โครงการ พัฒนาข้าราชการเพื่อความพร้อมสำหรับการเป็นข้าราชการรุ่นใหม่ (Young Civil Servant Camp) รุ่นที่ 1


สวัสดีครับชาว Blog และลูกศิษย์ก.พ. รุ่นที่ 1ทุกท่าน วันนี้ (วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม 2555) เป็นวันปฐมนิเทศและพิธีเปิดของโครงการพัฒนาข้าราชการเพื่อความพร้อมสำหรับการเป็นข้าราชการรุ่นใหม่ (Young Civil Servant Camp) เพื่อแนะนำทฤ...
มีต่อ
เขมิกา ถึงแก้วธนกุล

สรุปการปฐมนิเทศน์ โดย ทีมงาน ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์

ปฐมนิเทศน์ “โครงการพัฒนาข้าราชการเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นข้าราชการรุ่นใหม่”

โดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

27 กรกฎาคม 2555

 

เกริ่นนำ

1. ก่อนอื่นต้องศึกษาดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์ โดย Search จาก Internet

2. หารือ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน

3. เน้นการเรียนแบบ Life Long Learning  และการกระตุ้นให้เกิดความเป็นเลิศ

 

วิเคราะห์สถานการณ์

  • คนที่อยากเป็น Top ของประเทศไทยจริง ๆ อยากเป็นอะไร มีกี่คนที่อยากเป็นข้าราชการ ยกเว้นคนที่ได้ทุน
  • ก.พ.ต้องเข้าใจและมาฝึกคนในห้องนี้เพื่อฝึกความเป็นเลิศ
  • คนที่มีประสบการณ์จะสร้างแรงบันดาลใจให้คนในห้องนี้อยากทำงานมากขึ้น
  • เมื่อได้รับการฝึกฝนอย่างดีจะเป็นข้าราชการที่ยั่งยืนหรือไม่ อย่าคิดเฉพาะวันนี้ ให้คิดระยะยาว

 

สิ่งที่อยากฝากถึง

  • ให้คนในห้องนี้ มีความใฝ่รู้ มีแรงบันดาลใจ ค้นหาตัวเองว่าตอนนี้อยู่ไหน ทุกอย่างจะสามารถฝึกได้
  • ก่อนอื่น ให้คนในห้องนี้มองที่จุดแข็งของตัวเองก่อน อย่าเอาความรู้ใหม่ ๆ ใส่ไปใน DNA ของคุณโดยทันที เรื่องไหนที่คิดว่าปะทะกับตัวคุณแล้วเรื่องนั้นเกิด Value ก็ทำ หมายถึงการเรียนต้องเรียนให้แน่น มีการตอกเสาเข็มก่อน
  • สร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ ให้มี Self Learning
  • การทำงานในอนาคต สถานการณ์เปลี่ยนแปลงมากมาย การคิดแบบ Silo ไม่มีทางรอด สิ่งที่ควรทำคือการคิดอย่างข้ามศาสตร์
  • ถ้าทำดี จะทิ้งมรดกการสร้างทรัพยากรมนุษย์อย่างถาวรให้กับประเทศของเรา

 

คำถามปลูกทุนมนุษย์ในชีวิตครั้งแรกปลูกตอนไหน

  • ตอบ เริ่มต้นยังไม่เข้าใจความหมายทุนมนุษย์ที่แท้จริงว่าทุนมนุษย์คืออะไร ในความหมายคิดว่าปลูกทุนมนุษย์ครั้งแรกตั้งแต่การปฏิสนธิ
  • อาจารย์จีระ เสริมว่า ตั้งแต่ครอบครัว การเข้าโรงเรียน เข้าวัด การปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม
  • อย่างในหลักสูตรนี้ไม่ต้องเก่งก่อนแต่ให้เริ่มมีคุณธรรมจริยธรรมที่ดี

ฝากไว้

  • ถามว่า Contribution คืออะไร การเป็นข้าราชการทำแล้วได้อะไร มีประโยชน์อย่างไร อย่างไรก็ตาม ขอให้เน้นเรื่องจิตสาธารณะ การปลูกทุนมนุษย์แม้ว่าปลูกมาแล้ว แต่ขอให้ปลูกชั่วชีวิต หาความรู้ตลอดเวลา

1.อุดมการณ์

2.การเรียนรู้

3.คุณค่าในชีวิตของคน  ไม่ทำร้ายสังคม ช่วยสังคม

การเป็นข้าราชการมีพื้นที่มหาศาลในการทำประโยชน์  ถามว่าชีวิตตัวเองต้องการอะไร

สรุปคือ  สิ่งแรกที่ต้องคิดเยอะคือ เป็นข้าราชการเพื่ออะไร   ต้องคิดล่วงหน้า คิดเป็น คิดเยอะ คิดไกล

  • หลักสูตรเป็นหลักสูตรสร้างพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่ต่อสู้กับความเสี่ยงในประเทศของเรา
  • อย่าชนะเร็ว ๆ ค่อย ๆ ชนะ เน้นความต่อเนื่อง ต่อเนื่อง และต่อเนื่อง เป้าหมายที่แท้จริงของข้าราชการคือความใฝ่รู้
  • ภาษาไทยอย่าทิ้ง และให้เริ่มสนใจภาษาอังกฤษอย่างแท้จริงมากขึ้น

 

 

ทฤษฎีตัว D

การเกิด Diversity แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ในแต่ละส่วนว่าทำอะไรกันบ้าง ต้องรู้จักส่วนอื่น ๆ เช่น หน่วยงานอื่น ภาคเอกชน NGOs เป็นต้น

 

ปัญหา

  • แบบอย่าง Role Model ในระบบราชการไทยหายไป 
  • การให้อำนาจ มีการโกงอย่างมหาศาล
  • ในห้องนี้มีโอกาส Potential แต่ขาดอย่างเดียวคือ Experience ให้พยายามหา Experience ให้มากที่สุด

 

หลักการและเหตุผล

  • ข้าราชการยุคใหม่มีทั้ง Permanent Crisis และ Multiple Crisis
  • สร้างความสามารถทางการแข่งขัน
  • พัฒนาอย่างต่อเนื่อง
  • ปลูกฝังแนวทางที่ดี

 

วัตถุประสงค์หลัก

  1. สร้างความเข้าใจบทบาท หน้าที่ และปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมของข้าราชการที่ดีตามแนวทางพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
  2. พัฒนาวิสัยทัศน์ ความรู้ ทักษะ ทัศนคติ มีศักยภาพที่พร้อมต่อการทำงานในยุคโลกาภิวัตน์ การเตรียมพร้อมก้าวสู่ประชาคมอาเซียน
  3. เสริมสร้างความรู้เพื่อการสร้างและบริหารทีมงาน (Effective Teamwork) อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
  4. จุดประกายเรื่องการเรียนรู้ ความใฝ่รู้ การตื่นตัวและตระหนักถึงการพัฒนาตนเองและองค์กรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการปลูกฝังวัฒนธรรมในการเรียนรู้ซึ่งจะทำให้องค์การพัฒนาให้ไปสู่ความก้าวหน้าอย่างยั่งยืน
  5. สร้างเครือข่าย (Network) และแนวร่วม (Partners) และสามารถนำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาสร้างโอกาสต่าง ๆ และมูลค่าเพิ่มแก่องค์การและสังคม

 

ทฤษฎีการเรียนรู้ 4L’s

  • Learning Methodology   มีวิธีการเรียนรู้ที่ดี
  • Learning Environment   สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้
  • Learning Opportunities   สร้าง/เกิดโอกาสจากการเรียนรู้
  • Learning Communities   สร้าง/เกิดชุมชนแห่งการเรียนรู้

 

 

*** ข้อดีของการเรียนยุคต่อไปคือเอาปัญญาไป Solve Problem

 

ทฤษฎี 2 R’s

  • Reality - มองความจริง      
  • Relevance - ตรงประเด็น    

*** ตรงประเด็นคือ Equip ตัวเองให้เป็นทุนมนุษย์ที่เข้มแข็ง

ดีแล้วต้องเก่ง

 

ทฤษฎี 2 I’s

  • Inspiration – จุดประกาย
  • Imagination - สร้างแรงบันดาลใจ

เก่งไม่เก่งอย่างไรก็ตามต้องพบกับปัญหา

 

ทฤษฎี 3 L’s

  • Learning from pain   เรียนรู้จากความเจ็บปวด
  • Learning from experiences    เรียนรู้จากประสบการณ์
  • Learning from listening    เรียนรู้จากการรับฟัง

 

C-U-V

  • Copy
  •  Understanding
  •  Value Creation/Value added

** ต้องยกย่องสิ่งที่เป็นรากฐานของสังคมให้ได้ ตัวอย่างเกาหลี มีระเบียบวินัย และมุ่งมั่นทำเพื่อส่วนรวม

 

วิธีการเรียนรู้

  • การเรียนเป็นทีม (Teamwork)
  • การทำ Workshop
  • อ่านบทความดี ๆ ทุกวัน
  • การทำการบ้าน (Assignment) ผ่าน Blog   
  • การร่วมวิเคราะห์แลกเปลี่ยนความคิดเห็น (Brain storming) จากกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นจริง (Case study& Best Practice) เช่นที่ผ่านมามีการศึกษา เรื่อง Social Innovation, Change Management ฯลฯ
  • มีการวัดและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง (Evaluating) ตลอดโครงการฯ
  • ทุกวันจะมีการเขียนรายงานสรุปว่า“วันนี้ได้รับประโยชน์อะไรบ้างจากการเรียนรู้ – Lesson learn ของเรา คืออะไร?”

 

สิ่งที่ข้าราชการไทยต้องฝึกการเรียนรู้ และมีศักยภาพทางด้าน

  1. Professionalism
  2. Internationalism
  3. Positive Attitude พร้อมที่จะเรียนรู้จากความล้มเหลว สำเร็จ  เรียนได้ และต่อสู้ได้
  4. ต้องมีการตัดสินใจที่ดี
  5. ต้องสรุปให้ได้ จับประเด็นให้ได้
  6. การเป็นหนึ่งเดียวกับองค์กร รักองค์กร และมีความผูกพันกับองค์กร
  7. Diversity ต้องยกย่องเพื่อนร่วมงานของเรา ไม่มีช่องว่างความแตกต่างกัน
  8. ต้องใฝ่รู้
  9. มีความคิดสร้างสรรค์

10. การมีคุณธรรม จริยธรรมที่ดี

11. วิธีการนำเสนอโครงการ  เป็นต้น

คำถาม ตั้งแต่บ่ายโมง 15 ถึง บ่าย 2 โมง 15  ที่อาจารย์จีระพูดสิ่งที่กระทบกับตัวท่านคืออะไร

แสดงความคิดเห็น

  1. การมีทุนของข้าราชการพันธ์ใหม่ ต้องมีการเรียนรู้ ใฝ่รู้
  2. ข้าราชการพันธ์ใหม่ต้องเป็นคนดี และคนเก่ง เก่งการเรียนรู้ เก่งพัฒนาในทุกด้าน

ดร.จีระ  กล่าวว่าในหนังสือ 8K’s 5K’s เน้นการเอาคุณธรรม จริยธรรมมาก่อน แล้วค่อยเอานวัตกรรมมาใช้ที่หลัง  เป็นคนดีก่อนค่อยทำในสิ่งที่สร้างสรรค์  คนเราจะเด่นได้ต้องมีคนชื่นชมเรา สรุปคือตัวของคุณต้องกล้าเน้นความดี อะไรที่ไม่ดีข้าราชการต้องกล้ารวมตัวแสดงความคิดเห็น ฝึกคนให้กล้าปกป้องประเทศของเรา  เราต้องไม่มีทฤษฎีคำว่า Fear อยู่ในสมอง

 

ความคาดหวังจากข้าราชการพันธุ์ใหม่ หรือ New Blood

  1. ผ่านการอบรมในครั้งนี้
  2. การจุดประกายที่ทำให้อยากเรียนรู้ต่อไป
  3. คุณธรรม จริยธรรม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากในการทำงาน
  4. อยากมีความรู้และประสบการณ์ใหม่ ๆ จากเพื่อน ๆ ต่างหน่วยงาน
  5. อยากรู้จักความสัมพันธ์ใหม่
  6. การมีความสามัคคีในการทำกิจกรรมร่วมกัน
  7. สร้างแรงบันดาลใจ และกระตุ้นให้เป็นข้าราชการพันธุ์ใหม่บนแนวทางที่ถูกต้อง ดีงาม

การบ้าน  : อ่านหนังสือ 8 K’s 5K’s นี้ดีอย่างไรต่อการเป็นข้าราชการรุ่นใหม่ ส่งภายในวันพุธที่ 1 สิงหาคม 2555 ผ่านทาง Blog Chiraacademy

 

เขมิกา ถึงแก้วธนกุล

สรุปการนำเสนอโดยทีมงาน ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์

แนะนำวิธีการคิดและนำเสนอโครงการนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาข้าราชการไทย

โดย อาจารย์กิตติ ชยางคกุล

วันที่ 27 กรกฎาคม 2555

 

สิ่งที่ต้องการคือ

  • Learning Environment เป็นการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ร่วมกัน  อยากให้เป็นเวทีที่พูดกันได้และแลกเปลี่ยนได้ เป็นการรับผิดชอบร่วมกันเพื่อนำเสนอในวันที่ 8 ส.ค. 55
  • นวัตกรรมเพื่อพัฒนาข้าราชการไทย เริ่มต้นจากการแสดงความคิดเห็นว่าทำไมต้องพัฒนาข้าราชการไทย เราดีอยู่แล้วหรือไม่ จุดแข็งของเราคืออะไร จุดอ่อนของเราคืออะไร

แสดงความคิดเห็น

จุดอ่อนของข้าราชการไทยคือ

  1. คอรัปชั่น
  2. เรื่องมารยาทการปฏิบัติตัวกับผู้มาติดต่องาน
  3. พัฒนาข้าราชการไทยเพื่อรองรับสู่ประชาคมอาเซียน
  4. พัฒนาระเบียบวินัยของข้าราชการ เช่นการมาทำงาน การแต่งกาย
  5. การพัฒนาระเบียบ กฎหมาย มีกรอบมากเกินไป ทำให้กำจัดสิ่งที่เป็นข้อผูกมัด ไม่เป็นอิสระในการใช้
  6. จริยธรรม คุณธรรมของข้าราชการ ปัจจุบันวัดจากตัวชี้วัด KPI อยากให้มีการส่งเสริมพื้นฐานด้านคุณธรรม จริยธรรมให้เยอะมาก

ตัวชี้วัดคุณธรรม จริยธรรมจาก KPI วัดได้อย่างไร วัดได้แค่ดีขึ้น

ระบบราชการมีปัญหา อยากให้เวทีนี้สะท้อนอะไรบ้าง

  • ปัญหาอะไร แล้วเสนอโครงการอะไรที่แก้ปัญหาเหล่านั้น ตัวอย่างเช่นระเบียบวินัย อันไหนดี อันไหนไม่ดี เราจะแก้อย่างไร  โครงการที่ออกมาเป็นรูปแบบไหน สร้างเวทีในการแลกเปลี่ยนกัน  ต้องพัฒนาระบบบางอย่างที่ทำให้ระบบราชการไทยดีขึ้น
  • ตัวอย่างเช่น ปัญหาของระบบข้าราชการไทยมีเรื่อง องค์กร บุคลากร ระบบ ค่านิยม วัฒนธรรมองค์กร คุณธรรม จริยธรรม
  • โครงการที่จะทำต้องไปแก้ที่รากของปัญหา

ค่านิยมที่ข้าราชการไทยพึงละ หรือลด

  1. ค่านิยมในการใช้อำนาจในทางมิชอบ
  2. ระบบพวกพ้อง
  3. ค่านิยมต้องการเป็นเจ้าคนนายคน ทำให้เกิดทัศนคติแบ่งแยก หรือเลือกปฏิบัติ
  4. ค่านิยมในการประจบสอพลอ
  5. ค่านิยมที่ชอบความสะดวกสบายและเกียจคร้าน

*** โครงการนี้จะทำให้เปลี่ยนค่านิยมที่ไม่ดีเหล่านี้จะทำอย่างไร

 

  • จริยธรรมที่ข้าราชการสมควรประพฤติปฏิบัติ  ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด
  • สิ่งที่ได้จากการปะทะกันทางปัญญาคือสิ่งที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ
  • ให้คิดว่า ณ ปัจจุบัน Position ของเราอยู่ตรงไหน ปัญหาคืออะไร แล้วเราต้องการอะไร เป้าหมายที่ต้องการคืออะไรคือเป้าหมาย  สู่การสร้างโครงการเพื่อให้เกิดศักยภาพที่พึงมีของข้าราชการเกิดขึ้น
  • การพัฒนาขีดสมรรถนะและวัฒนธรรมการทำงานของบุคลากรและหน่วยงานภาครัฐ เน้นเรื่อง พัฒนาผู้นำ การบริหาร ทีมงาน องค์กร

โครงการนวัตกรรมเพื่อพัฒนาข้าราชการไทย

  • ข้าราชการไทยเป็นอย่างไร
  • การพัฒนาข้าราชการไทย พัฒนาอะไร
  • ดำเนินการอย่างไร
  • ปัจจัยที่เป็นอุปสรรค หรือปัจจัยเกื้อหนุน คืออะไร แล้วจะจัดการหรือนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างไร

ตัวอย่าง เช่นต้องการสร้างข้าราชการต้นแบบ Role Model ที่ถือเป็นแบบอย่างไร  เร่งสร้างบุคลากรของเราให้เป็น Pilot Project   การแก้ไขสิ่งที่เป็นอุปสรรค ต่อ Role Model ต้องทำอย่างไร

โครงการสรางปมเงื่อนข้าราชการไทย คิดพัฒนาสิ่งไม่ดีให้ดีขึ้น หรือสร้างสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้เด่นขึ้นเป็นต้น  

การนำเสนอ

  • เราต้องเสนอโครงการนำเสนอพัฒนาข้าราชการไทย  จะนำเสนอในลุ๊กซ์ไหน แต่งกายอย่างไร

องค์ประกอบของการนำเสนอ

  • วัตถุประสงค์การนำเสนอต้องชัด และวิเคราะห์ผู้ฟัง
  • การวางโครงสร้างเนื้อหาการนำเสนอ แบ่งสัดส่วนการนำเสนอให้ดี
  • วิธีการนำเสนอ ใครเป็น Presenter ที่ดี (อย่าเลือกหัวหน้า  หัวหน้าต้องให้โอกาสลูกทีมเกิดเสมอหัวหน้า เลือกคนที่เราคุยกับเขาแล้วรู้เรื่อง หา Candidate)
  • กำหนดระยะเวลาการนำเสนอ

การกำหนดวัตถุประสงค์และวิเคราะห์ผู้ฟัง

  1. นำเสนอเพื่ออะไร

-          เพื่อทราบ

-          เพื่อพิจารณา

-          เพื่อพิจารณาอนุมัติ

การวางโครงสร้างเนื้อหาการนำเสนอ แบ่งสัดส่วนการนำเสนอให้ดี

  1. สถานการณ์และการวิเคราะห์สถานการณ์ ความท้าทาย
  2. ข้อเสนอพร้อมเหตุผลสนับสนุน
  3. ผลที่คาดหวัง ทั้งต่อองค์กรและสังคม
  4. Recommendations
  5. Q&A

วิธีการนำเสนอ

1.วิเคราะห์ผู้ฟัง

2.การใช้สื่อประกอบการนำเสนอ

3. Materials

 

เรื่อง มารยาทของข้าราชการต่อประชาชนที่เข้ามารับบริการจากหน่วยงานของรัฐ

ตัวอย่างเช่น พบปัญหาว่าข้าราชการเหมือนใช้คำสั่งเหมือนเจ้านายมากกว่าบริการประชาชน

 สิ่งที่ต้องทำ

  • คือการปัดฝุ่น Service Mind  และการพัฒนา Service Mind ให้สอดคล้องจะดำเนินการอย่างไรที่ต้องปะทะกับประชาชน
  • พัฒนาลงที่ตัวบุคคล และสร้างวัฒนธรรมองค์กรด้วย KPI ที่ต้องทำคือการปะทะกันทางปัญญา
นายชาญศักดิ์ คูคีรีเขต
       สิ่งที่ได้จากการเข้าอบรม "โครงการพัฒนาข้าราชการเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นข้าราชการรุ่นใหม่" วันที่ 27 กรกฎาคม 2555  คือ ได้รู้ถึงวัตถุประสงค์หลักของการอบรม และคำแนะนำให้รู้ถึงวิธีการเรียนรู้อย่างมีขั้นตอน ทำให้จุดประกายความอยากที่จะเรียนรู้ อยากหาประสบการณ์เพิ่มเติม จากอาจารย์ หรือจากเพื่อนๆต่างสำนักงาน ต่างหน่วยงาน

