วันนี้หมอแจ้งผลการอนุมัติยาฉีดอินเตอเฟอรอนและยากินไรบาไวริน หมออธิบายว่าการรักษาด้วยยาต้านไวรัสไม่หายขาดทุกรายโดยเฉพาะสายพันธ์ที่1 โอกาสหาย 50-50
ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสสายพันธ์ที่1 ต้องรักษานาน 48 สัปดาห์ เมื่อรักษาไปแล้ว 4 สัปดาห์และตรวจไม่พบเชื้อในเลือดเลย โอกาสหายเพิ่มขึ้นเป็น 90 เปอร์เซนต์
แต่ถ้ายังพบเชื้ออยู่ในสัปดาห์ที่4 หมอจะตรวจซ้ำอีกในสัปดาห์ที่ 12 และ 24 ซึ่งหากยังพบเชื้ออยู่ โอกาสที่จะหายขาดก็จะเกือบเป็นศูนย์
กรณีเช่นนี้หมอจึงแนะนำให้หยุดการรักษาเพราะไม่คุ้มเมื่อเทียบกับโอกาสที่จะหายขาด
เพื่อที่ร่างกายจะได้มีความพร้อมหมอจึงนัดเจาะตับ เพื่อดูความหนาของตับว่าอักเสบไปมากน้อยแค่ไหน หมอถามว่าหรือไม่อยากเจาะ ผมจึงบอกว่ากลัวมีวิธีอื่นไหม หมอบอกงั้นใช้วิธี ไพโบรสแกน ซึ่งคล้ายกับวิธีอัลตราซาวนด์ ประเมินดูพังผืดในตับมากน้อยเพียงใด น่าจะสะดวกกว่าการตรวจชิ้นเนื้อของตับ
นั่นหมายถึงสัปดาห์หน้าจะได้ทำการรักษาจริงเสียที
มาถึงบ้านเลยค้นหนังสือเกี่ยวกับโรคตับที่ได้จากงานเสวนาที่จุฬาฯเมื่อปีที่แล้ว มาอ่านเพื่อทบทวนความรู้เรื่องการรักษา จึงนำความรู้เล็กน้อยมาฝากครับ
ควรปฏิบัติตัวอย่างไรถ้ามีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
เมื่อทราบว่าติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีไม่ควรตกใจหรือกังวลใจมากจนเกินไป เพราะโรคตับอักเสบแบบเรื้อรังต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะพัฒนากลายเป็นโรคตับแข็งหรือมะเร็งตับ
การปฏิบัติตัวตามแบบ 5+1 อ. จะมีส่วนช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ของผู้ป่วยให้มีความสมดุลมากขึ้น
1. แอลกอฮอล์ ควรงดแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด เพราะแอลกอฮอล์มีส่วนสำคัญที่ทำให้ตับอักเสบรุนแรงมากขึ้น โอกาสตับแข็งและเป็นมะเร็งเร็วขึ้น
2.อาหารและยา รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่มากหรือน้อยเกินไป ไม่ควรทานอาหารที่มันหรือหวานมากเกินไป เพราะน้ำตาลที่มากเกินไปจะเปลี่ยนสภาพเป็นไขมันในตับได้ การรัปประทานอาหารหวานหรือดื่มน้ำหวานจะมีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยตับอักเสบรุนแรงและรับประทานอาหารได้น้อย
ควรหลีกเลี่ยงใช้ยาที่มีอันตรายต่อตับโดยเฉพาะยาบำรุง อาหารเสริม สมุนไพร เพราะไม่มีส่วนช่วยให้การอักเสบของตับดีขึ้น
3.ออกกำลังกาย ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง และไม่หักโหมจนเกินไป
4.อ้วน น้ำหนักมากเกินไปจะทำให้เกิดโรคไขมันสะสมในตับมากขึ้น และทำให้มีโอกาสตับแข็งมากขึ้นด้วย
5.อารมณ์ ไม่ควรมีความเครียดมากเกินไป ควรผ่อนคลายและทำใจให้สบาย
6.อื่น ๆ ควรพบแพทย์เป็นระยะ ตามนัด เพื่อติดตามการเปลี่ยแปลงต่างๆของโรคตับอักเสบ รวมทั้งเพื่อค้นหามะเร็งตับใหห้พบในระยะแรกแรก
ควรป้องกันการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น เช่น งดบริจาคโลหิต ไม่ใช้ของมีคมหรือเครื่องใช้ร่วมกับผู้อื่น ผู้ติดเชื้อสามารถดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่นได้ เพราะเชื้อไวรัสตับอักเสบซีไม่ติดต่อทางอาหารหรือน้ำลาย
.............
