ดูหนังเรื่อง Le Gout de la Cerise ของ Abbas Kiarostami ได้หลายวันแล้วและไม่คิดว่าจะบันทึกอะไร จนกระทั่งวันนี้ เจอเหตุการณ์ บางอย่างทำให้นึกถึงหนังเรื่องนี้
หนังเรื่องนี้ดำเนินเรื่องไปช้าๆ เป็นเรื่องราวของชายผู้หนึ่งที่ต้องการตายจากโลกนี้ไปเพราะความหดหู่เศร้าหมอง แต่ก็ยังต้องการให้ศพได้รับการฝังอย่างถูกต้อง จึงขับรถไปตามที่ต่างๆ เพื่อจ้างคนที่คิดว่าจะไว้ใจได้ ค่าจ้างจะจ่ายถ้าคนๆนั้นไปเรียกเขาที่หลุมที่เขาตั้งใจไปนอนตายนั้น สามครั้ง ถ้าไม่ได้ยินเสียงตอบรับก็ให้กลบได้เลย เงินก็จะอยู่ในรถ
ดูเหมือนไม่น่าจะยากอะไร กับคนจนที่ต้องการเงินก็คงรับทำทันที แต่เอาเข้าจริงกลับไม่มีใครรับทำงานให้
เป็นหนังที่ฉายความงดงามของความฝันที่แต่ละคนมี เป็นความงามที่สะท้อนผ่านแววตา ท่าทางที่ซื่อสัตย์ แม้จะอยู่ในร่างกายที่ห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้ามอมแมม และผอมโซโดยมีฉากหลังเป็นภูเขาโล้นเลี่ยน ดินลูกรัง มีพระอาทิตย์แสงจางๆ ผ่านหมอกฝุ่นกับกองขยะของเมืองที่คนไม่มีงานทำ
ที่นึกถึงหนังเรื่องนี้ เพราะ พบพานกับคนที่มีความเครียด ผู้ซึ่งพยายามเหวี่ยงความเครียดที่มีใส่กับคนอื่น และทุกข์ร้อนอยู่กับเรื่องเครียดของตัวเองที่สะสมทับถมมาในอดีตจนมองไม่เห็นความเป็นปัจจุบันของการดำเนินชีวิต
ก็นึกเปรียบเทียบว่า คนที่เครียดก็ไม่ต่างจากคนที่ขุดหลุมเพื่อเตรียมตัวตาย พร้อมจะทอดร่างลง ขณะเดียวกันกลับต้องการให้คนอื่นได้รับส่วนแบ่งของความทุกข์ของตน โดยการแสวงหาคนมารับรู้ความทุกข์ไปด้วย
หนังเรื่องนี้จบลง อย่างสวยงาม ภายหลังจากชายผู้นั้นสามารถว่าจ้างคนมากลบหลุมให้ได้แล้ว แต่ในยามค่ำคืนนั้น เมื่อเขาได้ทอดร่างลงในหลุม แหงนเงยเห็นความงามของพระจันทร์ หมู่ดาวที่มีเมฆเคลื่อนผ่าน สวยงาม...ทิ้งท้ายไว้ว่าเขาตายหรือไม่ตาย...
แต่สำหรับคนที่ขุดหลุมอารมณ์ตัวเองด้วยความเครียดแล้ว...หากยังไม่หัดมองสิ่งรอบตัวด้วยมุมที่แตกต่าง...อาจจะไม่สามารถลุกขึ้นจากหลุมอารมณ์นั้นไปตลอดกาล...
ขอบคุณค่ะ คุณชายขอบที่แวะเวียนมาบอกเล่า
บันทึกนี้เขียนเตือนตัวเองว่า หลุมอารมณ์เป็นหลุมที่มีกับดักมากมาย...บางครั้งกับดักนั้นอาจมาในรูปแบบรางวัลล่อใจ ถลำลึกเข้าไปมาก..ก็อาจหลงติดได้ง่าย จนมองไม่เห็นทางออก..
ผมชอบมากครับ ชอบจนคิดว่าจะไปหามาดูให้ได้ บันทึกนี้ของอาจารย์ บวกกับ ต้นทุนเดิมที่คนรักคนห่วงใยพร่ำพูดพร่ำบอกเสมอ ๆ ได้นำมาซึ่ง New Thinking --> Shift Paradigm
วันนี้มีเวลากลับมาดูบันทึกเดิม...เห็นรอยของคุณชายขอบที่ทิ้งไว้..รู้สึกบ้างนิดหน่อยที่ทอดทิ้งไม่ได้กลับมารับผิดชอบบันทึกค่ะ
ป่านนี้คุณชายขอบคงลืมไปแล้ว แต่ก็ยังคิดว่าบันทึกต่ออีกสักหน่อยดีกว่า เพราะเกิดความสงสัยว่า การ shift Paradigm ของคุณชายขอบนั้น เป็นอย่างไรบ้าง....