ตระหนักถึงความสำคัญ คุณค่าในอาชีพข้าราชการ

พนัส เหลี่ยมสมบัติ

สิ่งที่ได้รับจากการเข้าร่วมการปฐมนิเทศน์ "โครงการพัฒนาข้าราชการเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นข้าราชการรุ่นใหม่" ในวันนี้นั้น ทำให้ทราบว่ายังมีผู้ที่คิดและกล้านำเสนอในสิ่งที่เกดขึ้นจริงและมีมานานเกี่ยวกับทุนมนุษย์ในระบบราชการและการพัฒนาสังคมไทยอย่างตรงไปตรงมา เน้นย้ำว่าประเทศไทยได้มีการพัฒนาทุนมนุษย์มาแบบผิดที่ผิดทางมาโดยตลอด จนกระทั่งยอมรับในสิ่งที่ทำว่าเป็นแบบแผนที่ถูกต้อง สมควรแก่การประพฤติปฏิบัติไปโดยปริยาย ดังนั้น เมื่อได้มารับฟังถึงวัตถุประสงค์และรายละเอียดหัวข้อที่จะมีการบรรยายในวันต่อๆ ไป ก็คิดว่าตนเองน่าจะได้รับแนวความคิดหลายๆ อย่างที่บางอย่างก็อาจจะตรงกับความคิดแต่เดิมของเราอยู่แล้ว หรือบางอย่างก็เป็นสิ่งที่ขัดกับความคิดหรือความรู้สึกของเรา ซึ่งก็จะเป็นการฝึกฝนในเรื่องของการเปิดใจรับฟัง (Opened-Mind) แต่ไม่ได้หมายความว่าเปิดใจยอมรับทันที จะต้องผ่านการพินิจพิเคราะห์ให้รอบด้านเสียก่อน หรือบางอย่างอาจจะเป็นสิ่งที่เราไม่เคยรู้หรือไม่ได้คาดคิดว่าจะได้รู้มาก่อนเลย ทำให้เราได้โอกาสในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพิ่มเติมเข้ามา ดังนั้น จึงขอสรุปสิ่งที่ได้รับจากการเข้าร่วมการปฐมนิเทศน์ในวันนี้ คือ 1.ได้รับโอกาสในการฝึกฝนการคิดวิเคราะห์ 2.ได้รับโอกาสในการฝึกให้เป็นคนใจกว้าง 3.ได้รับโอกาสในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

สิ่งที่ได้รับจากการอบรมสัมมนาโครงการ"พัฒนาข้าราชการเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นข้าราชการรุ่นใหม่" young civil servant camp ในวันนี้คือ ได้รับแนวความคิดในการที่จะพัฒนาทุนมนุษย์ เพื่อนำมาปรับใช้ในการทำงานให้เกิดประโยชน์ ทำให้เราได้แรงบันดาลใจในการที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อเตรียมพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนในอีกสองปีข้างหน้านี้

สิ่งที่ได้รับจากการอบรมในวันนี้คือ ได้รับแนวคิดในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ให้สมกับที่เป็นข้าราชการพันธุ์ใหม่ เพราะการทำงานที่ดีนั้นต้องมีการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพราะประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศสมาคมอาเซียน จึงต้องได้รับการพัฒนาให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีกว่าเดิม

พิมพ์บุญญา บุณยพิพิธ

สิ่งที่ได้รับจากการเข้าร่วมการปฐมนิเทศน์ "โครงการพัฒนาข้าราชการเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นข้าราชการรุ่นใหม่" ได้เรียนรู้ถึงการปลูกต้นทุนมนุษย์ที่มีมาตั้งแต่เราเป็นเด็กโดยทางครอบครัวและโรงเรียนที่มีการปลูกฝังให้เราได้เรียนรู้ ซึ่งการเรียนรู้นั้นไม่มีที่สิ้นสุดถึงแม้ว่าจะเริ่มทำงานแล้วการเรียนรู้ก็มีได้ตลอดเวลาและเราต้องมีความกระหายในการเรียนรู้เรื่องต่างๆรอบตัวเราอยู่เสมอ การจะพัฒนาตัวเองควรอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรมจริยธรรมนอกจากจะเป็นคนเก่งแล้วยังต้องเป็นคนดีอีกด้วย การจะเป็นข้าราชการที่ดีนั้นนอกจากมีอุดมการณ์ที่ชัดเจนแล้วยังต้องรักในการเรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัวเราอยู่ตลอดเวลาไม่หยุดนิ่ง ได้รับแรงบันดาลใจเพื่อจุดประกายการเรียนรู้และการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆให้กับระบบราชการไทย ได้รับความรู้ในการนำเสนอและแนวคิดเกี่ยวกับโครงการนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาข้าราชการไทย การสร้างนวัตกรรมใหม่ต้องมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนว่าเราทำเพื่ออะไร

นายเจมวิทย์ จันฤาชัย
    ความรู้ที่ได้รับจากการอบรม ได้ทราบหลักการการพัฒนาตนเองสู่การเป็นข้าราชการรุ่นใหม่ โดยการดึงศักยภาพที่เป็นจุดแข็งของตนเองมาพัฒนาและใช้ให้มีประสิทธิภาพ พร้อมกับการพัฒนาจุดอ่อนที่เป็นอุปสรรคของตนให้ได้รับการพัฒนา โดยการเรียนรู้อย่างช้า ๆ แต่เป็นการเรียนรู้ในฐานแห่งความถูกต้อง แล้วบูรณาการความรู้ที่มีใช้ในการปฏิบัติงานราชการ และนำไปต่อยอดความรู้ต่างๆ เพื่อพัฒนาตนเองต่อไป
    องค์กรหรือประเทศจะพัฒนาได้หรือไม่นั้น ตัวบุคลากรเป็นตัวแปรที่สำคัญ ไม่ใช่เฉพาะคนที่มีความรู้ ความสามารถเท่านั้น แต่ต้องมีความซื่อสัตย์ สุจริต หรือที่เราเรียกกันว่าธรรมาภิบาลประกอบอยู่ด้วย ซึ่งองค์ประกอบที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ถือเป็นฐานรากที่สำคัญในการพัฒนาองค์กรและประเทศต่อไป

สิ่งที่ได้รับจากการปฐมนิเทศ โครงการ "พัฒนาข้าราชการเพื่อเตรียมความพร้อม สำหรับการเป็นข้าราชการยุคใหม่" ก็คือ 1.ได้รู้วัตถุประสงค์ของโครงการ 2.ได้รู้จักเพื่อนข้าราชการใหม่จากทั้ง 4 หน่วยงาน 3.หลักการเบื้องต้นในการพัฒนาความคิดของการเป็นข้าราชการยุคใหม่ 4.สร้างแรงบันดาลใจในการเป็นข้าราชการยุคใหม่ที่ทั้งเก่งและดี

นางสาวจริยา มณีกาศ

สิ่งที่ได้จากการเข้าอบรม "โครงการพัฒนาข้าราชการเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นข้าราชการรุ่นใหม่" วันที่ 27 กรกฎาคม 2555 คือได้หลักการ แนวคิด และวิธีการ ที่จะสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ สามารถที่จะพัฒนาตนเองทั้งใน ด้านของคุณธรรม จริยธรรม และนวัตกรรม เพื่อจะผลักดันให้เดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง ดีงาม ต่อไป

นายจักริน ศุภจัตุรัส

สิ่งที่ได้รับจากการฟังการบรรยายในวันนี้ คือ ข้าราชการใหม่ทุกคนต้ปผองมีความพร้อมในทุกๆด้านเพื่อเพิ่มศักยภาพของตัวเองให้ก้าวทันกับการ เปลี่ยนแปลงที่จะก้าวสู่ประตูอาเซียนโดยที่ข้าราชการทุกคนควรมีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ข้าราชการควรทำงานอย่างมืออาชีพมีความเป็นสากลมีความคิดเชิงบวก

สิ่งที่ได้รับจากการเข้าร่วมการปฐมนิเทศน์ "โครงการพัฒนาข้าราชการฯ" คือการได้ร่วมแลกเปลี่ยนทัศนคติและมุมมองที่หลากหลาย เพราะบางครั้งตัวเราเองนั้นอาจจะคิดอย่างหนึ่งเพื่อนๆ อีกหลายคนอาจคิดอีกอย่างหนึ่ง ในสิ่งนี้ถ้าทุกคนนำมาแลกเปลี่ยนกันเพื่อหาข้อสรุป แล้วนำมาแก้ไขกับระบบราชการของไทยโดยมุ่งเน้นให้ประชาชนผู้รับบริการได้รับประโยชน์สูงสุด ผู้บริการ (ข้าราชการ) เองก็มีความสุขกับงานที่ทำ เท่านี้ก็ถือว่าความสำเร็จและความเจริญของประเทศก็มีชัยไปกว่าครึ่ง

การปฐมนิเทศน์ “โครงการพัฒนาข้าราชการเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นข้าราชการรุ่นใหม่” เป็นการได้เปิดวิสัยทัศทางความคิดในเชิงบวกให้มองจุดแข็งที่มีในตัวเองก่อนเพื่อพัฒนาให้ตัวเองประสบความสำเร็จ รวมถึงการแลกเปลี่ยนความคิดทัศนคติในการแก้ไขระบบราชการไทยในปัจจุบัน : ข้าราชการ ข้าของแผ่นดิน ต้องเป็นคนดี คนเก่ง และต้องเป็นคนที่มีความสุจริต

สิ่งที่ได้รับจากการเข้าร่วมการอบรม คือ ได้ร่วมแชร์ความคิดในการที่เราจะพัฒนาระบบข้าราชการไทย ซึ่งเราอาจจะมองเห็นปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ในวงสังคมข้าราชการในปัจจุบันว่า มีทั้งการคอรัปชั่น มารยาทในการให้บริการ และความสามัคคีกันในกลุ่มงานที่ปฏบัติงานอยู่ โดยที่เราจะต้องปลูกฝังหรือฝึกตัวเองให้มีระเบียบวินัย มีความรักความสามัคคี มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อเพื่อนร่วมงาน เพราะสิ่งเหล่านี้เราอาจจะแก้ไขที่ตัวบุคคลอื่นไม่ได้ เราจะต้องเริ่มแก้จากตัวเราเองก่อน หากเราแก้ไขตัวเราเองแล้วลำดับต่อไปเราจึงมาคิดแก้ไขในตัวบุคคลอื่นต่อไปได้

วราภรณ์ มนัสธีรภาพ

สิ่งที่ได้รับจากการเข้าร่วมอบรม คือ เราต่างมีทุนมุษย์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และยังสามารถที่จะพัฒนาต่อไปได้อีก หากเรามีแรงบันดาลใจ ซึ่งก็จะทำให้เรามีเป้าหมายที่ชัดเจน โดยผ่านการเรียนรู้จากประสบการณ์ใหม่ๆ

ณิชชารีย์ ก้อนจันทร์เทศ

สิ่งที่ได้รับจากการเข้าร่วมการปฐมนิเทศน์ “โครงการพัฒนาข้าราชการเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นข้าราชการรุ่นใหม่” คือ สิ่งที่ข้าราชการไทยพึงตระหนัก และพึงปฏิบัติ เมื่อเป็นข้าราชการ

จากการปฐมนิเทศทำให้ได้ทราบโอกาสที่จะได้เรียนรู้หลักสูตรการเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นข้าราชการรุ่นใหม่ โดยท่านอาจารย์จีระได้เน้นย้ำถึงความท้าทายของการเป็นข้าราชการรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นทุนมนุษย์ที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศ จึงต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในโอกาสที่ประเทศไทยกำลังจะก้าวเข้าสู้ประชาคมอาเซียนในปี 2558

สิ่งที่ได้รับจากการเข้ารับการปฐมนิเทศ "โครงการพัฒนาข้าราชการเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นข้าราชการรุ่นใหม่" วันที่ 27 กรกฎาคม 2555

สิ่งที่ใด้รับในเชิงวัตถุ: 1) ย่าม 1 ใบ 2) หนังสือ 1 เล่ม 3) เอกสาร 2 ชุด 4) สมุดจด 1 เล่ม 5) ปากกา 1 ด้าม

สิ่งที่ได้รับในเชิงความรู้: การปฐมนิเทศเปรียบเสมือนเป็นบทนำของการอบรม ปูพื้นฐานและให้ภาพรวมแก่ผู้อบรมก่อนที่จะก้าวไปสู่บทเนื้อหาหลัก โดยสิ่งที่ได้รับในด้านนี้ได้แก่ ที่มา หลักการและเหตุผล เป้าประสงค์ กรอบทฤษฏีที่จะถูกนำมาใช้ในการอบรม ระเบียบวิธีการศึกษา (Methodology) และโครงสร้างในภาพรวมของการอบรมทั้งหมดตั้งแต่วันแรก ถึง วันสุดท้าย นอกเหนือจากนั้นยังได้รับความรู้ในเรื่องการเขียนโครงการ

สิ่งที่ได้รับในเชิงความรู้สึก: 1) ความรู้สึกต่อสถานที่จัด: การเดินทางมายังสถานที่ปฐมนิเทศเป็นไปอย่างยากลำบาก การจราจรติดขัด และหายาก 2) ความรู้สึกต่อผู้ให้การอบรม: วิทยากรเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ และความเข้าใจในด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างแท้จริง โดยมีประสบการณ์ในด้านมายาวนาน แต่ถึงอย่างไรก็ตามผมยังมีข้อสงวนในหลายๆประเด็นที่ผมยังไม่เห็นด้วย โดยผมหวังว่าเวลาที่เหลือของการอบรมจะช่วยสร้างความกระจ่างให้กับผมได้ ทั้งนี้ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเวทีการอบรมในครั้งจะเปิดโอกาสให้ผู้เข้าอบรมได้แสดงความคิดเห็นที่อาจแตกต่างออกไป เพื่อเป็นการ “ปะทะทางปัญญา” อันจะก่อให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ต่อไป 3) ความรู้สึกต่อชื่อของการอบรม: ควรเปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษจาก Young Civil Servant Camp เป็น “Junior Civil Servant Camp” เพราะการอบรมนี้ไม่ได้มุ่งอบรมแต่เฉพาะข้าราชการอายุน้อย แต่เป็นการอบรมข้าราชการบรรจุใหม่ ซึ่งอาจประกอบไปด้วยผู้อบรมที่มีอายุมากก็เป็นได้ 4) ความรู้สึกต่อกำหนดการของการอบรมในภาพรวม: โดยรวมผู้ให้การอบรมจัดกำหนดการได้เหมาะสม ยกเว้นในส่วนของโครงการกลุ่ม กล่าวคือผู้ให้การอบรมประสงค์ให้ผู้เข้าร่วมการอบรมทำงานกันเป็นกลุ่มเพื่อระดม ถ่ายทอด และเรียบเรียงความคิดออกมาเพื่อนำเสนอเป็นโครงการในวันสุดท้ายของการอบรม (8 ส.ค. 2555) แต่ทั้งนี้กำหนดการอบรมกลับไม่มี session ที่ให้เวลาแต่ละกลุ่มได้มาร่วมระดมความคิด และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ผู้ให้การอบรมควรจัดให้มี session นี้ ในระหว่างการอบรมด้วย โดยมีเจ้าหน้าที่ของผู้ให้การอบรมเป็นพี่เลี้ยงคอยให้คำแนะนำ หากแต่กลุ่มมีคำถาม ผมคิดว่าในเมื่อผู้ให้การอบรมคาดหวังที่จะให้ผู้อบรมผลิตผลงานที่มีคุณภาพ สิ่งนี้เองก็ถือเป็นความรับผิดชอบผู้ให้การอบรมเช่นกัน ที่จะหาช่วงเวลา สักครึ่งวันของการอบรมวันใดวันนึงเพื่อสิ่งนี้ และไม่ใช่ผลักภาระความรับผิดชอบให้ผู้รับการอบรมไปคุยกันเองนอกเวลาแต่เพียงอย่างเดียว

ผมหวังว่าคำตอบของผม คงตอบคำถามของการบ้านได้ตรงประเด็นนะครับ

ปิญาทิพย์ พรหมพิทักษ์

สิ่งที่ได้จากการเข้าอบรม โครงการพัฒนาข้าราชการเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นข้าราชการรุ่นใหม่ เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 55 คือ การได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นข้าราชการ ว่าเป็นกลไกหนึ่งที่จะขับเคลื่อนประเทศชาติ เพราะฉะนั้นอาจกล่าวได้ว่า ประเทศชาติจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตนของข้าราชการทั้งหลาย ดังนั้น ข้าราชการจึงเป็นความหวังของประชาชน ผู้ซึ่งเป็นนายจ้างของข้าราชการ นอกจากนี้ยังได้มีการระดมความคิดของปัญหาต่างๆในระบบราชการไทย และเราจะร่วมกันเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่หยั่งรากฝังลึกมานาน ด้วยพลังขับเคลื่อนของข้าราชการรุ่นใหม่

เช้าวันจันทร์นี้ได้อ่าน Blog เป็นครั้งที่ 3

มีคนส่งมาทั้งหมด 19 คน แล้ว

ท่านสุดท้าย เสนอแนะว่าอยากให้เปลี่ยน young เป็น junior

และระหว่างที่อยู่หัวหินจะมี Workshop มากขึ้น และใกล้ชิดกันมากขึ้นด้วยครับ

สิ่งที่ได้รับจากการเข้าร่วมการปฐมนิเทศน์ “โครงการพัฒนาข้าราชการเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นข้าราชการรุ่นใหม่” คือ จุดประกายความคิด ทัศนะคติในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งในความเข้าใจของผมคืออาจารย์ต้องการที่จะพัฒนาระบบราชการของไทยให้ข้าราชการรุ่นใหม่มีคุณภาพ มีความสามารถ มีการพัฒนา และนําความรู้ที่ได้ไปใช้ในการปฏิบัติหน้าที่

ปวีณ์ริศา ธีรโฆษิตพงศ์

วันที่27ที่ผ่านมาทำให้ศาได้รู้ว่าตัวเรายังต้แงเติมอะไรและขาดอะไรบ้างขอบคุณอาจารย์ที่ชี้นำทางให้ศาได้เห็นว่าศาต้องเป็นข้าราชที่ดีอย่างไรขอบคุคะ

สิทธิโชค ปรางค์ทอง

สิ่งที่ได้รับจากการเข้าร่วมการปฐมนิเทศน์ "โครงการพัฒนาข้าราชการเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นข้าราชการรุ่นใหม่" ในวันที่ 27 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทำให้ทราบถึงวัตถุประสงค์ของการเข้ารับการอบรมว่าการเป็นข้าราชการที่ดีว่าไม่ใช่แค่เพียงแต่ทำงานไปทุกๆวันเท่านั้น หากแต่ต้องเรียนรู้เพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและตลอดเวลา การเรียนรู้ที่ว่านี้คือการเรียนรู้อย่างรอบด้านไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษาเชิงวิชาการในด้านต่างๆ และอื่นๆอีกมากมาย สุดท้ายทำให้ทราบว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้องค์กร ตลอดจนประเทศชาติของเราอยู่รอดได้นั้น ทรัพยากรที่สำคัญที่สุดที่ต้่องพัฒนาและรักษาไว้นั่นก็คือทรัพยากรมนุษย์ เพราะไม่ว่าเราจะพัฒนาทรัพยากรอื่นๆไปก้าวไกลแค่ไหน หากทรัพยากรมนุษย์ผู้ซึ่งควบคุมการใช้ทรัพยากรด้านอื่นๆขาดความรู้ ความชำนาญ ก็จะเกิดปัญหาในการทำงานได้ นอกจากนี้ยังรู้สึกว่าประเทศไทยของเราโชคดีที่มีผู้ที่คิดค้นการพัฒนาทุนมนุษย์ได้อย่างเป็นระบบและเสียสละที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้เหล่านี้ให้กับข้าราชการรุ่นใหม่ที่เปรียบเสมือนกำลังสำคัญที่จะพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

น.ส. ธัญญาภรณ์ ไสวพันธ์

ได้รับแรงบันดาลใจใหม่ๆในการทำงานและแนวคิดในการกำหนดแนวทางในการทำงานในอนาคตและขอบคุณแรงกดดันเพื่อกระตุ้นไปสู่เป้าหมายในชีวิิต

บุณยจักร ธรรมศักดิ์

สิ่งที่ได้รับจากการอบรมเมื่อวันที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา สำหรับผม คือ ความอยากรู้ว่าอาจารย์จะสามารถให้อะไรกับผมได้บ้าง เพราะผมคิดว่าอาจารย์มีความเก่งมาก ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์กับชีวิตราชการของผมเป็นแน่แท้ โดยเฉพาะคำถามที่อาจารย์กระตุ้นคือ ชีวิต, ความสุข, การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ มันคืออะไรกันแน่

เขมิกา ถึงแก้วธนกุล

สรุปการบรรยายโดยทีมงาน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

กิจกรรมการเรียนรู้ช่วงที่ 1

ณ โรงแรมแกรนด์แปซิฟิคซอฟเฟอริน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

เกริ่นนำ โดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

1. Inspiration สำคัญที่สุด Knowledge ก็สำคัญ อยากให้มีพลังข้างในออกมาให้มากที่สุด

2. ค้นหาตัวเองว่าจุดแข็งคืออะไร  อย่าทำตัวแบบเป็ด

3. ค้นหาช่องว่างของตัวเอง  ถามตัวเองว่างานของฉันที่ทำทุกวันคืออะไร อย่าทำงาน Routine จนเกินไป

ทุนที่ยิ่งใหญ่ คือทุนมนุษย์ต้องจัดการ 3 เรื่องให้ได้คือ

  1. อัตราการเปลี่ยนแปลงที่เร็ว  ถ้าเป็นข้าราชการที่ดีจะจัดการการเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่
  2. จัดการกับสิ่งที่ไม่แน่นอนได้หรือไม่ อย่างเช่น เป็นข้าราชการเพื่ออะไร เป็นได้ดี  และทำให้ทั่วถึง
  3. การจัดการกับสิ่งที่คาดไม่ถึง

สรุปคือ

  • ทั้ง 3 สิ่งจะพัวพันกับภาพใหญ่ หรือที่เรียกว่า Macro ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ สังคม การเมือง สังคม ต่างประเทศ ให้มองให้เยอะ ๆ
  • สังเกตได้ว่า..สถานการณ์สร้างทั้งโอกาส และการคุกคาม
  • ข้าราชการที่เรียนในห้องนี้ ต้องคิดให้กว้าง คิดให้สูง และมีความทะเยอทะยานบ้าง
  • สร้างให้คนในห้องนี้คิดถึงผู้นำในอนาคต

 

WORKSHOP

  1. เลือกตัวอย่างของผู้นำที่เป็นต้นแบบของโลก 2 คน ของข้าราชการไทย 2 คน  คนที่ท่านชื่นชอบ และชอบเพราะเหตุใด?
  2. ผู้นำที่เป็นต้นแบบของข้าราชการที่ท่านชื่นชอบ มีคุณสมบัติอย่างไร?

