหมือนค่ายบำบัดยาเสพติดที่ผ่านมาของพวกเรา
เพราะเป็นค่ายป้องกันยาเสพติดในกลุ่มนักเรียนมอปลาย
ผมเห็นว่า...น้องนักเรียนเกือบร้อยชีวิต...เป็นเมล็ดพันธุ์ที่งดงาม
และเป็นแกนนำในการสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดให้กับตนเองและผู้อื่นได้มากมาย
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ประทับใจผม...จนต้องอดตาหลับขับตานอนมาเขียนบันทึกไม่ได้
เพราะกลัวตื่นมาพรุ่งนี้...ผมจะลืมความรู้สึกของตนเองครับ...
ในภาคบ่ายมีการเข้ากลุ่มย่อย...ผมอยู่กลุ่มสีฟ้าครับ...น้องผู้ชาย 2 คน..ผู้หญิง 11 คน รวม 13 ชีวิต
มีใบงาน คือ...ทบทวนชีวิต...และ...ถนนชีวิต...
และในการนำเสนอถนนชีวิตของแต่ละคนให้เพื่อนๆ ในกลุ่มฟัง
มี 2 ชีวิตครับ...ที่มีความเหมือน...ซีรีย์เกาหลี...ที่ผมกำลังเริ่มดู
เรื่อง....Spring Days...
เนื้อเรื่องส่วนชีวิต...ที่เหมือนชีวิตของน้องในกลุ่มของผม คือ...
Jung-eun…นางเอกของเรื่อง...ถูกแม่ทิ้งให้อยู่กับคุณตา ...เมื่อเธอสืบรู้ว่าแม่อยู่ที่ไหน เธอก็ไปตามหา
และพบว่าแม่ของเธอแต่งงานใหม่ มีครอบครัวที่อบอุ่นครอบครัวใหม่
ความที่เธอเป็นเด็ก จึงไม่รู้จะทักแม่อย่างไร เธอจึงไปยืนอยู่หน้าร้านของแม่
แต่แม่จำเธอไม่ได้ และไล่เธอออกไปไม่ให้ยืนขวางหน้าร้าน
ทำให้เธอเสียใจมากจนไม่ยอมเปล่งเสียงใดๆ ออกมาอีกเลยนับจากนั้น.......
ส่วนเรื่องราวถนนชีวิตของน้องผู้หญิงคนแรก...ในกลุ่มผมก็เช่นกัน...
น้องอยู่มอห้า...อยู่กับยาย...แม่หายสาบสูญ (ตาย) ตั้งแต่เด็ก
เมื่ออยู่มอหนึ่ง....ออกตามหาพ่อโดยคำบอกเล่าของยาย...ซึ่งยายทัดทานว่าไม่อยากให้ตามหา...
แต่ตนเองก็อยากเจอพ่อสักครั้งในชีวิต
เมื่อเจอพ่อแล้ว...พ่อไม่รับว่าน้องคือลูก...และไม่ยอมรับ
ถึงผมไม่อยู่ในเหตุการณ์...เด็กหญิงมอหนึ่ง....คงเสียใจเจียนตาย และทุกข์ทรมานแสนสาหัส
เหมือน Jung-eun ที่ผมดู....หญิงสาวใบ้ผู้มี...อดีตฝังใจ เธอไม่ยอมพูดตั้งแต่ได้รับการปฎิเสธจากแม่ของตัวเอง
และน้องผู้ชายมอสี่อีกคน...เรื่องราวคล้ายกันมาก
อยู่กับตาและยาย...แม่ไปมีครอบครัวใหม่
ตอนมอสอง...ออกไปหาพ่อ...อยากกอดพ่อสักครั้งในชีวิต
พ่อได้ออกบวชอยู่ในวัด...หลวงพ่อจำไม่ได้เช่นกันในตอนแรก
แต่ตายายที่ไป...จึงยืนยันว่าเป็นลูก....แต่หลวงพ่อบอกว่าละทางโลกแล้ว
อารมณ์ที่อยากจะกอดหลวงพ่อไม่เหลือแล้ว
ทุกวันเหลือแต่อ้อมกอดของตากับยาย...
ผมได้ฟังเรื่องราวของน้อง...ผมต้องเก็บอารมณ์ไว้ข้างใน
เพราะผมต้องควบคุมสถานการณ์ให้อยู่และดำเนินต่อไปได้
(ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงปล่อยโหเช่นกันครับ)
ส่วนน้องในกลุ่มที่เหลือ...ทั้งผู้หญิง...ผู้ชาย....น้ำตาไหลทะลัก...จนหากระดาษชิชชูไม่ได้
ผมจึงบอกให้เอาผ้าพันคอซับน้ำตา...
ผมได้นำพาจิตใจของน้องๆ ที่มีพ่อมีแม่อยู่...ให้รู้สึกรักและกตัญญูท่านมากๆ
และพวกเราที่ไม่ผ่านเหตุการณ์เหมือนเช่นน้องทั้งสองคน
ควรให้กำลังใจ และปลอบประโยนน้องทั้งสองที่เล่าเรื่องราวที่มีคุณค่าให้เรามีโอกาสทบทวนชีวิตตนเอง
และภาพที่ผมเห็นตอนแรกๆ ตั้งแต่ก่อนเข้ากลุ่ม... น้องทั้งหลาย...จะไม่ชอบฟังเรื่องราวของคนอื่น...คุยกันบ้าง...แหงนมองฟ้า...นั่งหลับบ้าง...
พอเพื่อนทั้งสองเล่าเรื่องราวนี้....กลับเงียบและตั้งใจฟังด้วยความอ่อนโยนและเห็นใจ
ผมก็ได้บทเรียนให้กับชีวิตของผมเช่นกัน
หลายครั้ง...ความทุกข์...ก็นำพาให้เกิดความสุข
เมื่อฝนตกหนัก...ลมแรง...และเหน็บหนาว...
อีกไม่นานก็จะเป็นฤดูใบไม้ผลิ
ให้ชีวิตได้มีพลัง...พร้อมที่จะผลิดอก...และเบ่งบานอีกครั้ง....
เรียนน้องทิม ดาบ จัดค่าย ฟังเด็กพูด ฟังเด็กคิด ฟังเด็กแก้ปัญหา ก็พบว่า ที่เราคิดแก้ปัญหาให้เด็ก เราแก้ไม่ถูกจุด และไม่ได้ผล ..เพราะไม่ได้แก้ที่ใจ
น่าเห็นใจในปัญหาชีวิตเช่นนี้ ขอให้กำลังใจทุกคนค่ะ..
- เป็นกำลังใจด้วยอีกคนนะครับ
ชยพร แอคะรัจน์
(John C. Maxwell)
"หลายครั้ง...ความทุกข์...ก็นำพาให้เกิดความสุข"
เขียนตกไปค่ะ ยกนิ้วให้เป็น Happy Ba++++++++ ค่ะ