หลับฝันดีทุกท่านครับ
สวัสดีค่ะ มาอวยพรให้หลับฝันดีเช่นกันค่ะ เพราะเดินทางมาจนจะจะถึงเวลาแห่งการรักษาที่แท้จริงแล้ว สบายๆนะคะ
ได้ทราบข่าวว่า ชายไทยเป็นโรคนี้เป็นจำนวนมาก
เพราะตอนหนุ่มๆ ไม่ได้ป้องกันตัวไว้
เพราะไม่รู้
พอยี่สิบปีผ่านไป เพิ่งจะรู้
เอาใจช่วยครับ
เป็นคนไข้ที่น่ารักมากเลยรู้แล้วบอกต่อ
สวัสดีค่ะคุณพิชัย
เป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมค่ะ คุณพิชัยเป็นคนหนึ่งที่เห็นทองคำในถุงที่เทวดาทิ้งไว้ให้นะคะ
ชื่นชมการใช้โิอกาสที่มีในการทำเพื่อผู้อื่นค่ะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะคุณพ.แจ่มจำรัส
ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ เป็นกำลังใจค่ะ
ขอให้หายไวๆนะคะ
อยากทราบผลการฉีดว่าเป็นอย่างไรบ้างคะ โดยเฉพาะอาการข้างเคียงหลังได้รับวัคซีน เพราะกำลังตกในสถานการณ์เดียวกันค่ะ แต่ตอนนี้เพิ่งพบเชื้อและทราบปริมาณเชื้อไวรัส ซึ่งยังไม่สูงแต่ก็ไม่น้อยค่ะ เลยอยากสอบถาม คุณ พ.แจ่มจำรัสว่าผลเป็นอย่างไรบ้างคะ
สวัสดีครับ คุณ ดรีม
ยาที่ฉีดไม่ใช่วัคซีนนะครับ แต่เป็นยาต้านไวรัส,ไวรัส-ซี ยังไม่มีวัคซีนป้องกันน่ะครับ
เข็มแรก หลังฉีดมีอาการเป็นไข้หนาวสั่น พอถึงตอนเช้าจะปวดหัวทั้งวัน ตอนนี้ฉีดไปแล้ว 21 เข็ม ยังคงมีอาการปวดหัวอยู่ อาการปวดหัวนั่นแล่ะที่ทำให้เกิดความหงุดหงิด ต้องทำสติให้ทันอารมณ์ ไม่งั้นคนรอบข้างจะได้รับผลของอารมณ์นั้น
ผลข้างเคียงหลังฉีดยาอินเตอร์เฟอรอนที่เกิดขึ้นกับผู้เขียน ณ ปัจจุบัน
-ปวดหัว มึนงง ในวันรุ่งขึ้นหลังฉีดยา
-อารมณ์หงุดหงิดง่าย(อาจจะเพราะอาการปวดหัวนั้น)
-มีผื่นขึ้นตามตัว
-ผมร่วงมากขึ้น จนต้องตัดสั้น (ถ้าปล่อยยาวจะฟู)
-น้ำหนักลดลง
-เม็ดเลือดขาวลดลง (เฝ้าระวังโดยการดูผลของเลือดทุกเดือน)
-ผิวซีดลง
-นอนหลับยาก
ข้อแนะนำ
-ก่อนฉีดวัคซีนควรทำร่างกายให้แข็งแรงพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะหากร่างกายอ่อนแอหลังฉีดจะมีผลข้างเคียงมาก เช่น จะปวดหัว อ่อนเพลีย ปวดตามเนื้อตามตัวมากกว่าปกติ
-หลังฉีดควรพักผ่อนด้วยการนอนหลับให้มาก เพราะหากนอนหลับยากก็จะยิ่งทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย นั่นคือผลข้างเคียงก้จะมีผลมากด้วย
-ควรเลือกฉีดในเย็นก่อนวันหยุด เพราะรุ่งเช้าจะได้พักผ่อนให้เพียงพอ
-ฝึกทำสมาธิ ฝึกภาวนา เพื่อรับรู้ให้ทันอารมณ์และร่างกายที่อาจจะเปลี่ยนไปจากเดิม
-อุเบกขา วางใจและน้อมรับสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและในอนาคตที่ไม่อาจจะรับรู้ล่วงหน้าได้
เป็นกำลังใจให้นะคะ..รู้โรคไม่โศกเศร้า รู้บรรเทา รู้เท่าทัน หมั่นรักษาตน ผ่านพ้นทุกข์ภัย
ตอนนี่พ่อป่วยเปนโรคนี้อยู่คะ..อยากทราว่าท้องที่โตขึ้นเรื่อยๆและแน่นแข็งมากนี้เป็นป่วยถึงขั้นไหน..ตอนนี้ไปพบแพทย์แล้วแต่ยังไม่ได้รับยาของโรคนี้โดยตรงมากินเลย...และขอให้คุณแนะนำหน่อยคะว่าต้องไปรักษาที่รพ.ไหนที่ดีหรือเฉพาะทางโดยตรง..ขอบคุณคะ
คุณ pavimon ครับ
อาการท้องโต แน่นแข็ง น่าจะมากกว่าตับอักเสบธรรมดาแล้ว ควรปรึกษาแพทย์ดีกว่าครับ
เป็นกำลังใจให้นะครับ
ตอนนี้เป็นไวรัสซีคะ มีเชื้อ6,000,0000กว่าแต่มาเจอไทรอยคะตอนนี้กินยาไทรอยได้3เดือนคะอยากทราบยาตัวใหม่จะได้ผลดีหรือเปล่าคะ
คุณเสาวณีย์ ครับ
จากการติดตามข่าวผ่านสื่อต่างๆ ยาตัวใหม่ที่กำลังออกมา จะไม่มีผลข้างเคียงเท่าอินเตอร์เฟอรอน
แต่ราคาแพงมากครับ