   วิเคราะห์โดยเน้น 4 คุณลักษณะ คือ

  • Character – ความเป็นตัวตน
  • Skills – ทักษะที่จำเป็น
  • Process – ขบวนการผู้นำ
  • Value – คุณค่าของการเป็นผู้นำ

3.  สำรวจค้นหาภาวะผู้นำของตัวเอง (กลุ่ม) เสนอ 4 คุณลักษณะที่ค้นพบในตัวเอง+4 บทบาทในฐานะข้าราชการยุคใหม่ที่พึงปรารถนา

4.  เสนอ 4 วิธีการที่เป็นรูปธรรมสำหรับการสร้างภาวะผู้นำของราชการรุ่นใหม่ในอนาคตให้สำเร็จได้อย่างไร?

 

*** โจทย์ คือ วาดภาพตัวเองในอนาคต

 

 

การบรรยายเรื่อง ภาวะผู้นำของข้าราชการยุคใหม่

โดย ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์

 

Quotations จากกูรูต่าง ๆ

  • ผู้จัดการทำสิ่งที่ถูกต้องตามกฎระเบียบ ผู้นำทำในสิ่งที่ถูกต้อง
  • Leadership คือศิลปะอย่างหนึ่งที่กระตุ้นให้เขาทำงาน
  • ผู้นำควรคิดลึก คิดไกลสร้างความหวังให้แก่สังคม
  • ผู้นำไม่จำเป็นต้องเกิดมาเก่ง ฝึกได้
  • สิ่งสำคัญที่ทำให้ประสบผลสำเร็จของผู้นำไม่ใช่สั่งการ

วัตถุประสงค์

  • จับหลักการ ความสำคัญ why วิธีการ how และทำอย่างไรให้สำเร็จเรื่องภาวะผู้นำ และการสร้างผู้นำ
  • ในองค์กรของเรา
  • แบ่งปันความรู้ เพื่อค้นหาตัวเอง ทำให้ความเป็นผู้นำของท่านสูงขึ้น และนำไปปฏิบัติได้
  • สร้างโอกาสจากการเรียนรู้ร่วมกัน
  • สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง

ผู้นำ

  • ผู้นำต้องมองภาพใหญ่ มองกว้าง Macro

โลกาภิวัตน์และผลกระทบ

  1. Information Technology เทคโนโลยีสารสนเทศ และอื่น ๆ เช่น Nanotechnology , Biotechnology  ความเป็นมนุษย์ต้องรู้จัก IT
  2. เรื่องการค้าเสรี , WTO , FTA, AEC 2015, ฯลฯ
  3. เรื่องการเงินเสรี  อัตราแลกเปลี่ยน
  4. บทบาทของจีน อินเดีย และละตินอเมริกา ฯลฯ
  5. เรื่องอิทธิพลของประชาธิปไตย และ human right
  6. เรื่อง Global warming , ภัยธรรมชาติ             
  7. เรื่องสงคราม และการก่อการร้าย
  8. เรื่องน้ำมันหมดโลก และพลังงานทดแทน
  9. เรื่องโรคระบาด เช่น ไข้หวัดนก เอดส์ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่

 

สรุปคือ

  • เราจะอยู่อย่างไรอย่างยั่งยืน
  • Wisdom คือสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปัญญาภิวัตน์  ความสามารถคือการเอาปัญญาไปสร้างมูลค่าเพิ่ม

ผู้นำและผู้จัดการแตกต่างกันอย่างไร?

ผู้นำ

  • เน้นที่คน  การเป็นผู้นำได้ต้องจัดการเรื่องคน
  • Trust
  • ระยะยาว  ผู้นำต้องมองไกล
  • What , Why  คิดวิเคราะห์เก่ง
  • มองอนาคต ขอบฟ้า/ภาพลักษณ์
  • เน้นนวัตกรรม
  • Change

ผู้บริหาร

  • เน้นระบบ
  • ควบคุม
  • ระยะสั้น
  • When , How
  • กำไร/ขาดทุน ทุก 3 เดือน
  • จัดการให้สำเร็จ มีประสิทธิภาพ
  • Static

ชนิดของผู้นำ

  • Trust / Authority เช่น ก.พ. น่าจะเป็นผู้นำการพัฒนาทุนมนุษย์
  • Charisma มีเสน่ห์ ทำงานแล้วอยากมีคนทำร่วมกัน
  • Situational สถานการณ์สร้างผู้นำ เช่น เด็กมหาวิทยาลัยเข้าป่ายุค 14 ตุลาคม
  • Quiet Leader เช่นการมีอุดมการณ์แต่ต้องไม่ขัดแย้งกัน

Trust มี 3 ขั้นตอน

  •  สร้าง (Grow)  เมื่อโตเมื่อไหร่ ต้องดูแลศรัทธาของประชาชน
  •  ขยาย (Extend)
  •  ดึงกลับ ถ้าหายไป  (Restore)

Trust มีหลายประเภท

  • Self Trust – ตัวเองต้องมีก่อน สัญญาจะทำอะไรกับตัวเองต้องสำเร็จตามสัญญา
  • Relationship Trust – ความสัมพันธ์ระหว่างคนในองค์กร
  • Organization Trust – ความศรัทธาขององค์กร
  • Social Trust – เป็นที่ยอมรับจริงหรือไม่

วิธีการได้มาซึ่ง Trust ระหว่างบุคคล  (Relationship Trust)

1)     พูดจริงทำจริง ชัดเจน ไม่คลุมเครือ

2)     ยกย่องนับถือเพื่อนร่วมงาน (Respect)

3)     ทำงานด้วยความโปร่งใส

4)     มีปัญหาที่ไม่ดี แก้ให้ดี ถูกต้อง

5)     เน้น Results มากกว่าทำโดยไม่รู้ว่าผลสำเร็จคืออะไร

6)     ต้องปรับปรุงตัวเองตลอดเวลา

7)     รับความจริงหรือรู้ศึกษาความจริง (Reality)

8)     มีความชัดเจนต่อความคาดหวังของผู้ร่วมงาน และของตัวเอง

9)     รับฟังอย่าสั่งการข้างเดียว

10) รักษาคำมั่นสัญญา (Commitment)

วิธีการได้มาซึ่ง Organization Trust ในที่นี้หมายถึงชุมชนของเรา

1)     มี VISION – MISSION – Strategies + Core Value

2)     ไปสู่ความสำเร็จด้วยทุกกลุ่ม (Alignment)

3)     มี Shared Vision

วิธีการได้มาซึ่ง Social Trust หมายถึงสังคมวงกว้างออกไป

ü มีบทบาทที่ดีต่อส่วนรวม สร้างความปรองดอง  ความมั่นคงของคนในประเทศ

ตัวอย่างผู้นำ

พระนเรศวร       ความกล้าหาญ           

รัชกาลที่ 5         มองการณ์ไกล (Visionary)

รัชกาลที่ 9         การพัฒนาแบบยั่งยืน            (เศรษฐกิจพอเพียง)

ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์(ผู้นำที่มีความรู้ดี+กล้าหาญ)

ศาสตราจารย์ ดร. ป๋วย อึ๊งภากรณ์ (ผู้นำที่มีความรู้ดี+กล้าหาญ)

ชวน หลีกภัย    (ผู้นำ &Trust)

พารณ              Leadership กับคุณธรรม

ทักษิณ             เร็ว และความคิดใหม่

บัณฑูร ล่ำซำ   Transformation กับ Leadership

Mother Teresa

Mohandas Karamchand Gandhi

Mahatma Gandhi

Kenedy (JFK) Charismatic Leadership

8 Rules of Leadership (Nelson Mandela)

คุณสมบัติของผู้นำตามแนวทางของ Mandela

  1.   กล้าหาญ

2.  ต้องรุกได้   แต่ต้องตั้งรับ และไม่ประมาท

3.    การนำอยู่ข้างหลัง จะต้องแน่ใจว่า คนที่เรายกย่องให้มีบทบาทอยู่ข้างหน้า   ต้องให้เขามีความรู้สึกว่า เขาได้นำอย่างน่าภูมิใจ และสมศักดิ์ศรี

4.    ถ้าจะจัดการบริหารศัตรู ต้องรู้จักศัตรูให้ดี

5.    การจะอยู่อย่างผู้นำควรใกล้ชิดกับเพื่อน แต่กับคู่แข่ง   หรือคนที่เราไม่ชอบ ต้องใกล้ชิดมากกว่า

6.    มีภาพลักษณ์ที่ดี ต้องปรากฏตัวตามที่ต่าง ๆ อย่างมีเกียรติและสง่างามเสมอ  

7.  ไม่เน้น   ถูกหรือผิด แบบ 100% หรือ ขาวหรือดำ 100% มีการประนีประนอมที่เหมาะสม   แต่รักษาหลักการไว้ และหาทางตกลงกันได้แบบ Win - Win

8.    รู้ว่าจังหวะไหน จะ "พอ" หรือ จะ "ถอย"

8 Rules of Leadership (Obama)

  1. สร้างศรัทธาและความมั่นใจ Trust และ Confidence แก่ผู้ร่วมงานและแนวร่วม
  2. เป็นผู้นำต้องรู้ว่า จะพาประเทศไปทางไหนโดยสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ (Communicate your Vision Effectively)
  3. สร้างให้คนส่วนใหญ่ เข้าถึงประวัติ ความสำเร็จ ความสามารถที่สะสมมาในอดีต สร้างชื่อเสียง (Build Strong Reputation)
  4. สร้าง Networks ในทุกๆ แห่ง โดยเฉพาะในจุดที่ตัวเองอาจจะไม่มีโอกาสได้สัมพันธ์มาก่อน (Make Friends in Unusual Places)
  5. ทุกคนที่เกี่ยวข้อง จะต้องมีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ใช่มีแค่ High performance ของความสำเร็จของบางกลุ่ม แต่ต้อง All hands คือการให้ทุกๆ คนมีส่วนได้ส่วนเสีย ก็คือการสร้างทีมงานที่ทุกคนทำงานร่วมกัน
  6. สร้างความหลากหลายให้เป็นมูลค่าเพิ่ม (Diversity to value added)
  7. ใช้ Technology ให้เป็นประโยชน์ต่อการทำงาน เช่นการสร้าง Social Network ก็ให้คน 2 ล้านคน ช่วยสนับสนุนการเงินในช่วงหาเสียง
  8. สร้างขวัญกำลังใจให้แก่เพื่อนร่วมงานทุกคน (Motivation and inspiration)

คุณสมบัติของผู้นำของฮิลลารี คลินตัน

q เรียนรู้ตลอดชีวิต

q  อย่าพอใจกับปริญญาเท่านั้น

q  อย่าพอใจกับการเรียนในห้อง (Formal Learning)

q  สนุกกับการคิดนอกกรอบ

q  สนุกกับการคิดข้ามศาสตร์

 ถึงจะเก่งอย่างไร? ก็ต้องรับฟังคนอื่น

6 of the Dalai Lama's Leadership Principles

  1. อย่าสั่งการ ต้องเป็นผู้ส่งเสริม สนับสนุน
  2. ถ้าต้องการเรียนรู้อะไรบางอย่าง ต้องฟัง และค้นคว้าหาข้อมูล
  3. อย่าคิดว่าตัวเราคิดถูกทุกเรื่อง หากมีคนที่คิดไม่เหมือนเราซึ่งคุณคิดว่าไม่ถูกต้อง..ต้องควบคุมอารมณ์ให้ได้
  4. มีอารมณ์ขัน อย่าโกรธง่าย รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
  5. สอนให้คนรู้จักคิด หาคำตอบได้ด้วยตัวเอง อย่าบอกคำตอบหรือหาทางออกให้ทุกเรื่องทุกเรื่อง
  6. มีความรับผิดชอบ

คุณสมบัติของผู้นำของนายกฯอภิสิทธิ์

  1. มีวิสัยทัศน์
  2. บริหารวิกฤตได้ดี
  3. เรียนรู้จากความเจ็บปวด
  4. อดทน เข้มแข็ง
  5. ตั้งมั่นในสติ
  6. ซื่อสัตย์สุจริต มีธรรมาภิบาล
  7. กล้าหาญ
  8. ปรับตัว
  9. ใฝ่รู้

คุณสมบัติของผู้นำของท่านผู้ว่าฯ เกษม จาติกวณิช หรือ “Super K”

1. ผู้นำต้องมีความรู้

2. ผู้นำต้องทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชารักและเคารพ

3. ผู้นำต้องสร้างจิตวิญญาณในการทำงานเป็นทีม

4. ผู้นำต้องรู้จักมอบหมายงาน

5. ผู้นำต้องฟังความเห็นผู้ใต้บังคับบัญชาทุกระดับ

6. ผู้นำต้องรู้จักให้เกียรติผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่โอ้อวดและยกตนข่ม

7. ผู้นำต้องมีความเมตตา โอบอ้อมอารีต่อผู้ใต้บังคับบัญชา

4 E’s Leadership ( Jack Welch )

  • Energy   มีพลัง
  • Energize    สามารถกระตุ้นให้คนอื่นมีพลัง
  • Edge   เด็ดขาด กล้าตัดสินใจ
  • Execution   ลงมือทำให้เกิดความสำเร็จ

ทฤษฎีล่าสุดของ  Jack Welch   คือ Leader / Teacher

 

 

 

ผู้นำในอนาคตสร้างได้ 5 วิธี

1. Example คือ เป็น/สร้างตัวอย่างที่ดี

 2. Experience คือ สะสม/ถ่ายทอดประสบการณ์

 3. Education คือ ให้การศึกษา ให้ความรู้  Learning how to learn

 4. Environment คือ สร้างบรรยากาศที่ดี   ให้คนที่กล้าจะออกความเห็น

 5. Evaluation คือ มีการประเมินผลอย่างต่อเนื่อง เช่น  มี KPI วัดผล ประเมินผล

การวิเคราะห์ของอาจารย์ที่ University of Washington ผู้นำจะต้องมี 4 วิธี

1. Character หรือ คุณลักษณะที่พึงปรารถนา เช่น

            - ชอบเรียนรู้

            - มีทัศนคติเป็นบวก

            - การมีคุณธรรม จริยธรรม

2.มี Leadership skill ที่สำคัญ 

   คือ    - การตัดสินใจ

                 - การเจรจาต่อรอง

                 - การทำงานเป็นทีม

                 - Get things done

3. เรียกว่า Leadership process    คือ การมี Vision และมองอนาคตให้ออก

4. คือ Leadership value  สำคัญที่สุดคือ     

    Trust ความศรัทธาในผู้นำนั้น ๆ

เขมิกา ถึงแก้วธนกุล

WORKSHOP

กลุ่ม 1 เลือกตัวอย่างของผู้นำที่เป็นต้นแบบของโลก 2 คน และที่เป็นข้าราชการไทย 2 คน  คนที่ท่านชื่นชอบ และชอบเพราะเหตุใด?

ผู้นำระดับโลก

ท่านแรก คือ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เพราะท่านเป็นนักเสียสละ นักพัฒนา

-          เป็นต้นแบบที่ดีของการเรียนรู้ เสียสละเวลา วรกาย ทรัพย์สิน

-          พัฒนาทุกอย่างเช่น โครงการแก้มลิง เศรษฐกิจพอเพียง เป็นข้อมูลที่พระองค์ทรงศึกษาเอง

-          ต้นแบบ คือเป็นนักปกครองที่ดี  และมีความกตัญญูต่อสมเด็จย่าฯ การใช้ชีวิตเศรษฐกิจพอเพียงโดยพระองค์เอง

-          การเรียนรู้ ศาสตร์วิชาต่าง ๆ และดนตรีมีการเรียนรู้ตลอดเวลา แม้ประสบความสำเร็จ

ท่านที่สอง คือพระพุทธเจ้า ท่านมีความกตัญญูต่อบิดา มารดา แม้สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วท่านยังคงสอนได้เสมอ แล้วทรงสอนพระบิดา มารดา ท่านใช้ร่างกายตนเองเป็นแหล่งทดลองเรียนรู้ จนเอาชนะทุกอย่างได้ ชนะตัวท่านเองด้วย เสียสละเพื่อพุทธศาสนิกชน และพุทธศาสนา

สรุปคือต้นแบบที่เลือก มีกตัญญู และมีความเสียสละเหมือนกัน

ผู้นำที่เป็นต้นแบบของข้าราชการไทย 2 คน

-          ผู้นำที่เป็นแบบอย่างคือ ร. 5 ในเรื่องการทำ Human Right  เช่น การเลิกทาส การนำระบบสาธารณูปโภคมาปรับใช้ การส่งบุคลากรไปใช้ในการบริหารและพัฒนาประเทศ ไม่เกรงกลัวต่อชาติมหาอำนาจ มีกลยุทธ์ที่ดี ยอมเสียดินแดนบางส่วนเพื่อรักษาประเทศไว้ วางรากฐานในการปกครองประเทศ

-          พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ส่วนดีคือกล้าเปลี่ยนแปลงนโยบาย เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค  โอทอป และสาธารณูปโภคฟรี รู้จักใช้คน และบริหารเวลา สามารถกำหนดนโยบายต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว

กลุ่มที่ 2  ผู้นำที่เป็นต้นแบบของข้าราชการที่ท่านชื่นชอบ มีคุณสมบัติอย่างไร?

เลือก จ่าเพียร คือ พลตำรวจเอกสมเพียร เด่นสมยา คือ

            ความเป็นตัวตน - มีความกล้าหาญ กล้าทำในพื้นที่เสี่ยงภัย เสียสละทำในพื้นที่ภาคใต้ แม้บาดเจ็บกี่ครั้ง ก็กลับมาใหม่

ดร.จีระ เสนอว่า แสดงให้เห็นถึงคนดี ไม่จำเป็นต้องรวย ข้าราชการไม่ควรยกย่องคนที่ไม่ซื่อสัตย์ ความอดทนในความยากลำบาก เช่น การกิน การนอน การทำงาน

ทักษะ – ความเชี่ยวชาญในอาชีพจ่าเพียร พูดถึงยุทธวิธีการรบ ที่ปรับเปลี่ยนตลอดเวลา ความชำนาญในพื้นที่ จะเป็นประโยชน์กับลูกน้องจ่าเพียร เพราะลูกน้องไม่ตายในพื้นที่

-          ทักษะเรื่องการสื่อสาร กับการบริหารความขัดแย้งในชุมชน จ่าเพียรจะเข้าไปพูดคุยการทำความสัมพันธ์ สร้างความเป็นกันเอง ทำให้รู้สึกว่ามาปกป้องเขา

-          การทำงานเป็นทีม

ขบวนการผู้นำ – ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการให้ไฟใต้ดับลง และเรื่องการมองการณ์ไกล

คุณค่าของการเป็นผู้นำ – จ่าเพียรได้รับความศรัทธาของชุมชน คือตอนมีชีวิตอยู่ กับตอนที่จากไปแล้วมีคนสร้างอนุสาวรีย์ให้กับเขา

กลุ่ม 3  สำรวจค้นหาภาวะผู้นำของตัวเอง (กลุ่ม) เสนอ 4 คุณลักษณะที่ค้นพบในตัวเอง+4 บทบาทในฐานะข้าราชการยุคใหม่ที่พึงปรารถนา

  • การใฝ่รู้ การใฝ่เรียน ใฝ่รู้ตลอดเวลาอย่างต่อเนื่อง
  • การเตรียมความพร้อมสู่ประตูอาเซียน  ประเทศไทยอาจเป็นศูนย์กลางในอาเซียน
  • การกล้าคิดกล้าแสดงออก เรื่องคุณธรรมจริยธรรม
  • การทำงานอย่างเป็นสากล มีมืออาชีพ และมีความคิดเชิงบวก  มีความยินดียอมรับในงานอันนั้น
  • การยอมรับความคิดเห็น
  • การทำงานเป็นทีม
  • ความเห็นอกเห็นใจ

            อาจารย์จีระ เสนอว่าน่าจะแยกเป็น 2 ส่วน คือสิ่งที่มีอยู่แล้วและที่อยากจะมี เช่น เขาอาจมี 3 เรื่อง และเขามีอยู่แล้ว 5 เรื่อง  อย่างเรื่องความใฝ่รู้เป็นสิ่งที่ควรจะเป็นมากกว่า

กลุ่ม 4 เสนอ 4 วิธีการที่เป็นรูปธรรมสำหรับการสร้างภาวะผู้นำของราชการรุ่นใหม่ในอนาคตให้สำเร็จได้อย่างไร?

            การสร้างภาวะผู้นำควรเริ่มต้นจาก

  1. ความรู้สึกของคน ๆ นั้น ปรับทัศนคติ สร้างแรงบันดาลใจจากตัวเองก่อน ให้คนนั้นมีความรู้สึกก่อน  เพราะว่าบุคลิกของคนไทยไม่กล้าแสดงความคิดเห็น อยากสร้างบรรยากาศให้เกิดการหมุนเวียนและกระตุ้นความคิดเห็น  ควรสร้างบรรยากาศให้ผู้นำได้เกิด

ดร.จีระ เสนอว่าผู้นำควรปลูกฝังให้ผู้นำได้เกิด ทำให้บรรยากาศผู้นำเกิดในอนาคต สร้าง Environment 

ผู้นำควรปลูกฝังให้เกิดในองค์กรเหล่านั้นหรือไม่ หรือสั่งการ

  1. 2.      เรียนรู้จากคนอื่น จากตัวแบบ จาก Role Model จาก Experience  
  2. 3.      การปฏิบัติ มีการจำลองสถานการณ์ อย่าง Leadership Simulation    / Culture ของ Leadership แต่ละประเทศ มีการพูดภาษาพอดีในองค์กร
  3. 4.      ให้ข้าราชการหมุนเวียนสลับตำแหน่งงานให้เข้าใจในภาพรวม ไม่ใช่ทำงานด้านใดด้านหนึ่งอย่างเดียว ให้เห็นภาพรวมขององค์กร เพื่อให้องค์กรเดินไปในทิศทางที่วางไว้

จากการเข้ารับการปฐมนิเทศโครงการพัฒนาข้าราชการเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นข้าราชการรุ่นใหม่ ทำให้ข้าพเจ้าได้เรียนรู้วิธีการ แนวคิด หลักการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การเป็นข้าราชการที่ดี การมีคุณธรรมจริยธรรม เพื่อพัฒนาศักยภาพในการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อองค์กรและประเทศชาติ

รัชวรรณ กล้าปีกแดง

จากการปฐมนิเทศ ทำให้ตระหนักถึงการเรียนรู้ว่าไม่ควรหยุดนิ่ง เพราะเวลาเปลี่ยนแปลงไป ความรู้ที่มีก็ย่อมเปลี่ยนแปลงเหมือนกัน และได้ข้อคิดว่า อย่ารอให้แก่แล้วค่อยมีประสบกาณ์

น.ส.รัชฎาวรรณ จันทรังษี

สิ่งที่ได้รับหลังจากเข้ารับการปฐมนิเทศ โครงการพัฒนาข้าราชการเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นข้าราชการรุ่นใหม่ " ทำให้ได้ทราบถึงความสำคัญของการพัฒนาทุนมนุษย์ที่ต้องเริ่มตั้งแต่ในการศึกษาระดับปริญญาตรีซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่ดีในการนำความรู้มาใช้เพื่อต่อยอดและพัฒนาองค์การได้ ทั้งนี้ตอมรับถึงความแตกต่างหลากหลายทางความคิดและประสบการณ์ รวมถึงการจุดประกายทางความคิดเพื่อเป็นข้าราชการรุ่นใหม่ที่มีคุณธรรมคู่กับความรู้ความสามารถและมีศักยภาพ สิ่งที่คาดหวังเพิ่มเติมคืออยากให้การปะทะทางความคิดเป็นการเปิดรับไม่มีถูกปิดหรือปิดกั้น

สิ่งที่ได้จากการปฐมนิเทศ คือ แรงบันดาลใจในการเป็นข้าราชการที่ดี แรงกระตุ้นในการเป็นทุนมนุษย์ที่มีคุณภาพ

งานอบรมในวันที่27/07/55 ได้รู้วิธีเขียนโครงการ การทำงานในระบบการ และการเป็นผู้นำที่ดี เพื่อที่จะเป็นแนวคิดนำไปใช้ในการทำงานต่อไป

ได้รู้จักผู้เข้าร่วมกิจกรรม วิทยากร และทีมงาน และได้รู้จักวิธีการเขียนโครงการ

สิ่งที่ได้รับจากโครงการ ทำให้ได้รับแรงบันดาลใจในการเป็นข้าราชการที่ดี และได้รับความรู้เรื่องทุนมนุษย์สามารถนำมาปรับ้ใช้ในการทำงานและการดำรงชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณค่า

น.ส.นิภาพร พลสุวรรณ

หลังเข้ารับการปฐมนิเทศแล้วได้แนวคิดดีๆ ในการเป็นข้าราชการที่ดีทำงานในรูปแบบใหม่ เพื่อพัฒนาตนเองและองค์กรให้มีความก้าวหน้าแล้วทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคม

สิ่งที่ได้คือ ได้มีความรู้เกี่นวกับทุนมนุษย์มากยิ่งขึ้น เป็นแนวทางพื้นฐานในการนำมาปรับใช้ในชีวิตทั้งส่วนตัว การงานในสายราชการ ได้รู้จัก ดร.จิระากยิ่งขึ้น

หลังจากท่ี่่่ได้ฟังอาจารย์จีระ บรรยายในวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมานั้น ทำให้กระผมทราบว่ามนุษย์เป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุด เพราะถ้าหากว่าคนมีความรู้ ความสามารถ รวมถึงมีคุณธรรม จริยธรรมด้วยแล้ว ก็จะทำให้องค์กร หรือประเทศชาตินั้นประสบความสำเร็จและมีความเจริญก้าวหน้าได้อย่างยิ่งยวด

รัตนอาภา ทรัพย์สมบัติ

ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2555 ดิฉันมีโอกาสได้เข้าร่วมพิธีการเปิดการอบรมข้าราชการใหม่ฯ ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณอาจารย์ ดร.จีระ หงส์รดารมภ์ และทีมงาน Chira Academy เป็นอย่างสูงที่จัดกิจกรรมนี้ขึ้นมา จากการพบปะกันแค่เพียงช่วงครึ่งวันบ่ายและได้ฟังแนวความคิดของอาจารย์ สิ่งแรกที่ชัดเจนมากในตัวอาจารย์ คือ อาจารย์เป็นคนตรงมาก พูดตรง ทำตรง นอกจากนี้ ยังสัมผัสได้ว่าอาจารย์เป็นคนที่ซื่อสัตย์และทุ่มเทให้กับงาน สังคมและประเทศชาติ เป็นคนต้นแบบที่น่านับถือเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการทำงานอย่างทุ่มเท เพื่อเผยแพร่แนวความคิดด้านทุนมนุษย์บ่งบอกว่าอาจารย์เป็นคนที่มองการณ์ไกล เห็นความสำคัญของการพัฒนาคนให้เป็นทั้งคนดีและคนเก่ง

ดิฉันในฐานะข้าราชการใหม่ ที่เพิ่งจบการศึกษาระดับปริญญาตรีและเพิ่งได้รับบรรจุเป็นข้าราชการสำนักงาน ก.พ. เป็นเวลาไม่ถึง 1 เดือน มีความคาดหวังว่าจะได้เรียนรู้จากอาจารย์และลูกศิษย์ของอาจารย์ทุกท่าน จะสามารถจุดประกาย ปลุกไฟในตัวของดิฉัน สร้างแรงบันดาลใจในการเป็นข้าราชยุคใหม่ ทำให้ดิฉันเกิดความ “อยาก” ที่จะทำงานอยู่ในระบบราชการต่อไปนานๆ

ด้วยความเคารพ นางสาวรัตนอาภา ทรัพย์สมบัติ

สิ่งที่ได้รับจากการปฐมนิเทศ คือ ทำให้เราได้แนวคิดที่สามารถนำไปใช้ต่อยอดในการเป็นข้าราชการที่ดี ทำให้เรานำไปใช้ในชีวิตประจำวันและการทำงานได้

ในวันที่ 27 ก ค 2555 สิ่งที่ได้รับคือ ได้รู้เรื่องทุนมนุษย์ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ของทางราชการในปัจจุบัน และวิธีการนำเสนอผลงานค่ะ เพื่อมาปรับในชีวิตการทำงานให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

นส.พัชริสาณ์ ธนะไพรรักษ์

สิ่งที่ได้รับจากการเข้าร่วมปฐมนิเทศโครงการ "พัฒนาข้าราชการเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นข้าราชการรุ่นใหม่" เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ที่ผ่านมา ประกอบไปด้วย ๑. ค่านิยมที่ข้าราชการ "พึงมี" และ "พึงละเว้น" ในการปฏิบัติ รวมทั้งคุณธรรม จริยธรรมที่ข้าราชการสมควรประพฤติปฏิบัติให้เป็นนิสัย ๒. แนวคิดเกี่ยวกับ "มนุษย์" ในฐานะที่เป็น "ทรัพยากร" ชนิดหนึ่ง ที่ถือว่าเป็น "ทุน" ซึ่งเรียกว่า "ทุนมนุษย์" ว่า ควรได้รับการพัฒนา ปรับปรุง และต่อยอด เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กร/หน่วยงานที่สังกัดอยู่ ๓. การปลูกฝังให้ข้าราชการเป็นบุคคล "ซื่อสัตย์" ทั้งต่อตนเอง ต่ออาชีพ และต่อประเทศชาติ ไม่เห็นแก่อามิสสินจ้างต่างๆ ที่ชักจูงไปในทางที่ผิด ทำความเสื่อมเสียแก่ตนเอง และประเทศชาติ ๔. ได้ทราบแนวความคิดของ ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ว่า อาจารย์ต้องการให้ข้าราชการรุ่นใหม่ เป็นผู้ที่กล้าคิด กล้าทำ และกล้าพูดในสิ่งที่ถูกต้อง ยึดมั่นในหลักการ เหตุผลที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงและความถูกต้อง ซึ่งจะช่วยพัฒนาระบบราชการที่เริ่มถดถอย และประเทศชาติ ให้เจริญรุดหน้ามากยิ่งขึ้น ๕. เรียนรู้ในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น เปิดมุมมอง เปิดโลกทรรศน์ให้กว้างกว่าเพียงแค่อยู่ในองค์กรของตนเอง และสามารถนำความรู้ที่ได้จากการแลกเปลี่ยนมาพัฒนาตนเอง หน้าที่การงาน และองค์กรที่ตนเองสังกัดให้ดียิ่งขึ้น

หมายเหตุ สำหรับกรณีของมหาวิทยาลัยสงขลานคริทนร์ (มอ.) ที่อาจารย์ได้กล่าวถึงในกรณีเกี่ยวกับความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าต้องการให้เกิดความร่วมมือเพื่อช่วยแก้ปัญหาที่มีอยู่ให้ดีขึ้นนั้น จากการที่ได้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอเรียนว่า มอ. ได้ร่วมกับ ศอ.บต. เกี่ยวกับความร่วมมือในการพัฒนาด้านการศึกษาเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะเห็นว่า การพัฒนาการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ทำให้เกิดความร่วมมือและความเข้าใจอันดีระหว่าง นักศึกษาไทยพุทธ และ นักศึกษาไทยมุสลิม มากยิ่งขึ้น เช่น การให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนมุสลิมเพื่อศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา เพื่อจะลดช่องว่างในความรู้สึกไม่เท่าเทียมกันระหว่าง ไทยพุทธและไทยมุสลิม เป็นต้น

กัญจน์ณัฏฐ์ ประถมวงศ์

ถึงแม้ว่าเมื่อวันที่ 27 ก.ค.55 จะไม่ได้เข้าร่วมงานปฐมนิเทศน์ "โครงการพัฒนาข้าราชการเพื่อเตรียมความพร้อมสําหรับการเป็นข้าราชการยุคใหม่" ทําให้พลาดเนื้อหาการเรียนหรือการบ้านที่ต้องทําไปบ้าง อย่างไรก็ตามต้องกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ พี่ๆทีมงาน Chira Academy ที่สร้าง blog นี้ขึ้นมา ซึ่งมีเนื้อหาสรุปของการอบรมในแต่ละวันให้อ่าน ทําให้ทราบว่าเนื้อหาที่ได้เรียนไปนั้นมีอะไรบ้าง. (ถึงแม้จะเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้างก็ตาม) นอกจากนี้ blog นี้ยังทําให้พวกเราสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ (เหมาะกับคนที่ไม่กล้าแสดงออกหรือ ณ เวลานั้นๆ อาจจะยังไม่รู้ว่าจะแสดงความคิดเห็นอย่างไรค่ะ)

สําหรับในวันที่ 30 ก.ค.55 ถือว่าเป็นการเข้าอบรมในวันแรกนั้น ตอนแรกประหม่าเหมือนกันค่ะเนื่องจากว่าเรามาจากหน่วยงานอื่น สมาชิกที่มาด้วยกันมีน้อย แต่พอมาถึงที่ชะอํา ได้ทํากิจกรรมทั้งการระดมสมองช่วยกันทําแบบฝึกหัดเรื่อง "ภาวะความเป็นผู้นํา" หรือ การทํา workshop ทําให้ความประหม่าที่มีในตอนแรกลดน้อยลง รู้จักเพื่อนต่างหน่วยงานมากขึ้นค่ะ และยังได้ในเรื่องของการทําสมาธิ ฝึกการหายใจอยากถูกวิธี ได้รับความสนุกสนาน เห็นความสามัคคี และช่วยเหลือกัน ขอบคุณทุกคนที่ให้กําลังใจและช่วยร้องเพลงนะคะ

รวินทร์นิภา การินทร์

สิ่งที่ได้รับจากการเข้าร่วมการปฐมนิเทศ "โครงการพัฒนาข้าราชการเพื่อเตรียมความพร้อมสําหรับการเป็นข้าราชการยุคใหม่" ในวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๕ นั้น คือ การได้ตระหนักรู้ถึง ความสำคัญและบทบาทหน้าที่ของการเป็นข้าราชการที่มีศักยภาพ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน และเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ โดยการเป็นข้าราชการที่มีศักยภาพ จะต้องมีการพัฒนาทั้งทางด้าน ความรู้ ทักษะ การบูรณาการความรู้ และการสร้างเครือข่ายของการทำงาน อย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมให้สามารถเผชิญความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอนาคต

มนทิพย์ วงศ์กุลฤดี

จากการปฐมนิเทศน์เมื่อวันที่ ๒๗ ก.ค. ๕๕ นั้น ทำให้ข้าพเจ้าตระหนักได้ว่า การจะเป็นข้าราชการที่ดีต้องพร้อมด้วยคุณธรรมและศักยภาพ ซึ่งการจะเป็นข้าราชการที่มีศักยภาพนั้นก็ต้องหมั่นศึกษาหาความรู้รอบด้าน แต่ทั้งนี้ก็ควรมีความรู้และควมชำนาญในงานที่ตนทำเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามแม้ว่าการจะเป็นคนเก่งมีความสามารถเป็นสิ่งสำคัญ แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือคุณธรรม จริยธรรม ความซื่อสัตย์ สุจริต และความรับผิดชอบต่อหน้าที่

จากที่ได้เข้ารับการปฐมนิเทศในวันที่ 27 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทำให้เราต้องคำนึงถึงการปฎิบัติตนของข้าราชการในปัจจุบันนี้ ในด้านของการบริการก็จะเห็นได้ว่ามารยาทในการบริการนั้นไม่ค่อยสุภาพเท่าที่ควร หรือในเรื่องมนุษยสัมพันธ์ในที่ทำงานก็ไม่ค่อยมีความสมัครสมานสามัคคีกันเท่าไร แต่เราก็ไม่อาจที่จะแก้ไขคนรอบข้างเราได้ ในการอบรมครั้งนี้เราจึงต้องร่วมมือกันปฏิวัติระบบข้าราชการไทยให้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น อาจทำให้ประชาชนมองข้าราชการไทยในมุมที่ดีขึ้นได้

จากการเข้ารับการปฐมนิเทศเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2555 สิ่งที่ได้รับคือ การเป็นข้าราชการนั้นใครก็สามารถเป็นได้ แต่การเป็นข้าราชการที่ดีนั้นต้องปลูกจิตสำนึกที่ดีให้กับตนเองก่อน แล้วสิ่งดีๆก็จะออกไปสู่ผู้รับเอง และสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือข้าราชการต้องเรียนรู้ตลอดเวลา ฝึกฝนและพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเมอค่ะ

สิ่งที่ดิฉันได้รับจากการปฐมนิเทศ คือ ได้รับรู้ถึงบรรยากาศการเรียนรู้ร่วมกัน ได้ความรู้เพิ่มเติมเพื่อนำไปต่อยอดแนวความคิด และปรับปรุงใช้ให้เป็นประโยชน์ในการทำงาน การเรียนรู้ไม่จำเป็นต้องเรียนในห้องเรียนและสามารถเรียนรู้ได้ทุกวันถ้าเราสนใจ ใฝ่รู้เราก็จะเสาะแสวงหาและค้นคว้าในสิ่งที่เราสนใจ ซึ่งท่านวิทยากรได้ให้ความรู้ และปลุกจิตสำนึกของเราออกมา กล้าคิด กล้าแสดงออก รักและปกป้องผืนแผ่นดินไทยจากพวกนักการเมืองที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน

จากการอ่านหนังสือ 8k’s + 5k’s “ทุนมนุษย์ของคนไทยรองรับประชาคมอาเซียน” จากการเปิดเสรีอาเซียน และประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นประชาคมอาเซียนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ทำให้เกิดความตื่นตัวกับทุกภาคส่วนเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนและเพื่อให้คนไทยสามารถก้าวเข้าไปสู่การเป็นพลเมืองอาเซียนได้อย่างยั่งยืนจึงเกิดแนวความคิดการพัฒนาคุณภาพของมนุษย์ ซึ่งทรัพยากรมนุษย์ถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จากประสบการณ์ของท่าน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ในฐานะที่ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรมนุษย์ซึ่งท่านได้เล็งเห็นถึงผลดีและผลเสีย และเป็นห่วงคนไทยในการเข้าร่วมเป็นประชาคมอาเซียนในครั้งนี้ ทำให้ท่านได้เกิดแนวคิดทฤษฎีทุนพื้นฐาน 8k’s + 5k’s ซึ่งเป็นทุนพื้นฐานในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุด และทุนพื้นฐานยังได้เชื่อมโยงกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ สามารถนำไปพัฒนาต่อยอดและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ถ้าคนเราทุกคนเรานำทุนมนุษย์ 8k’s + 5k’s นี้ไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเรา และนำไปปฏิบัติจริงจะเกิดประโยชน์ และเกิดการพัฒนาตัวเราและประเทศชาติเพื่อรองรับประชาคมอาเซียน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของเราทุกคนไม่ใช่ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และยังทำให้เรารู้คิด วิเคราะห์เป็นและคิดให้ไกลออกไปว่าเราทำอย่างนี้ อนาคตต่อไปจะเป็นอย่างไร ให้คิดให้รอบก่อนเสียก่อนจะลงมือทำและสามารถนำไปต่อยอดได้ เป็นการสร้างคนดี ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม ซึ่งอยู่ในสามัญสำนึกของเรา เกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสิ่งใหม่ ๆ ซึ่งสามารถเรียนรู้ในจากสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเรา ทำให้เรามีความสุขไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ในเมื่อเราคิดดี คิดบวก อะไรก็ไม่สามารถทำลายความสุขของเราได้ เหมือนกับการเรียนรู้ที่เราต้องเรียนรู้ทุกวัน เรียนรู้กับทุกสิ่งรอบ ๆ ตัวเรา ความรู้ไม่ได้มีแต่ในห้องเรียน

สิ่งจากการที่ได้เข้าอบรม คือ ข้าราชการรุ่นใหม่ต้องมีคุณธรรม จริยธรรมและความใฝ่รู้ สิ่งที่ได้จากการอ่านหนังสือ 8K’s + 5K’s ทุนมนุษย์ของคนไทยรองรับประชาคมอาเซียนคือ เราต้องพัฒนาตนเองเพื่อให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่คุณภาพสามารถแข่งขันในสังคมอาเซียนเสรีได้

ณิชารัศม์ พัชรวิราพันธ์

ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณท่าน ศาสตราจารย์ ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์

ดิฉันรู้สึกดีใจและประทับใจมากที่ได้มีโอกาสได้รู้จัก คนดี คนเก่ง และท่านเป็นคนที่ทำงานและรักประเทศไทยจริงๆ จากที่ได้ฟังการปฐมนิเทศและได้อ่านหนังสือที่ท่านแต่ง  ยิ่งทำให้เกิดแรงบันดาลใจให้มีพลังให้อยากที่จะเรียนรู้ กล้าคิดกล้าทำมากขึ้น  และข้าราชการยุคใหม่ต้องคิดดี

ทำดี มีศีลธรรม เพื่อสังคมและเพื่อประเทศชาติของเราจะได้พัฒนาต่อไปค่ะ

สิ่งที่ได้รับจากการอบรมคือ ได้รับแนวทางของการเป็นข้าราชการที่ดีต้องประกอบด้วย คุณธรรม จริยธรรม มีความพร้อม ความตื่นตัวในการทำงาน เข้าใจบทบาทหน้าที่ของตัวเอง และรู้จักพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลาให้ทันต่อโลก กล้าที่จะคิดในสิ่งที่ถูกเพื่อที่จะนำพาประเทศไทยให้มีความมั่นคงและยั่งยืน สิ่งที่ได้รับจากการอ่านหนังสือคือ ทำให้เราตื่นตัวที่จะเตรียมตัวสู่ประชาคมอาเซียน เพราะอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และเปิดใจเรียนรู้ทฤษฎี 8K’s + 5K’s เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่จะพัฒนาตนเอง สังคม และประเทศชาติ อย่างไม่หยุดยั้ง

อารีรัตน์ สุวรรณภูมิ

สิ่งที่ได้รับจากการอบรมคือ ได้รับแรงบันดาลใจในการคิด ที่ต่างไปและการเรียนรู้แนวทางต่างๆ สิ่งที่ได้จากการอ่านหนังสือ 8K’s + 5K’s ทุนมนุษย์ของคนไทยรองรับประชาคมอาเซียนคือ ทำให้อยากพัฒนาตนเองเอย่างต่อเนื่องสำหรับการเป็นข้าราชการรุ่นใหม่

สรุปโดยทีมงาน ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์

กิจกรรมการเรียนรู้ช่วงที่ 1

ณ โรงแรมแกรนด์แปซิฟิคซอฟเฟอริน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

ข้าราชการยุคใหม่กับกิจกรรมเพื่อชุมชน (CSR)  

 

กลุ่มที่ 1 สวย ใส หัวใจสีเขียว

โครงการพัฒนาชายหาดชะอำอย่างยั่งยืน

CSR – Corporate Social Responsibility  การรับผิดชอบธุรกิจที่ดีต่อสังคมและส่วนรวม

การพบเห็นจากการที่สำรวจ

1.โรงแรมชายหาดชะอำใช้พื้นที่สาธารณะ ดังนั้น โรงแรมและชุมชนควรมีจิตสาธารณะ

  เช่น ถ้าเกิดมีนักท่องเที่ยวคนใด คนหนึ่ง เจอทะเลแมงกระพรุน ไม่สามารถเห็นได้ว่าไปรักษาที่ไหนอย่างไร และถ้าเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จะทำอย่างไรถ้าไม่รู้ภาษาไทยขึ้นมา

2. ไม่มีป้ายบอกระยะความลึกและความไกลของทะเลเนื่องจากไม่มีทุ่น จึงอยากให้โรงแรมและชุมชนทำป้ายที่ชัดเจนร่วมกัน  มีจุดบริการสาธารณะ และบอกภัยอยู่ตรงไหน

สิ่งที่อยากทำ

  1. อยากให้มีการจัด Walk Rarely ร่วมกับชุมชน โดยชุมชนเริ่มที่โรงเรียนก่อน ใช้กิจกรรมสนุก ๆ ร่วมกับเด็ก สร้างจิตสำนึกรักชุมชนให้กับเด็กเช่นเก็บขยะ ปลูกต้นไม้ ประดิษฐ์สิ่งของจากท้องถิ่น
  2. มีการจัดมัคคุเทศก์น้อยจูเนียร์ และถ่ายความรู้ขั้นพื้นฐานให้นักท่องเที่ยว ตัวอย่างเช่นถ้าโดนแมงกระพรุนกัดใช้ผักบุ้งทะเลมาขยี้แล้วพอกตามแผลเป็นต้น เมื่อเด็กเจอจะได้เข้าไปช่วยกัน
  3. การเริ่มจากคนในชุมชน เช่น วัด เป็นศูนย์กลางกระจาย และเผยแพร่ความรู้ให้ชุมชนรู้จัก ชุมชนได้รับอะไร เป็นการสร้างความเข้มแข็งในชุมชน เนื่องจากปัจจุบันถูกแบ่งแยกทางสังคม เศรษฐกิจ ถ้าร่วมมือในชุมชนให้เข้มแข็ง จะเป็นการส่งเสริมอาชีพ และการท่องเที่ยวในชุมชน เป็นการสร้างรายได้เพิ่มขึ้น

กลุ่มที่ 2 OCSC 14

โครงการรักชะอำ

รักตัวแรกคือหัวใจ รักที่สองคืออนุรักษ์

สร้างโอกาสเพื่อพัฒนาให้ชุมชนอนุรักษ์ เสริมสร้างรายได้ สร้างเครือข่าย ต่อยอดพัฒนาอาชีพ

วัตถุประสงค์

  1. ส่งเสริมการท่องเที่ยวในชุมชน
  2. สร้างรายได้ให้กับชุมชน เหมือนให้อาชีพโดยไม่ให้เงิน เหมือนให้เครื่องมือในการทำกิน
  3. สร้างความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวเรื่องความปลอดภัย

ขยายตัวเพิ่มขึ้น สร้างภาพลักษณ์ที่ดี ขยายความต่อเนื่องให้ชุมชน

วิธีการ

1.ติดต่อประสานกับหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อถามข้อมูลชุมชน

2.การทำเวทีชาวบ้านและส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความมีส่วนร่วม

3. จัดอบรมให้ความรู้แก่อาสาสมัครแบ่งเป็น กลุ่มที่ดูแลเรื่องความปลอดภัยให้ลูกเสือชาวบ้าน กลุ่มนวดในชุมชน  กลุ่มมัคคุเทศก์น้อย

4. การประชาสัมพันธ์โครงการ จัดทำแผ่นพับ สร้างเวปไซด์ เผยแพร่วิทยุชุมชน

5. สอบถามปัญหาจากการดำเนินการ

6. เสริมสร้างภาพลักษณ์ต่อราชการ ให้ความใส่ใจต่อประชาชน เพื่อส่งผลต่อภาพรวมของประเทศ

 

กลุ่มที่  3 ชุมชนสะอาด

โครงการชุมชนสะอาด ชะอำน่าอยู่

ปัญหาที่พบ

1.ภูมิทัศน์รอบชุมชนไม่สวยงาม มีที่รกร้างเจ้าของไม่ทำประโยชน์ มีการทิ้งขยะ มีบางมุมเป็นเหมือนเศษหิน หรือเศษดินจากการก่อสร้าง มีน้ำขังเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค

2.ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ เวลาขี่เข้าไปในข้างในที่ชุมชนอาศัย ไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่

3.เจอวัดหนองแดงมีป้ายติดเป็นศูนย์การเรียนรู้ชุมชนแต่กลายเป็นเหมือนที่เก็บข้อง

 

การแก้ไข

1.ประชาสัมพันธ์ให้ชุมชนรับทราบ

2.จัดตั้งคณะกรรมการมีชุมชน นายทุน เจ้าของธุรกิจ วัด

3.ปลูกจิตสำนึกให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการรักษาภูมิทัศน์ที่ชุมชนมีส่วนร่วมเข้ามาให้ชุมชนดูแล ให้ชุมชนร่วมกันสร้างภูมิทัศน์ของเขาเอง ให้ชุมชนรู้สึกภูมิใจในการเป็นเจ้าของและช่วยในการรักษาภูมิทัศน์ที่สวยงาม

4.จัดการรณรงค์รักษาความสะอาดครั้งใหญ่ เช่นเดือนละครั้ง

5.การจัดกิจกรรมให้นักเรียนรักษาความสะอาดให้ชุมชน

แหล่งงบประมาณ

ภาครัฐ ชุมชน ภาคเอกชน อธิบายว่าทุกคนได้ประโยชน์จากภูมิทัศน์สวยงามมากขึ้น

ผลที่จะได้รับ

ภูมิทัศน์สะอาดสวยงาม มีความเข้มแข็งของตัวเอง เนื่องจากคนมีส่วนร่วม สามัคคีมากขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้น มีการจัดตลาดนัดในชุมชน ให้นักท่องเที่ยวไปดู วิถีชีวิตดีขึ้น สะอาด และมีความอยู่ดีกินดี เยาวชนรักสิ่งแวดล้อม และผูกพันในชุมชนมากขึ้น

สรุปคือ การปรับภูมิทัศน์ในชุมชน จะมีการจัดสร้างศูนย์การเรียนรู้คือ ชุมชน นายทุน เอกชน ภาครัฐ มีการคืนกำไรสู่ท้องถิ่น ชุมชนได้ประโยชน์ ภาครัฐได้ประโยชน์คือใช้เงินดูแลน้อยลง ชุมชนดูแลตนเองได้ วัดช่วยให้คนกับวัดใกล้ชิดมากขึ้น  โรงเรียนจากที่สำรวจพบว่าช่วงเทศกาลมีการทำกิจกรรมอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะปลูกฝังให้กับชมชน

 

กลุ่มที่ 4  รวมพลังสร้างชุมชน

โครงการพัฒนาพื้นที่ชายขอบ คือการปรับปรุงสถานที่บริเวณรอบ ๆ โรงแรม มีการพัฒนาพื้นที่หน้าโรงแรม แต่เป็นของเทศบาลทั้งหมด

วิเคราะห์จาก

เมื่อตอนเดินทางเข้ามาสัมมนาที่โรงแรมซ้ายมือเป็นทะเล สวยมาก ขวามือเป็นโรงแรม  แต่ปรากฎว่าบริเวณที่เลยจากโรงแรมไปไม่มีการพัฒนาพื้นที่เท่าที่ควร

ที่มาและปัญหา

  1. พื้นที่บริเวณโรงแรม และรอบข้างโรงแรมไม่มีความใกล้เคียงกัน 
  2. พื้นที่ที่เป็นสาธารณะ หรือของเทศบาล กลายเป็นพื้นที่ของโรงแรม

วัตถุประสงค์

  1. พัฒนาพื้นที่โดยรอบให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ชุมชนทั่วไป มีการสำรวจสถานที่ และประชาชนในพื้นที่ มีการสำรวจประชาชนในพื้นที่ว่าต้องการอะไร  มีการสัมภาษณ์ถึงปัญหาว่าชุมชนต้องการอะไร
  2. ชายหาดของโรงแรมไปนอนได้หรือไม่ ได้เพียงบางส่วน อีกส่วนเป็นของโรงแรม ทั้ง ๆ ที่ชายหาดจริง ๆ เป็นของเทศบาล

วิธีการดำเนินโครงการ

  1. จัดลำดับปัญหา
  2. ประเมินความสำคัญ

กิจกรรม

  1. การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในชุมชน
  2. การสำรวจพื้นที่
  3. การจัดทำแผนพัฒนาพื้นที่ทั้งระยะสั้น และระยะยาว

  4. การผลักดันให้นำแผนพัฒนาในพื้นที่ไปสู่การปฏิบัติ
  5. สร้างแรงกระตุ้น สร้างแรงจูงใจเพื่อนำสู่การปฏิบัติได้
  6. การรณรงค์ สร้างความร่วมมือให้คนในพื้นที่ใช้ประโยชน์ร่วมกัน
  7. ติดตาม ประเมินผลการดำเนินงาน เพื่อให้เกิดความสำเร็จ และประโยชน์สูงสุดร่วมกัน

แหล่งที่มางบประมาณ มาจากรัฐ เอกชน และประชาชนในพื้นที่

ผู้รับผิดชอบภาครัฐ เอกชน และประชาชนในพื้นที่

ผลที่คาดว่าจะได้รับ

  • เครือข่าย มีการรับผิดชอบร่วมกันว่าทำไงให้พื้นที่ดีขึ้นเกิดการพัฒนา
  • พื้นที่ได้รับการพัฒนา นำสู่คุณภาพชีวิตคนในพื้นที่ดีขึ้น
  • เครือข่ายมีการทำงานร่วมกัน มีความสัมพันธ์ดีขึ้น
น.ส.แสงอาทิตย์ บุตรประเสริฐ

ได้รับความรู้และหลักวิธีการปฏิบัติในการเป็นข้าราชการที่ดี เราต้องมีหลักคุณธรรมจริยธรรมเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ

น.ส.ปวีณ์ริศา ธีรโฆษิตพงศ์

กราบเรียน ท่านอาจารย์จีระ

     จากการที่ได้เข้าอบรม เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม  ทำให้ศาได้เป็นคนกล้าคิด  กล้าแสดงออก และกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง ได้เรียนรู้ในสิ่งที่ไม่เคยได้เรียนรู้มาก่อน   และทำให้ศาคิดว่า ตัวเรามีคุณค่า มีความสำคัญต่อองค์กร ที่จะนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จมามากก็น้อย  

                                                ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์และพี่ๆ ทีมงานมากๆค่ะ
เขมิกา ถึงแก้วธนกุล

สรุปการบรรยายโดยทีมงาน ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์

การบรรยายเรื่อง การสร้างและบริหารทีมของข้าราชการยุคใหม่ในยุคของการเปลี่ยนแปลง

วันที่ 31 กรกฏาคม 2555

โดย  รศ.ดร.เฉลิมพล  เกิดมณี

 

เกริ่นนำ

  • การเลือกตัวอย่างคนในห้อง 1 คน มาเป็นตัวอย่างที่แสดงถึงว่าพันธุกรรมคนกับลิงต่างกันไม่ถึง 3 % แต่ทำไมเรากับคนข้าง ๆ ถึงต่างกัน

 สิ่งที่ทำให้มนุษย์แตกต่างกันคือ

  • สิ่งที่ทำให้มนุษย์แตกต่างกันคือ พฤติกรรม การฝึกฝน การเลี้ยงดู การบ่มเพาะต่าง ๆ สรุปคือ คนเรามีความต่างกันนั้นเกิดจากสิ่งแวดล้อม การได้ฝึก ได้ทำ แล้วทำให้เราสามารถเก่งได้
  • อีกเรื่องคือเรามีเป้าหมายชีวิตเราที่จะทำชัดหรือไม่ชัดแตกต่างกัน  การที่เรามีเป้าหมายมนุษย์มีแรงข้างหลัง 2 ตัวคือ Inspiration and Imagination  

-           การมีฝันจะช่วยให้ผลักดันมนุษย์ไปได้ไกล มนุษย์มีฝัน มีแรงจูงใจช่วยทำให้ไปสู่เป้าหมาย มีพัฒนาการที่ต่อเนื่อง   มีแรงขับเคลื่อนมีฝันที่จะไป เมื่อรู้ว่าสิ่งนั้นมีคุณค่าเราจะมีแรงขับเคลื่อนให้ไปได้

-          ปัญหาคือทำไมไม่เห็นคุณค่าของสิ่งนั้น

-          เมื่อเห็นคุณค่าของสิ่งนั้นแล้วเราเคยขอบคุณหรือไม่

-          สรุปคือการที่เราจะไปหาเป้าได้นั้น เราจะต้องหาคุณค่าให้เจอ

-          วิธีการให้เราเขียนคุณค่าของตัวเอง และไปหาเพื่อนหรือคนที่บอกคุณค่าของเรา 3 คน สังเกตว่าสิ่งที่เพื่อนเขียนกับที่เราเขียนตรงกันกี่ข้อ

เราพบอะไรบ้าง เช่น ตอนเขียนของตัวเองเขียนยาก แต่ของเพื่อนบอกเขียนได้ง่าย แสดงว่าเราเห็นรอบตัวเราได้มากกว่าตัวเรามองเห็นเลย ดังนั้นเราจึงควรเริ่มจากสิ่งที่เราเก่ง จะทำให้การทำงานนั้นไม่ยาก เราจะนำความเก่งไปสวมกับสิ่งที่ทำตรงนั้นได้อย่างไร

บางครั้งถ้าสิ่งที่คิดกับสิ่งที่บอกไม่ตรงกัน สามารถเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง

  • ไม่มั่นใจในตนเอง , หาตนเองไม่เจอ ,แสดงสิ่งที่ตัวเองเก่งยังไม่พอ  แต่ถ้าอยากให้เป็นอย่างนั้น แต่คนอื่นยังไม่เห็น ต้องทำบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ แล้วแสดงให้คนอื่นเห็น
  • มีการวิจัยว่าการทำพฤติกรรมซ้ำ ๆ บ่อย ๆ ประมาณ 30 ครั้งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
  • มนุษย์ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ถ้านำคุณค่าในตัวเราไปสู่เป้าหมาย มนุษย์จะมีพัฒนาการที่ดีขึ้น
  • ใครที่เอาตัวเองที่มีบุคลิกภาพ แล้วไปสวมกับงานได้ตรงจะดีมากเลย แต่ถ้าไม่ตรงเราอาจต้องยอมรับและปรับให้ได้

Capability and Endurance ต่างกันอย่างไร

  • ตัวอย่าง Gen Y มีความอดทนน้อยกว่าคนโบราณ เพราะว่าชีวิตเกิดมาสบาย มีความสะดวก อยากแก้ปัญหาอะไรหาจาก Google
  • ความอดทน กับความสามารถจะช่วยให้ไปไกลได้มากกว่า เพราะว่าถ้าอดทนแล้วฝึกฝน ความสามารถก็มาได้ ทุกอย่างสามารถผ่านไปได้ขึ้นกับความอดทนและอดกลั้น
  • วิธีการฝึกความอดทน คือ การอธิษฐานจิต ปักธง ฝึกด้วยขันติ
  • เทคนิคการอธิษฐานจิต ให้เอาอันไหนอันหนึ่งสำหรับหลวงพ่อองค์นี้ ขอจิตให้แน่ การอธิษฐานหมายถึงการสัญญา  ศิลเหมือนความตั้งมั่นที่จะต้องทำ
  • การทำงานต้องใช้ความอดทนสูง

การสร้างปณิธานชีวิต

  • พฤติกรรมที่ปรากฎเกิดจากฐานข้างล่างที่มีอยู่มา
    • เราต้องเข้าใจว่าทุกคนมีการแสดงออกในฐานที่รองรับ เราต้องพยายามเข้าใจถึงเหตุและผลว่าทำไมเขาต้องทำสิ่งนั้น  ดังนั้นเหตุผลจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราเข้าใจโลกนี้ได้ดีขึ้น

การเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กร จะทำอย่างไร

  • ตัวเองมีคุณภาพ
  • มีสภาพแวดล้อมดี
  • มีการจัดการที่ดี
  • มีผลงานที่ดี

การแบ่งคนเป็น 4 จำพวก 4 กลุ่ม (วิเคราะห์จากเวลาเราโมโหตัวไหนออกมามากสุด)

กลุ่ม เอาตัวรอดด้วย IQ และ MQ – ชัดเจน ถูกต้อง ตามกฎ มีเหตุผล ระมัดระวัง เป็นทางการมีหลักการยึดติด กับรายละเอียดไม่ชอบเสี่ยง ได้แก่คนภาคกลาง เวลาคุยต้องมีหลักการ มีเหตุมีผล

กลุ่ม D นักพจญภัย ใช้สมองในการขับเคลื่อน  – กล้าตัดสินใจ เข้มแข็ง มุ่งมั่น ชอบการแข่งขัน มีข้อเรียกร้องสูง เป็นอิสระ มั่นใจในตัวเอง ดุดัน ผ่าซาก เอาตัวเองเป็นหลัก ใช้อำนาจได้แก่คนภาคใต้ เวลามีเหตุการณ์เกิดขึ้นจะกล้าตัดสินใจ เวลาเจ้านายตัว D ต้องคุยกับแกตรง ๆ แล้วชี้แจงว่าเรามีเหตุผลอะไรในการตัดสินใจอย่างนั้น

กลุ่ม ชอบเข้าสังคม ช่างคุย เปิดเผย กระตือรือร้น มีพลัง ชักจูงใจผู้อื่น ร่าเริง โวยวายเสียงดัง ไม่ระมัดระวัง ตื่นเต้น รีบร้อน ไม่สนใจเรื่องเวลา  เอาตัวรอดด้วย EQ ได้แก่คนภาคอีสาน

กลุ่ม S สงบนิ่ง ระมัดระวัง อดทน เป็นผู้ฟังที่ดี ถ่อมตน เชื่อถือได้ ไม่รับแนวคิดใหม่ ไม่แสดงออก ดื้อเงียบ ไม่แสวงหาการเปลี่ยนแปลง ได้แก่คนภาคเหนือ

 

ข้อสังเกตุ 

  • คนไทยส่วนใหญ่เป็น I กับ S เยอะ ถ้าเราเข้าใจพฤติกรรมเหล่านี้ของคนจะเข้าใจธรรมชาติของเขา
  • เราจะทำอย่างไรให้ชีวิตมีความสุข – เรียนรู้ ยอมรับ โดยการปรับเรา
  • เราต้องเป็นคนที่ฝึกที่จะมองความดีในความไม่ดี และความไม่ดีในความดีได้ แล้วเราจะยอมรับในสิ่งนั้นได้ อย่างมีความสุข
  • ที่ประเทศไทยมีปัญหาเพราะต่างมองลบ เราไม่เคยมองด้านบวกของเขาเลย
  • เรารู้หรือไม่ว่า EQ เป็นตัวทำให้ประสบความสำเร็จ ทำให้มีโอกาสที่จะก้าวหน้า แต่ถ้าทำโอกาสไม่สำเร็จ โอกาสจะหายไปด้วย ดังนั้นเราควรมี IQ เพื่อทำให้สำเร็จได้ แต่อย่างไรก็ตามเราควรมี MQ  และต้องระลึกไว้เสมอด้วย  ที่สังคมประเทศไทยย่ำแย่สุดตัวที่แรงสุดคือตัวคอรัปชั่น เราเป็นคนรุ่นใหม่เราต้องยึดเรื่องที่ชัดเจน และทำอย่างถูกต้อง  ความผิดดูที่เจตนา อาศัยเจตนาเป็นที่ตั้ง
  • SQ เป็นความสามารถในการรอดชีวิต
  • วิธีการทำงานที่ดีทั้ง 4 ตัวต้องทำงานพร้อมกัน
  • เราจะทำอย่างไรให้เป็นคนเก่งได้ คือ IQ EQ MQ SQ สมบูรณ์ พบเห็นได้จากผู้ใหญ่ที่มีเมตตาสูง เป็นคนนิ่ง เป็นคนฉลาด และมีคนชื่นชอบ ผลักดันให้สูงในสังคม

วิธีการฝึก

  • EQ  ใช้สติในการควบคุมอารมณ์  คนดีต้องดีทุกสถานการณ์ สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ การฝึกปฏิบัติธรรม อยู่กับตัวเอง อยู่กับลมหายใจ
  • สัญชาตญาณ ไม่ต้องฝึกมาเอง
  • IQ กระบวนการที่ทำให้ IQ สูงขึ้นได้คือความเป็นนักช่างสังเกต ทำให้มนุษย์เห็นข้อมูลและเก็บเกี่ยวข้อมูลได้ ความสามารถในการช่างสังเกตทำให้เราแตกต่างจากคนอื่นและพัฒนา IQ เราได้
  • ทำไมคนมีความช่างสังเกตที่แตกต่างกัน

คุณมีความสมดุลหรือยัง

  • การทำงานเป็นทีมต้องสร้างสมดุลของชีวิตให้ได้
  • มนุษย์ต้องการความสุข แต่มนุษย์สร้างความสุขให้กับตัวเองหรือไม่
  • มนุษย์ที่ฉลาดจะสามารถเก็บเกี่ยวความสุขจากการทำงานได้
  • วิธีการทำงานให้มีความสุขคือ ทำอย่างไรให้รู้สึกว่างานนั้นไม่ใช่งาน งานนั้นเป็นความชอบงานนั้นคือเรา งานนั้นคือ Hobby ทำได้เมื่อเราหาคุณค่าตรงนั้นให้เจอ ว่าสามารถทับซ้อนกับการทำงานได้หรือไม่ แต่ถ้าไม่เจอ ก็สร้างขึ้นมา ขอบคุณสิ่งตรงนั้นแล้วจะเห็นคุณค่าขึ้นมา ถ้าจะต้องทำก็ต้องกระโดดทำให้เต็มที่ ทำทั้งกาย ทั้งใจเข้าไปด้วย
  • เมื่อมีความสุข จะมีพลังที่เต็มเปี่ยม เดินไปสู่ข้างหน้าได้

 

ทำไมถึงรวมเป็นทีมเป็นกลุ่มได้

  • ได้ประโยชน์ร่วมกัน แต่ถ้าผลประโยชน์ขัดแย้งกันทีมจะแตก
  • ทีมคือการจัดสรรผลประโยชน์ร่วมกัน

หลักการเบื้องต้น     

  1. มีวิสัยทัศน์ขององค์กรที่ชัดเจน
  2. ได้ประโยชน์ร่วมกัน

การที่คนเราอยู่ร่วมกัน มีสิ่งใดที่ทำให้ทีมไปรอด

  1. ทำใจให้กว้าง โดย มีการพูดคุยสื่อสารกัน  คนใจกว้างต้องทำอย่างไรเมื่อเจอคนที่นิสัยต่างกัน คนทุกคนจะมีคุณค่าต่างกัน ทำให้เหมาะสมกับงานแล้วทีมจะไปได้
  2. วิธีการของทีมที่ทำให้เกิดการเคลื่อนตัว คือการสื่อสาร สร้างทิศให้ดีแล้วไปข้างหน้า สีจะสดใส
  3. ทีมเองจะมีกายและใจ  ใจทุกดวงมารวมกันจะเกิดพลังของใจ

ทำไมกายกับใจถึงเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่

ใจมีพลังหล่อเลี้ยงสิ่งต่าง ๆ การอยู่เป็นทีม นอกจากใจกว้างต้องรักษาน้ำใจของเพื่อนร่วมทีมให้ได้ รู้จักแบ่งปัน และมีน้ำใจซึ่งกันและกัน

ใจกว้าง มีพลัง รักษากายให้แนบแน่นได้

ทำไมเราถึงหมดกำลังใจบ่อย ๆ

เราเต็มไปด้วยอดีต  และกังวลถึงอนาคต สิ่งที่ควรทำคืออยู่กับปัจจุบัน ณ วันนี้ นาทีนี้ วินาทีนี้  ทีมไปไม่รอดเพราะอดีต และกังวลถึงอนาคตที่มาไม่ถึง

การปะทะและชนะอย่างรวดเร็ว อนาคตจะมีปัญหา

วิธีการดีที่สุดคืออยู่กับปัจจุบัน

การสร้างทีม

เป็นผู้ให้ที่ถูกที่ ถูกเวลา และถูกคน มีกติกาการอยู่ร่วมกันและโปร่งใสยุติธรรม ปล่อยวางตัวตน และประโยชน์ของตน

ทำไมการสื่อสารถึงผิดพลาด

เพราะพื้นฐานความเข้าใจแต่ละคนไม่เท่ากัน ต่าง Background กัน

ความสำเร็จของทีม

  • การทำงานที่มุ่งเน้นประสิทธิผลจะประสบความสำเร็จได้ดีกว่าทำแค่ประสิทธิภาพ
  • มีทิศทางที่ชัดเจนการอยู่เป็นทีมร่วมกัน สิ่งสำคัญของทีม จะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน  สร้างสภาพแวดล้อมที่เกื้อกูลให้กำลังใจซึ่งกันและกัน อาศัยความสามารถอดทน ให้ทีมเคลื่อนตัวไปข้างหน้าให้ประสบความสำเร็จได้
  • การทำงานที่สำเร็จต้องให้รางวัล
  • การประเมินและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
  • อยู่กับปัจจุบัน
  • พัฒนาตัวเองขึ้นไป
  • สิ่งที่มีปัญหาในองค์กร คืองานเยอะ ทำงานไม่ทัน

วิธีการทำงานโดยจัดสรรขบวนรถไฟ

  1. Priority ประเมินงาน Job ใหญ่ ๆ แต่ละงาน
  2. จัดสรรกรอบเวลาให้ตามสัดส่วน จัดเวลาให้ดี  ทำ Timing ขบวนรถไฟ เรื่องการจัดสรรเวลา และการทำตามเป้าให้เหมาะสมกับเวลา
  3. สร้างระบบเทคโนโลยีขึ้น สร้าง Format ต่าง ๆ ให้เรียบร้อย
  4. ทำปัจจุบันให้จบให้ได้ดีที่สุด

ฝากประเด็นทิ้งท้าย....เมื่อคนอื่นมอบทุกข์ให้เรา ขึ้นอยู่กับว่าเราเป็นผู้หยิบความทุกข์มาใส่ตัวเองหรือไม่ เราอาจมีการจัดสรรเวลาไปพักผ่อน ไปให้คุณพ่อคุณแม่ ออกกำลังกาย แบ่งเวลาบริหารกาย บริหารใจ บริหารครอบครัวให้ดี จะทำให้เราอยู่ในชีวิตที่สมดุลได้อย่างดี

เป้าของชีวิตเคลื่อนไปตามวัย ระวังอย่าลงจากหลังเสือไม่เป็น หลงระเริงไม่ดูกาย ดูใจของตนเอง ต้องฝึกลงจากหลังเสือเองก่อนคนอื่นจับลงจากหลังเสือ บริหารชีวิตให้เป็น ให้รู้คุณค่าของสิ่งที่เราทำ

จากกิจกรรมวันที่ 30 ก.ค. 55 ข้าพเจ้าได้เรียนรู้สิ่งๆต่างๆมากมายดังนี้ 1. ช่วงของอาจารย์ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์  อาจารย์กล่าวว่าข้าราชการยุคใหม่ควรค้นหาจุดเเข็งของตนเองเพื่อให้เก่งเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งสิ่งที่สำคัญคือ Knowledge และ Inspiration และได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของข้าราชการรุ่นใหม่ซึ่งเป็นทุนมนุษย์ที่ต้องได้รับการพัฒนาเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น โดยข้าราชการควรมีลักษณะของการเป็นผู้นำด้วย อาจารย์จึงได้จัดให้มีกิจกรรม workshop เกี่ยวกับการวิเคราะห์ลักษณะของผู้นำที่พึงประสงค์โดยยกตัวอย่างต้นแบบผู้นำของโลกและต้นแบบของข้าราชการไทย ซึ่งบุคคลต้นแบบที่ข้าพเจ้าประทับใจคือ พระพุทธเจ้า และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดช ซึ่งทรงเป็นต้นแบบในเรื่องของคุณธรรมจริยธรรมและการคิดค้นหลักการปฏิบัติที่นำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้จริงๆ อีกท่านหนึ่งที่ข้าราชการไทยควรจะดูเป็นแบบอย่างคือ จ่าเพียร ซึ่งเป็นผู้ที่มีคุณลักษณะของผู้นำทั้งในเรื่องของความอดทนเสียสละ (Character) ความเขี่ยวชาญในอาชีพ (Skills) ความยึดมั่นในอุดมการณ์ (Process) และคุณค่าของการเป็นผู้นำ (Value) เป็นต้น  อาจารย์ได้เสริมว่า Value ที่สำคัญคืิอ Trust คือความศรัทธาในผู้นำนั้นๆ ซึ่งมีวิธีการในการสร้างศรัทธา 3 ขั้นตอนคือ การสร้าง การขยาย และการดึงกลับ(ถ้าหายไป) 2. ช่วงของ Light Life Love เป็นการฝึกวิธีการต่างๆเพื่อผ่อนคลายและสร้างสมดุลให้กับร่างกาย และการเรียนรู้ท่ี่แบ่งปันความรักให้กับตนเองและทุกๆคน

จากที่ได้อบรมในวันที่ 30ก ค นั้นได้รู้ว่าการที่จะเป็นผู้นำที่ดีประกอบไปด้วยอะไรบ้างและได้รู้จักบุคคลที่เป็นผู้นำระดับโลก ได้เรียนรู้คำว่า TRUST ว่าคืออะไร ประกอบด้วยอะไรบ้าง ทำให้เราเกิดแรงบันดาลใจขึ้น

รัชวรรณ กล้าปีกแดง

จากกิจกรรมวันที่ 30 ก.ค โดยการบรรยายจากท่าน ดร.จิระ ในหัวข้อ ภาวะผู้นำของข้าราชการยุคใหม่ ทำให้ทราบถึงลักษณะของผู้นำ ลักษณะของผู้นำที่พึงมีในองค์กร และการทำworkshop กรณีตัวอย่างผู้นำที่เป็นต้นแบบ คุณสมบัติผู้นำต้นแบบที่ดี บทบาทข้าราชการยุคใหม่ที่พึงปรารถนา

ในวันที่ 31 กค ได้รับฟังการเสนอกิจกรรมข้าราชการยุคใหม่กับกิจกรรมเพื่อชุมชน(CSR)ในลักษณะโครงการ แต่ล่ะกลุ่มที่นำเสนอออกมาแสดงให้เห็นถึงการร่วมมือกันทำงานเป็นทีมและตอนบ่ายได้ฟังรศ.ดร เฉลิมพลในเรื่องการสร้างและบริหารทีมของข้าราชการยุคใหม่สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ปิญาทิพย์ พรหมพิทักษ์

สิ่งที่ได้รับจากการเข้าอบรมวันแรก คือ ต้นแบบที่เราสามารถนำมาวิเคราะห์คุณลักษณะและสามารถนำมาเป็นต้นแบบชีวิตข้าราชการไทยที่ดีได้ และยังได้รับความสนุกสนานในการรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน

สิ่งที่ได้รับจากการเข้าอบรมวันที่สอง คือ การได้รับสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงด้วยการออกกำลังกาย โดยสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ และได้ทำกิจกรรมเพื่อสังคมด้วยการคิดโครงการต่างๆเพื่อนำไปพัฒนาชุมชน แลำสำหรับช่วงบ่ายได้รับการอบรมเรื่องการสร้างและบริหารทีมฯ ซึ่งอาจารย์เฉลิมพล ได้กล่าวว่าการได้งานที่ตรงกับบุคลิกภาพเป็นเรื่องที่ดีแต่หากไม่ใช่เราก็สามารถปรับเปลี่ยนให้เราเกิดการยอมรับได้ , สิ่งที่จะทำให้ผ่านปัญหาต่างๆไปได้คือความอดทน เป็นต้น และยังได้รับความสนุกสนานจากการแข่งกีฬาร่วมกัน

พิมพ์บุญญา บุณยพิพิธ

จากการเรียนรู้ในวันที่30กรกฎาคมได้รับความรู้เกี่ยวกับลักษณะของคนที่เป็นผู้นำที่ดีและการจะเป็นผู้นำที่ดีต้องมีความศรัทธา ได้มีการรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นการค้นหาจุดแข็งของตนเองเพื่อพัฒนาตนเองไปสู่การเป็นผู้นำที่ดีและมีคุณธรรม

รัชวรรณ กล้าปีกแดง

สิ่งที่ได้รับจากกิจกรรม CSR คือ การได้ไปสำรวจชุมชนรอบๆบริเวณโรงแรม แล้วร่วทนำเสนอโครงการเพื่อชุมชน และกิจกรรมการบรรยายเรื่อง การสร้างและบริหารทีมงาน ทราบถึงกระบวนการคิด คุณค่าความเป็นมนุษย์ ความพอใจในงานจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่แรงจูงใจในการทำงาน การสร้างทีมงาน ความสำเร็จของทีมงาน การสื่อสารกันในองค์กร

บุณยจักร ธรรมศักดิ์

สิ่งที่ได้รับจากการฝึกอบรมวันที่ 30 ก.ค. คือการได้เรียนรู้ว่าผู้นำที่ดี ที่เป็นแบบอย่างนั้นควรมีลักษณะอย่างไร การสร้างผู้นำที่ดีนั้นควรทำอย่างไร และการเป็นผู้นำที่ดีควรทำตนอย่างไร อีกทั้งอาจารย์ยังได้แนะนำผู้นำที่มีชื่อเสียงอีกหลายคนซึ่งน่าศึกษาต่ออย่างยิ่งเพราะท่านเหล่านั้นล้วนเป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิตข้าราชการ ไม่ว่าจะเป็น อาจารย์ป๋วย อาจารย์สัญญา อาจารย์ปรีดี เป็นต้น  ในตอนเย็นยังมีพี่ๆจากกลุ่มตรีมาสอนวิธีการหาความสุขง่ายๆด้วยการหายใจอีกด้วย ซึ่งมีประโยชน์ในการนำไปใช้ในกาลต่อไปอย่างแน่นอน

น.ส.รัชฎาวรรณ จันทรังษี

สิ่งที่ได้รับจากการอบรมในวันที่ 30 ก.ค. 55 ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ได้ให้ความรู้ในเรื่องการสร้างภาวะผู้นำ ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่ข้าราชการรุ่นใหม่ควรศึกษาและใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาตนเองให้เป็นผู้นำที่ดีในอนาคต ในการทำ workshop ทำให้เกิดบรรยากาศการแลกเปลี่ยนและได้เปิดโอกาสให้เราได้ประยุกต์ทฤษฎีมาใช้ได้จริง

สิ่งที่ได้รับจากการอบรมวันที่ 31 ก.ค. 55 แบ่งเป็น 2 ช่วง ในช่วงแรกการเรียนรู้การทำ CSR ซึ่งเป็นการฝึกการทำงานเป็นทีมรวมถึงปลูกจิตสำนึกการเป็นข้าราชการที่จะทำเพื่อประชาชน/ชุมชน ในช่วงที่สองเป็นการฟังบรรยายเพื่อการสร้างและบริหารทีมซึ่งทำให้เราได้รับความรู้และข้อแนะนำในการสร้างทีมด้วยการนำเสนอของวิทยากรที่เข้าใจง่ายสอดแทรกการทำกิจกรรม ซึ่งเราสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาทักษะการทำงานเป็นทีมให้ประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี

บุณยจักร ธรรมศักดิ์

สิ่งที่ได้รับจากการฝึกอบรมวันที่ 31 ก.ค. คือการได้ออกกำลังกาย สำรวจชุมชน(ปั่นจักรยานเที่ยว) การได้ทำงานเป็นทีมกับเพื่อนในการทำโครงการ CSR และที่สำคัญคือได้มีโอกาสเรียนรู้เรื่อง Team จากอาจารย์เฉลิมพล เกิดมณี ซึ่งผมได้เก็บเกี่ยวความรู้มหาศาลเลยทีเดียว คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในชีวิตรางการครับ

วันแรกของการอบรมที่ชะอำ (30 ก.ค. 2555) ต้นแบบของผู้นำ การเป็นผู้นำที่ดี และยกตัวอย่างผู้นำทั้งอดีตและปัจจุบัน ลักษณะเด่นและดีของผู้นำทั้งในระดับโลกและระดับประเทศ และให้แต่ละกลุ่มทำกิจกรรมร่วมกัน ช่วงที่ 2 ได้ฝึกการทำสมาธิ การค้นหาตัวตนของเรา การสร้างผู้นำ

วันที่สองของการอบรม (31 ก.ค. 2555) วันนี้พี่ ๆ ให้สำรวจบริเวณรอบ ๆ ชายหาดชะอำ และให้โจทย์มาเกี่ยวกับปัญหารอบ ๆ ชายหาด รวมถึงวิธีการแก้ไข จึงได้มีโอกาสปั่นจักรยานสำรวจบริเวณรอบ ๆ ชายหาด ทำให้ได้รับทราบถึงปัญหาต่าง ๆ ของชุมชน การเหลื่อมล้ำทางสังคม การพัฒนาพื้นที่ชายหาดชะอำ ทำให้เราได้คิด วิเคราะห์ หาเหตุผลและวิธีการแก้ไขปัญหาร่วมกัน รวมถึงการนำเสนอผลงานของแต่ละกลุ่ม
การทำงานเป็นทีม การสื่อสารระหว่างคนในทีม การเข้าใจซึ่งกันและกัน ความอดทน การแสดงความคิดเห็น การระดมความคิด หาหลักการและเหตุผล ประเมินและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง มีแรงจูงใจในการทำงานและเป้าหมายที่ชัดเจน การจัดสรรเวลาในการทำงาน และหาความสุขให้ตัวเอง การแข่งขันกีฬา ทำให้เรามีความสามัคคี รักและรู้จักการแพ้ชนะ และที่สำคัญที่สุดคือได้รู้จักเพื่อน ๆ จากหน่วยงานอื่น

๑.จากการอบรมในวันแรกของโครงการฯ (๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕) ทำให้ได้เรียนรู้ถึงการทำงานเป็นทีม การประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี คุณธรรมและจริยธรรมของข้าราชการรุ่นใหม่ รวมทั้งภาวะการเป็นผู้นำที่ดี การเป็นผู้ตามที่ดี รวมทั้งแนวทาง/วิธีการในการดึงความเป็นผู้นำที่อยู่ภายในแต่ละบุคคลให้เด่นชัดขึ้น โดยการร่วมมือกันในการทำงานกลุ่มเพื่อแสดงและระดมความคิดเห็น ไม่ได้มองว่าความคิดที่เสนอออกมานั้นผิดหรือถูก แต่ต้องการให้กล้าที่จะแสดงออก เนื่องจากการเป็นผู้นำจะต้องปรับจากตนเองก่อน และขยายวงกว้างออกไปเรือย และหมั่นฝึกฝนเสมอๆ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ และสามารถเป็นทั้งผู้นำและผู้ตามที่ดีในเวลาเดียวกันได้ นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้ถึงการฝึกสมาธิ ฝึกจิตให้นิ่ง เพื่อให้หยั่งรู้ถึงตัวตน มีสมาธิเพื่อให้เกิดปัญญาในการคิดและแก้ปัญหาในการทำงาน การเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับร่างกายของตนเอง เช่น คลื่นสมอง วิธีการหายใจเพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์ได้เต็มที่ ๒. จากการอบรมในวันที่ ๒ (๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕) ได้เรียนรู้ถึงการทำงานเป็นทึม ใช้การร่วมมือและแรงบันดาลใจในการดำเนินการเพื่อไปสู้เป้าหมายหรือจุดหมายที่ตั้งไว้ การเรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้อื่น เข้าใจผู้อื่น การใช้เหตุผลมากกว่าการใช้อารมณ์ ความอดทนอดกลั้น ให้เกียรติและยอมรับในตัวตนที่ผู้อื่นเป็น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้ถึงการวิเคราะห์คุณค่าในตนเอง รู้จักการแสวงหาความสุขในชีวิต และการแบ่งสรรเวลาให้ลงตัว เพือให้เกิดความสมดุลทั้งตนเอง หน้าที่การงาน และครอบครัว อีกทั้งการเล่นกีฬาสี ทำให้เกิดความร่วมมือ รู้จักการเสียสละ รู้จักแพ้ รู้จักชนะ และการให้อภัยต่อกัน เพื่อนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันให้เกิดความสุข ความสมดุล ประสิทธิภาพ และสัมฤทธิผลในการดำเนินชีวิตต่อไปทั้งปัจจุบันและอนาคต

วราภรณ์ มนัสธีรภาพ

กิจกรรมในวันที่30ได้รับความเข้าใจความหม่ยของผู้นำ ว่ามีองค์ประกอบอะไรบ้าง ถึงเีาจะไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นสิ่งๆนี้แต่เราก็สามารถสร้างโดยการเรียนรู้และพัฒนาโดยการฝึกฝน วันที่ 31ได้รับความรู้เกี่ยวกับCSR และการแลกเปลี่ยนแชร์ความคิดระหว่างกลุ่ม ภาคบ่ายได้รับรู้ว่าเราต้องหาคุณค่าเภื่อเป้าหมายของเราและการมีบุคลิกภาพของแต่ละคน

นางสาวปวีณ์ริศา ธีรโฆษิตพงศ์

กราบเรียน ท่านอาจารย์จีระ และพี่ๆ ทีมงาน ChiraAcademy

                วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ศาได้รับความรู้จากท่านอาจารย์อย่างมาก ช่วงที่ 1 ข้าราชการยุคใหม่กับกิจกรรมเพื่อชุมชน     ซึ่งกิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เราได้รู้จักขั้นตอนการวางแผนที่ถูกต้อง  รู้จักการทำงานเป็น  รู้จักการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมต่างๆ  และหัวข้อหลักของวันนี้ คือ การสร้างและบริหารทีมของข้าราชการยุคใหม่ในยุคของการเปลี่ยนแปลง  ซึ่งเป็นหัวข้อที่ทำให้ศาได้เข้าใจถึงการเป็นข้าราชการในยุคใหม่ว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร  ซึ่งศาจะนำไปประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุดค่ะ


                                                                  ขอขอบคุณท่านอาจารย์จีระ และทีมงาน ChiraAcademy มากๆ ค่ะ
นางสาวปวีณ์ริศา ธีรโฆษิตพงศ์

กราบเรียน ท่านอาจารย์จีระ และพี่ๆ ทีมงาน ChiraAcademy

                วันที่ 31 กรกฎาคม เป็นอีกวันหนึ่งที่ศาได้รับความรู้จากท่านอาจารย์อย่างมาก ช่วงที่ 1 ข้าราชการยุคใหม่กับกิจกรรมเพื่อชุมชน ซึ่งกิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เราได้  รู้จักขั้นตอนการวางแผนที่ถูกต้อง  รู้จักการทำงานเป็น  รู้จักการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมต่างๆ  และหัวข้อหลักของวันนี้ คือ การสร้างและบริหารทีมของข้าราชการยุคใหม่ในยุคของการเปลี่ยนแปลง  ซึ่งเป็นหัวข้อที่ทำให้ศาได้เข้าใจถึงการเป็นข้าราชการในยุคใหม่ว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร  ซึ่งศาจะนำไปประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุดค่ะ


                                             ขอขอบคุณท่านอาจารย์จีระ และทีมงาน ChiraAcademy มากๆ ค่ะ
เขมิกา ถึงแก้วธนกุล

สรุปการบรรยายโดยทีมงาน ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์

การอภิปราย หัวข้อ หน้าที่ บทบาทการทำงานกับทุนทางจริยธรรมของข้าราชการยุคใหม่เพื่อประชาชน

โดย      ศาสตราจารย์(พิเศษ) วิชา  มหาคุณ

            ดร.สมโภชน์ นพคุณ

 

ความสำคัญของข้าราชการในอนาคต

  • ความรู้อยู่ในตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นอะไรเราก็ควรบ้าแสวงหาความรู้ตลอดเวลา สร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ให้เกิดกับองค์กรเป็นลักษณะ Self Learning กับ Life Long Learning
  • ผู้นำส่วนใหญ่เน้นที่ตำแหน่งมากเกินไป แต่ควรเน้นที่ Trust และ ศรัทธามากขึ้น
  • การอยู่กับเรื่องคนต้องมีความมุ่งมั่นสูง

 

ดร.สมโภชน์ นพคุณ

  • อยากให้ถามว่าเป้าหมายในชีวิตคืออะไร อย่าง ดร.สมโภชน์ บอกว่าเป้าหมายที่ตัดสินใจรับราชการคืออะไร จะดึงให้ท่านอยู่กับเป้าหมายที่ท่านต้องการ  การรับราชการต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน และคิดว่าชีวิตจะไม่เป็นลูกจ้างใคร เป็นการดึงให้ท่านรับราชการ
  • คนเราเมื่อตั้งใจทำอะไรขอให้ท่านตั้งใจจริง ๆ ทำจริง ๆ
  • สิ่งที่รู้มาคือ รับราชการต้องใช้เส้น แต่ ดร.สมโภชน์ไม่ได้ใช้เส้น ทำงานอย่างตามระบบทั่วไป
  • เราจะมีชีวิตอยู่รอดในระบบราชการได้อย่างไร   เราตั้งใจรับราชการ เรามีเป้าหมายที่ชัดเจน ให้ความสำคัญกับคนรุ่นใหม่
  • เวลาเอาความรู้ไปสอนคนอื่น ให้เราเอาความรู้จากที่อื่นมาสอนที่สำนักงานด้วย
  • รับราชการต้องมีเส้น แต่หลังจากนั้นอยู่ที่ตัวท่านเอง หมายความว่าท่านต้องมีการพัฒนาตัวท่านเองตลอดเวลา
  • ทุกวันต้องเรียนทุกวัน ทำให้เรียนรู้ดีขึ้นทุกวัน
  • สิ่งที่ตามมาคือ เรียนรู้ระบบราชการ บริหารระบบราชการทั้งหลาย และสิ่งที่ทำมาโดยตลอดคือ ต้องเรียนรู้ทุกวัน ทำงานอย่างคนรุ่นใหม่ ทำงานอย่างสบาย แล้วโอกาสข้างหน้าจะใช้องค์ความรู้โดยอัตโนมัติ
  • ต้องสร้างนิสัยให้กับตัวของท่านเอง  พัฒนาตัวของท่านเอง เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ทุกวัน  ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของเรา

พฤติกรรมที่น่าเลื่อมใสที่ควรพัฒนาในตนเอง

1. ความเป็นตัวตนของเรา เอกลักษณ์ของเราเอง ขึ้นอยู่กับเลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก สังคม วัฒนธรรมที่หล่อหลอมมา การตัดสินใจต่าง ๆ เพราะตัวเราเป็นอิสระในตัวของเราเอง ไม่ควรที่จะโอนเอียงไปตามคนอื่น

2. Leadership Principle คือการเป็นผู้นำในตัวตนได้ ก็สามารถนำผู้อื่นได้

พฤติกรรมที่น่าเชื่อถือ คือความเชี่ยวชาญ และความไว้วางใจ

          การสร้างความเชี่ยวชาญ ต้องหาความรู้ใส่ตัวอยู่เสมอ ให้ตั้งมั่นให้ดี ตั้งหลักให้ดี สร้างความไว้วางใจต่อผู้บังคับบัญชา และลูกน้อง

            การสร้างความไว้วางใจ สร้างได้จากการทำให้เห็นคุณค่าของตนเองชัดเจน และถ่ายทอดสู่ผู้อื่นได้

 

นิสัย 30 ประการที่สร้างความน่าเชื่อถือ

  1. เวลาทำงานต้องทำงานที่สำคัญก่อน
  2. ไม่ใช่สักแต่ว่าทำให้เสร็จให้ทำด้วยความมุ่งมั่น
  3. มองทุกอย่างในด้านดี จะดึงดูดให้คนข้าง ๆ ทำงานด้วย
  4. ปลูกฝังให้ตนเองกล้าอิสระ เป็นตัวของตนเอง
  5. ต้องบริหารเวลาเป็น หวงแหนเวลา
  6. รู้ความสำคัญของเงินทอง ใช้หลักของพอเพียง
  7. ทุกอย่างเริ่มจากรายละเอียด ที่สำคัญในระบบราชการคือกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ
  8. อย่าโทษผู้อื่น โทษโชคชะตา โทษตัวเอง
  9. กล้ารับผิดชอบ และนำเสนอหน้า
  10. รู้จักใช้ความคิด
  11. ทำอย่างรอบคอบ
  12. คิดแล้ว และลงมือทำ
  13. ศึกษาข้อดีของผู้อื่น
  14. ยกย่องชมเชยผู้อื่นเป็นอันดับแรก
  15. ไม่กลัวความผิด กล้าทำ/กล้ารับผิดชอบ
  16. ประหยัดเวลาไว้วันละ 15 นาที เพื่อสำรวจตัวของท่านเอง
  17. ระมัดระวังในการพูด เพราะการพูดสะท้อนค่านิยมในตัวท่าน ความคิดในตัวท่าน
  18. ให้กียรติผู้อื่น เน้นการทำงานร่วมกัน
  19. ควบคุมตนเองให้อยู่
  20. ตั้งเป้าก่อนทำงาน
  21. มานะบากบั่น อดทน สู้กับงาน
  22. เมื่อต้องการทำอะไร ต้องระลึกเสนอว่า Can do
  23. การยิ้มเปลี่ยนแปลงชีวิตคนได้
  24. วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน
  25. คงบุคลิกภาพที่ดีตลอดเวลา
  26. มีอารมณ์ขันเสมอ  สร้างบรรยากาศในที่ทำงาน
  27. ไม่เรียกร้องให้คนอื่น Perfect
  28. แหกกรอบความคิดออกมา
  29. รับฟังด้วยความกระตือรือร้น
  30. ทำงานให้มากขึ้นทุกวัน

 ดร.จีระ บอกว่า ถ้าข้างในเราสุข ข้างนอกก็จะดีด้วย

                 

 

 

 

ศาสตราจารย์(พิเศษ) วิชา  มหาคุณ

  • ปรับเปลี่ยนทัศนคติ เรื่องคุณธรรม จริยธรรม เพื่อพาบ้านเมืองไปได้  จากที่ดูอยู่ทุกวันนี้ บ้านเมืองเราเสื่อมที่สุด  อย่าสักแต่ทำไปวัน ๆ  ให้ดูเรื่อง 8K’s 5K’s เป็นตัวอย่าง  ทุนที่สำคัญของมนุษย์อย่างหนึ่งคือทุนทางคุณธรรม จริยธรรม
  • กฎหมาย คือคุณธรรม จริยธรรม แล้วนำไปสู่ธรรมาภิบาลด้วย มนุษย์เกิดมาเพราะกิเลส ตัณหาถูกสะสมมาโดยตลอด ไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอะไร แต่ระบบกฎหมายคือการยอมเสียสละส่วนตนเพื่อคนอื่น เป็นการยอมอยู่ใต้ระเบียบบังคับ ซึ่งฝืนใจตนเอง แม้กระทั่งคนที่ออกกฎหมายด้วย
  • ความรับผิดชอบจากกฎหมาย เป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ของระบบราชการ คือผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูก ภายใต้ระบบความยุติธรรมอันเดียวกัน ไม่ใช่ทำผิดแล้วมีคนช่วยอย่างนั้นเรียกว่าระบบตามอำเภอใจ
  • คุณธรรมที่สูงที่สุดของระบบราชการคือ Respect to the law – การนับถือกฎหมายคือขออยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่ขออยู่ภายใต้คน เพราะคนมีอารมณ์ มีกิเลส ตัณหา มีความทะยานอยาก แต่กฎหมายไม่มีความโลภ กฎหมายต้องเป็นกลาง
  • อยู่ในระบบต้องเรียนรู้ว่ากฎระเบียบเป็นอย่างไร ใช้โดยเจตนารมณ์ตามกฎหมายแท้ ๆ ไม่ใช่ใช้กฎหมายตามอารมณ์
  • อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ เราจะควบคุมได้อย่างไร การใช้กฎระเบียบ กฏหมาย กฎเกณฑ์ต้องอาศัยหลักจริยธรรมในการกำกับดูแล เรียกว่า Good Governance หรือธรรมาภิบาล
  • เกิดประโยชน์สุขของประชาชน คือหัวใจของข้าราชการ
  • “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” โดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช  หมายถึงเอาแผ่นดินมาห่ม รับความเหน็บหนาวจากคนที่เดือดร้อนโดยธรรม หมายถึงขอให้ฟังเสียงความเดือดร้อนทุกข์ยากของคนที่มีมากมายในแผ่นดินนี้
  • โรมันจารึกไว้ว่า “ประโยชน์สุขของมหาชนคือกฏหมายสูงสุด” หมายถึงกฎหมายต้องมองประโยชน์สุขของประชาชนทั้งหมดไม่ใช่ส่วนใดส่วนหนึ่ง นำมาสู่ทฤษฏีความสุข หมายถึงสิ่งที่เราทำลงไปในนโยบายสาธารณะ ประโยชน์ของมหาชนจะต้องเกิดผลสัมฤทธิ์
  • Conflict of Interest เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง  ทำอะไรต้องไม่ขัดแย้งกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและส่วนรวม แต่เมื่อเกิดความขัดแย้ง ผลประโยชน์ส่วนรวมต้องมาก่อน
  • ถ้าไม่รู้จักเสียสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม จะไม่ก้าวไปได้ เพราะ Ethic จริยธรรม จะสูงกว่า Moral
  • จริยธรรมคืออุดมการณ์สูงสุด ไม่ใช่มาตรการปกติ หรือมาตรฐานขั้นต่ำที่คิดไว้
  • มีจิตใจดี โอบอ้อมอารี แต่สูงกว่านั้นคือมีจิตวิญญาณแห่งความดี คือ Service mind มีจิตวิญญาณเพื่อคนอื่น  ตัวอย่าง จริยธรรม คือการอยู่ร่วมกันเพื่อให้งานเสร็จไปพร้อมกันแต่คุณธรรมคือ การดูแลพ่อแม่ พี่น้อง
  • หลักจริยธรรมต้องเข้าใจลึกซึ้งถึงวิญญาณของเพื่อนมนุษย์ด้วย  จริยธรรมจะเป็นตัวกำหนดในการตัดสินใจโดยทันที เพราะอยู่ในใจที่ส่งเสริมในการทำให้ดียิ่งขึ้น เราตัดสินใจทำประโยชน์ให้เพื่อนมนุษย์นอกจากให้ตัวเราเองและครอบครัว
  • จริยธรรมเป็นเรื่องคุณค่าของมนุษย์ล้วน ๆ เป็นเรื่องคุณธรรม จิตใจ เช่นเรื่องเสียสละ ความกล้าหาญ ความดีงามที่ทำประโยชน์ให้สังคม ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวใคร
  • ภาระหน้าที่ ก่อให้เกิดจริยธรรมที่สูงกว่ามนุษย์ปกติ หรือเรียกอีกอย่างว่ามนุษเทโว  เช่นเจ้าหน้าที่ที่มีตำแหน่งสาธารณะ ทำงานเพื่อประโยชน์ของคนหมู่มาก เพื่อคนมหาศาล คือข้าราชการ ถ้าเป็น Public Professionalism  คือจริยธรรมที่สูงกว่าปกติ ต้องใช้ในการปกครองบ้านเมือง เช่นอาจารย์ หรือ หมอ ต้องทำให้มีจิตวิญญาณอยู่ในระบบที่สูง เพราะต้องอาศัยความดีงามของมนุษย์ ถ้าทำไม่ได้จะออกจากระบบนี้เลย
  • ในทางสังคมเราจะต้องสร้างจารีตใหม่ แสดงให้ปรากฎถึงคนที่เห็นแก่ตัว ใช้อำนาจหน้าที่ปกปิดความทุจริตของตนเอง ต้องแสดงให้คนอื่นได้เห็นว่าทำตัวเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีของสังคม  ดังนั้นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงขนบธรรมเนียบประเพณีของบ้านเมืองไม่ใช่เรื่องเล็ก ต้องต่อสู้อะไรอีกเยอะ ต้องใช้ความละเอียดอ่อน ความปราณีต และศิลปะทุกประเภท  ศิลปะในที่นี้ อริสโตเติล บอกคือความละเอียด ปราณีต เราต้องทำยุทธศาสตร์ให้เหมาะสมกับคนแต่ละประเภท  คนที่มาปกครองต้องเกี่ยวข้องกับกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ เราจะไม่ออกกฎหมายที่ขัดต่อศิลธรรม กฎหมายต้องสอดคล้องกับหลักศิลธรรม เราจะละเลยตรงนี้ไม่ได้ ต้องไม่สร้างมาตรฐานว่าทำผิดต้องตายลูกเดียว เป็นต้น
  • จริยธรรมสำคัญที่สุดสำหรับผู้บริหารองค์กร  ตัวอย่างข้าราชการสิงคโปร์ก่อนรับราชการต้องแจ้งบัญชี หนี้สิน และทรัพย์สิน รู้ที่มาที่ไปของทรัพย์สิน แต่ไทยไปเอ็กซเรย์เมื่อเป็นผู้บริหารแล้ว แล้วจะเกิดประโยชน์อย่างไร ข้อแนะนำคือข้าราชการท้องถิ่น ข้าราชการส่วนภูมิภาค ต้องยื่นบัญชีรายการแสดงทรัพย์สินทั้งหมด   ไทยถือว่าย่อหย่อนที่สุดในระบบของการตรวจสอบ
  • จริยธรรมที่สำคัญที่สุดคือ Integrity ความซื่อตรง ยึดมั่นให้ถูกต้องตามธรรมนองครองธรรม เป็นความดีพร้อมซึ่งต้องมี 4 อย่างอยู่ในตัวเดียว

            1. ต้องมีปรีชาญาณ คือต้องมีความรอบรู้ Prudent  มีความเชี่ยวชาญ ใช้ได้จริงและเป็นประโยชน์จริงด้วย ต้องวิเคราะห์ แยกแยะ ใช้เหตุและผล  เหตุผลเป็นตัวประกอบว่าใช่หรือไม่ จริงหรือไม่

            2. ต้องมีความกล้าหาญ ต้องกล้าตัดสินใจ กล้าหาญในวิชาชีพ  สามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างหมดจด งดงามในวิชาชีพที่เรียนมา เช่น หมอ

            3. ต้องมีความพอประมาณ จะช่วยสร้างสมดุล ไม่หนักเกินไป ไม่เบาเกินไป รู้กาลเทศะ มีความกล้าหาญในการบอกว่าไม่ถูกต้อง  ต้องรอให้นายลดความโกรธ ให้อารมณ์ดีก่อน รู้เหตุ รู้ผล รู้ต้น รู้ปลาย รู้ประมาณ รู้กาลเวลา

            4. ความยุติธรรม ทำอย่างไรจึงยึดให้ได้ ความเป็นกลางมาจากการปราศจาคจากอคติ 4 อย่าง   1. ปราศจากจากความโกรธ  โทสาคติ

                        2. ไม่ลำเอียงเพราะความรัก ฉันทาคติ

                        3. ไม่ลำเอียงเพราะความกลัว

                        4. ลำเอียงเพราะความหลง เป็นอุปสรรคร้ายแรงต่อความยุติธรรม เช่นหลงผิดคิดว่าตัวเองรู้แต่ไม่รู้ มายาคติเป็นตัวอันตรายที่สุดจากการตัดสินใจทำทุกอย่าง

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น ให้แต่ละโต๊ะมีคำถามหรือ Comment โต๊ะละเรื่อง

  1. มีเป้าหมายในอนาคต 10-15 ปีจะทำอย่างไร
  2. เมื่อเกิดจริยธรรมไม่ถูกต้องอย่าง Integrity ถ้าท่านเป็นคนดีท่านจะจัดการอย่างไร

 

ถ้า Concept ไม่เคลียร์ จะไม่เคลียร์ตลอดชีวิต เราไม่ลงไปลึก ๆ Depth หรือ Deep Dive  การเชื่อมโยงศาสตร์ต่าง ๆ ก็จะทำได้ไม่ดี

 

คำถามที่ 1 ถ้าคนที่ออกกฎหมาย ไม่บริสุทธ์ ไม่มีจริยธรรม มีความโลภ แล้วกฎหมายผ่านมาแล้วเราจะใช้กฎหมายนั้นอย่างไร

ตอบ กระบวนการที่ออกกฎหมาย เมื่อออกมาแล้วใช้ตามเจตนารมณ์ของกฏหมายไม่ใช่ออกตามเจตนารมณ์ของคน เจตนารมณ์ของตัวบทกฎหมายคือความยุติธรรม โดยเฉพาะการใช้กฎหมายโดยศาล สิ่งสำคัญสุดคือความยุติธรรม หรือความเป็นธรรม สิ่งที่ออกมาโดยข้อบกพร่อง เช่น การพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรเป็นสิ่งผิดกฎหมาย  คำว่าไม่มีเหตุสมควรขึ้นอยู่กับการใช้ดุลยพินิจในการตัดสิน  คนที่ตัดสินต้องมีความยุติธรรมด้วยในเรื่องกระบวนการ เกี่ยวพันกับทนายความในการช่วยชี้ให้ศาลเห็นด้วยเป็นต้น กฎหมายบางครั้งที่ออกมาไม่มีความละเอียดถี่ถ้วน  จำเป็นที่ต้องขึ้นอยู่กับการตีความ  ศาลสามารถตัดสินการตีความและทำให้กฏหมายมีความยุติธรรมได้

เราสามารถฝากความหวังไว้กับผู้ใช้กฎหมายหรือไม่

  • สามารถขึ้นอยู่กับทนาย และศูนย์ให้ความช่วยเหลือทางกฏหมายเหมือนกัน
  • กระบวนการต้องเชื่อมโยง มีจุดไหนที่ช่วยเหลือได้
  • Legal Resources คือดูกฎหมายอย่างเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่ามีความสำคัญ

คำถามที่ จากประสบการณ์การทำงานของ ดร.สมโภชน์เจอปัญหาใดที่เป็นปัญหามากที่สุดและมีวิธีการจัดการอย่างไร

ตอบ

  1. 1.      วัฒนธรรมการทำงานเป็นเวลา ส่งผลต่อการทำงานไม่ทุ่มเทเท่าที่ควร  วิธีแก้คือ ต้องทำให้เป็นคนรอบรู้ และมีความเชี่ยวชาญในการทำ ต้องไม่หวงความรู้ และเป็นผู้ให้ อย่ากลัวคนอื่นรู้ว่าเราไม่เชี่ยวชาญจริง ทำให้เราไม่เดินหน้าเท่าที่ควร
  2. 2.      ก่อนเป็น ข้าราชการ Integrity สูงมากเลย แต่หลังจากการทำงานระยะหนึ่งไม่น่ายอมรับ ไม่น่าเชื่อถือ ท่านต้องพยายามดึงเอาไว้ รักษาเอาไว้ให้อยู่กับตัวของท่าน

เห็นได้ชัดว่าคนไทยทุกคนมีบัตรประจำตัวประชาชน แต่ข้าราชการมีบัตรข้าราชการแทน ไม่จำเป็นต้องมีบัตรประชาชน

  1. 3.      ความยุติธรรมในระบบราชการลดลงทุกวัน เพราะนำเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว ประโยชน์ของเพื่อนมาบริหารจัดการ ถ้าเจอแบบนี้ ก็ไม่ต้องยุ่ง ทำงานของเราให้ดี รักษา Integrity ของเรา ทำงานด้วยความเชี่ยวชาญ ทำงานด้วยความมุ่งมั่น เป็น Status ที่ดี   ถ้าเป็นผู้บังคับบัญชาที่ดีต้องมีความเป็นกลาง  เมื่อมาสู่ตำแหน่งสูง ต้องมองข้างล่างไม่มีการแบ่งพวก ข้างล่างเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมด

 

คำถามที่ 3  เรื่องผิดศิลธรรมในสังคม การที่สังคมยอมรับเปิดโอกาสให้ผิดศิลธรรม เช่นขายเหล้า ขายบุหรี่ มีวิธีการจัดการอย่างไร

ตอบ

  • เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่มีในสังคมปัจจุบัน เป็นปัญหามนุษยชาติที่มีมานานแล้ว ในฐานะที่เป็นข้าราชการ ส่งเสริมไม่ให้เกิดการพนัน หรือดื่มเหล้า ตัวอย่างเช่น มีเพื่อนที่เป็นข้าราชการก่อนวันถูกล็อตเตอรี่หยุดเพื่อไปแทงหวยเถื่อน  อยู่ที่ตัวของเรา เพราะว่าระบบ ระเบียบถูกกำกับไว้อยู่แล้ว สังคมปัจจุบันเป็นสังคมที่อลุ่มอล่วย อะไรยอมได้ก็ยอมได้ ยอมไม่ได้ก็ถูกจับเป็นต้น   วิธีการแก้เช่น มีการทำบัญชีรายจ่ายครัวเรือน พอทำแล้วรู้สึกว่ารายจ่ายที่เสียไปเป็นเรื่องเหล้าหรือบุหรี่ส่วนมากจึงทำให้สามารถเลิกได้ เป็นต้น
  • หลักจริยธรรมในการออกกฎหมาย รัฐบาลที่ดีต้องไม่ออกกฎหมายทำลายศิลธรรมหรือทำลายผู้คน แต่รัฐบาลส่วนใหญ่ทั่วโลก มีการออกกฎหมายเก็บภาษีบาป เช่นมีการทำล็อตเตอรี่ หรือเหล้าที่รัฐบาลควบคุม จดทะเบียนการค้าโสเภณีได้ในบางประเทศ  แต่รัฐบาลที่ออกกฎระเบียบนี้ไม่ใช่รัฐบาลดีแท้ แต่หลีกเลี่ยงไม่พ้น ถ้ารัฐบาลปล่อยปละละเลย  และปล่อยให้รุกรามต่อไป จะทำให้เห็นเรื่องผิดศิลธรรมเป็นเรื่องธรรมดา มีตัวอย่างการฟ้องร้องโดย กคส. คดีหวยบนดิน ฟ้องร้องรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ลงโทษ จำคุก ปรับ รอการลงอาญา หมายถึงต้องควบคุมดูแลโดยใกล้ชิดไม่ให้ลามปาม สิ่งนี้เป็นสิ่งที่รับได้ ห้ามนำเยาวชนมาโฆษณา ไม่ให้เยาวชนติดกับดักตรงนี้ ถ้าออกกฏหมายที่เอื้อเฟื้อต่อสิ่งไม่ดีต้องมีระบบควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด  ถ้าคนอายุต่ำไปซื้อกฎหมายถือว่าผิดเป็นต้น

 

คำถามที่ ถ้าสมมุติว่าศิลธรรม จริยธรรมกับกฎหมายไปกันไม่ได้ เช่น ผู้ชายอายุ 25 ปีมาจากมูลนิธิคนยากไร้ ต้องขับมอเตอร์ไซด์ แต่ไม่มีบัตรประชาชน เพราะหาที่ไปไม่ได้ เสมือนคนจรจัด ทำให้โดนตำรวจจับทุกครั้ง ในกรณีนี้ทำอย่างไร

ตอบ

  • ดร.สมโภชน์ บอกว่า อยู่ที่ผู้บังคับใช้กฏหมายเป็นด่านอันแรก กฎหมายปรับไม่ทันต่อสิ่งแวดล้อม ขึ้นอยู่กับการปรับใช้ เมื่อมีความขัดแย้งก็ต้องย้อนไปที่เจตนารมณ์ของตัวบทกฎหมายอันนั้น  
  • ดร.วิชา ถือว่าตำรวจเป็นการปฏิบัติถูกต้องแต่เพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือไม่ ประเด็นแรกต้องสอบถามว่าไม่มีบัตรเพราะอะไร อย่างคนที่ไม่มีบัตรแจ้งเกิด หรือย้ายถิ่นฐานมา เรามีวิธีการช่วยเหลือได้ แต่บางครั้งตำรวจไม่แนะนำ อันนี้เรียกว่าขาดจริยธรรมของคุณธรรมจริยธรรมของผู้ใช้กฏหมาย  คนที่มีความรู้ Legal Resources ต้องให้คำแนะนำ ว่าเขาสามารถทำบัตรประชาชนได้อย่างไร ดังนั้นข้อแนะนำนี้จึงสำคัญในการชี้ช่องทาง   ดังนั้นเรียนอะไรต้องรู้ให้จริงถึงสิ่งนั้นแล้วเราสามารถแนะนำได้

 

คำถามที่ 5 การทุจริตในปัจจุบันเป็นเรื่องนโยบาย ในข้าราชการรุ่นใหม่ต้องทำตามบังคับบัญชา อยากได้คำแนะนำข้อเสนอจะทำตัวปฏิบัติอย่างไร

ตอบ

  • ดร.สมโภชน์บอกว่า ข้าราชการต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่ชอบด้วยกฎหมาย ต้องทำ ถ้าไม่ทำผิดวินัย  แต่ส่วนใหญ่คำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายสั่งด้วยคำพูด ข้อแนะนำคือให้เขียนมาว่าสั่งอะไรเป็นลายลักษณ์อักษร ถ้าปฏิบัติตามไม่ผิดระเบียบ คนสั่งจะผิดเอง
  • ดร.วิชา บอกว่า รู้แล้วไม่ดำเนินการก็ผิดวินัย  อย่างในกรณีเพื่อนเราอาจแนะนำได้ แต่ถ้าไม่ใช่เพื่อน เราต้องบอกผู้บังคับบัญชาให้รู้และบันทึกไว้เป็นหลักฐาน  ต้องมีพยานรู้เห็น  สร้างเครือข่ายในหน่วยงานนั้น ต้องรู้ใจในหมู่คนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันปรึกษาหารือกัน
  • ระบบปัจจุบัน ระบบจริยธรรม เป็นระบบป้องกันตัวเราได้อย่างดี  เวลาพบ เห็น หรือเจออะไรต้องบันทึกไว้ แล้วดูว่าจะนำบันทึกนั้นไปใช้ได้อย่างไร สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์มาก

 

คำถามที่ 6  มีความคิดเห็นอย่างไรกับระบบอุปถัมภ์ที่อยู่ในระบบราชการไทย และมีแนวทางในการปรับเปลี่ยนระบบราชการนี้อย่างไร

ตอบ

  • ดร.สมโภชน์บอกว่าเป็นเรื่องแก้ไขยาก ถ้าเราลดได้ ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงจะแก้ไขได้ง่าย ปัญหาเกิดขึ้นทันที การแก้ไขในเรื่องอุปถัมภ์  ถ้าลูกน้องเก่งทุกคน ต้องคุยกัน ถ้าการตัดสินใจเราบนความถูกต้อง บนความชัดเจนจะเป็นทางออกที่สำคัญ
  • ดร. วิชา บอกว่าระบบอุปถัมภ์เป็นเรื่องที่เราต้องพึ่งพาอาศัย เราสามารถยืนหยัดด้วยขาของตนเอง  ดังนั้นในกระบวนการที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินการ เช่นช่วยเหลือคนนั้น คนนี้เพราะอะไร หาทางเอาข้อสอบมาให้ได้ ต้องปฏิเสธโดยทันที จากที่ผ่านมาเหตุที่ได้มาขึ้นอยู่กับพวกหัวใจเหล็กของพวกเลขาทั้งหลาย  ดังนั้นการต่อสู้ในระบบอุปถัมภ์จะเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงมาก เพราะล้วงลูกมาลึกลง ลึกลงทุกที

 

ดร.จีระ บอกว่า ทั้งสองท่านได้เน้นว่าอนาคตของประเทศ Trend  Negative น่าจะมากกว่า Positive  เพราะฉะนั้นการพลิกฟื้น ในการเป็นไม้ที่อ่อนจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ มีการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ที่เหมาะสม มีความต่อเนื่อง ต่อเนื่องและต่อเนื่อง  ไม่มีใครที่ Perfect แต่มุ่งมั่นปรับตัวเองตลอดเวลา ต้องมี Standard ,Quality ,Excellence

ความรู้ในอนาคตข้ามศาสตร์ แต่ความรู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความรู้ในการแก้ปัญหา

Success หรือ Impact ในอนาคตยากมาก แต่กระบวนการไม่ยาก

 

การส่งการบ้านทาง Blog : 3 ชั่วโมงครึ่งได้อะไร เอาของที่มีอยู่ในตัวเราแล้วมาปะทะกับสิ่งใหม่ ๆ เอาจุดที่ดีอยู่แล้ว ถ้าขาดอะไรบางอย่างก็เติมลงมา

เขมิกา ถึงแก้วธนกุล

โดยอาจารย์นุ๊กส์ กลุ่มจิตตรี

อะไรที่ทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่

  • อคติทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่
  • สติทำให้เรื่องใหญ่เป็นเรื่องเล็ก

ทฤษฎี 4 ร

  • ความรัก รักตัวเองให้เป็นและคนอื่นเป็น
  • เรียนรู้ เรียนรู้ชีวิต เรียนรู้ทุกสิ่งอย่างตั้งใจ
  • เริ่มทำ
  • รักษาไว้ในสิ่งดี ๆ สิ่งที่เรียนรู้ และรักษาไว้ให้เกิดขึ้น
เขมิกา ถึงแก้วธนกุล

สรุปการบรรยายโดยทีมงาน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

การบรรยายหัวข้อ  ข้าราชการไทยกับการเตรียมความพร้อมเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน

โดย ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์

วันที่ 1 สิงหาคม 2555

 

Workshop

แบ่งกลุ่ม 4 กลุ่มยึดตามหน่วยงานเป็นหลัก แล้ววิเคราะห์..

1)     AEC – จุดแข็งของข้าราชการไทยฯ – โอกาส (Opportunities) – ยุทธวิธีในการฉกฉวยโอกาสจาก AEC ที่เหมาะสมขององค์กร

2)      วิเคราะห์ AEC – จุดอ่อนของข้าราชการไทยฯ –ความเสี่ยง(Risks) – ยุทธวิธีในการลดความเสี่ยงจาก AEC ที่เหมาะสมขององค์กร

3)     เสนอโครงการเพื่อการสร้าง “ทุนมนุษย์” ในองค์กรเชิงรุกพร้อมรับ AEC

4)      เสนองานวิจัยที่น่าสนใจของหน่วยงานเพื่อตอบโจทย์ AEC และการพัฒนาอย่างยั่งยืน

วัตถุประสงค์

  1. สร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเรื่องอาเซียนเสรี
  2. เปิดโลกทัศน์ให้ทุกท่านเห็นการเปลี่ยนแปลง

-          Internationalism

-          Professionalism

-          Right Attitude/Mindset

-          คุณธรรม จริยธรรม

ถ้ามี 4 ตัวนี้จะชนะ

  1. สร้างแรงบันดาลใจ มองโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเข้าใจ และสนุกกับการฟังในวันนี้  ถ้าทำให้คนเก่งต้องเปลี่ยน Intangible มาเป็น Tangible เพื่อให้วัดให้ได้  
  2. กระตุ้นให้ทุกท่านค้นหาตัวเองและค้นหาองค์กรของเรา..ว่าจะปรับตัวกับการเปิดเสรีอาเซียนอย่างไร?  สร้างศักยภาพการแข่งขัน

     ฟังและคิดไปด้วย ต้องพร้อมที่จะปรับตัวให้ทันเหตุการณ์

  1. แสวงหาโอกาสใหม่ที่จะเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชน/ชุมชน
  2. มองการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ สร้างเครือข่าย (Networks)
  3. ลดปัจจัยทางลบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
  4. มีการแบ่งกลุ่มเพื่อรับฟังความคิดเห็น และนำมาพัฒนาเพื่อเตรียมความพร้อมต่อไป
  5. แนะนำวิธีการถ่ายทอดให้แก่ผู้อื่นฝึกการเป็น Trainers

 

10   ประเด็นที่ต้องรู้จริง..เพื่อก้าวไปกับอาเซียนเสรี

  1. 1.               ประเทศในอาเซียนมี 10 ประเทศ ประกอบด้วย

ไทย

มาเลเซีย

ฟิลิปปินส์

อินโดนีเซีย

สิงคโปร์

บรูไน

ลาว

กัมพูชา

เวียดนาม

พม่า

          การรวมตัวอาเซียนเริ่มที่ประเทศไทย.. เป็นผู้ริเริ่ม

ความสำเร็จของ AEC ต้องรวมตัวกันหลายตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ เอกชน ชุมชน ท้องถิ่นประชาชน

  1. 2.   ข้อตกลงร่วมมือกัน 3 สาขาใหญ่คือ เศรษฐกิจ และการค้า การลงทุน

   สังคมและวัฒนธรรม ความมั่นคงทางการเมือง และสำคัญที่สุดจะเชื่อมโยงทั้ง 3 เรื่องเข้าด้วยกัน เรียกว่า “ASEAN Connectivity” เชื่อมโยงเข้าหากัน

  1. 3.   เสรี แปลว่า สินค้าและบริการที่ตกลงกันแล้ว จะไม่มีการกีดกัน ประเทศใดเก่งก็สามารถขายสินค้าหรือบริการในประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มอาเซียนได้โดยไม่มีภาษีศุลกากร

ยังเปิดเสรีเรื่องการลงทุน ประเทศใดมีความสามารถในการระดมทุนการเงินมากกว่าประเทศอื่น ก็เข้าไปลงทุนในประเทศเหล่านั้นได้ เช่น ถ้าสิงคโปร์มีทุนมากกว่าก็สามารถนำเงินมาลงทุนในประเทศไทยได้

การเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามประเทศอาเซียนด้วย เช่น ถ้าคนไทยเก่งก็สามารถไปทำงานในอาเซียนได้ และคนมาเลเซียก็อาจจะมาทำงานแข่งกับคนไทยได้ คนไทยก็อาจจะตกงานได้ หากไม่พัฒนาทุนมนุษย์

  1. 1.      แพทย์
  2. 2.      พยาบาล
  3. 3.      ทันตแพทย์
  4. 4.      วิศวกร
  5. 5.      สถาปัตยกรรม
  6. 6.      การสำรวจ
  7. 7.      นักบัญชี

     ที่พูดทั้งหมดคือตระหนักว่าอาเซียนเสรีคืออะไร จะปรับตัวอย่างไร ก.พ . สำนักนายก สภาความมั่นคง กรมเหมืองแร่จะทำอะไร

  1. สิ่งที่สำคัญที่สุดในวันนี้ ก็คือ ค้นหาตัวท่านต้องคิด วิเคราะห์ว่าอะไรเกิดขึ้นเตรียมพร้อม และสำคัญที่สุดจะฉกฉวยโอกาส และหลีกเลี่ยงการคุกคามอย่างไร?

 มีความมั่นใจว่าเราปรับตัวอยู่ในประชาคมอาเซียนได้อย่างดี

  1. 5.      การปรับตัวข้าราชการไทยในวันนี้

-          สิ่งแรกก็คือ เข้าใจ ศึกษาให้ถ่องแท้

-           โอกาสที่เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง อยู่ที่ว่าเราจะฉกฉวยอย่างไร?

-          โอกาสแรก คือ เรื่องการขยายของตลาด เฉพาะอาเซียน อย่างเดียวก็เพิ่มประชากร/ผู้บริโภคเพิ่มจาก 64 ล้านคน เป็น 500 ล้านคน.. ถ้านับอาเซียน+6 ก็มีผู้บริโภคเพิ่มขึ้นหลายพันล้านคน

-          การปรับตัวที่สำคัญที่สุดคือมองว่าเราอยู่คนเดียวไม่ได้แล้ว ต้องปรับทัศนคติที่จะอยู่ร่วมกัน

  1. รักษาภูมิปัญญาและรากเหง้าหรือความเป็นตัวตนของคนไทยเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
  2. ต้องพัฒนา “คนไทย” ให้ “สื่อสาร” ภาษาอังกฤษ+ภาษาอาเซียนได้ อย่างภาษายาวีก็สำคัญมากควรศึกษาเช่นกัน
  3. การปรับตัวที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่ง คือ ความใฝ่รู้
  4. การพัฒนาคุณภาพของทรัพยากรมนุษย์หรือทุนมนุษย์ของคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของข้าราชการ SMEs และผู้นำชุมชน

8K’s

  • Human Capital                      ทุนมนุษย์
  • Intellectual Capital               ทุนทางปัญญา
  • Ethical Capital                      ทุนทางจริยธรรม
  • Happiness Capital               ทุนแห่งความสุข
  • Social Capital                       ทุนทางสังคม
  • Sustainability Capital        ทุนแห่งความยั่งยืน
  • Digital Capital                       ทุนทาง IT
  • Talented Capital                ทุนทางความรู้ ทักษะ และทัศนคติ

5K’s

  • Creativity Capital                  ทุนแห่งการสร้างสรรค์
  • Knowledge Capital              ทุนทางความรู้
  • Innovation Capital                ทุนทางนวัตกรรม
  • Emotional Capital                 ทุนทางอารมณ์
  • Cultural  Capital                    ทุนทางวัฒนธรรม

10. การบริหารความเสี่ยงโดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

 

 

 

 

จากการอ่านหนังสือ 8k's + 5k's ทุนมนุษย์ของคนไทยรองรับประชาคมอาเซียน จากการที่ประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นประชาคมอาเซียนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า นั้นทำให้ เกิดความตื่นตัวของทุกภาคส่วน เพื่อเตรียมตัวสู่การการเป็นปตะชาคมอาเซียนและ เพื่อให้คนไทยสามารถปรับตัวเพื่อก้าวไปสู่ประชาคมอาเชียนได้อย่างยั้งยืน การพัฒนา คุณภาพทรัพยากรมนุษย์การใช้ทฤษฎี 8k's นั้นสามารถนำไปพัฒนาบุคคลเพื่อเข้าสู่ ประชาคมอาเซียนได้เลยทีเดียวและทฤษฎี 2r's การมองจริง,มองสิ่งที่ตรงกับความต้องการ ทำให้เปิดโลกทัศน์ แสดงความคิกเห็นดีๆเพื่อที่จะพัฒนา ต่อไปทั้งทางปัญญาและทั้งด้านคุณธรรมจริยธรรมและสามารถใช้ทฤษฎี 5k's ในการต่อยอดเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในยุคอาเซียนเสรีได้อีกด้วย การเรียนรู้นั้น เราสามารถเรียนรู้ได้ทุกวันเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆและเรียนรู้กับสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา เพื่อเพิ่มความรู้ ทางนวัฒกรรม วัฒนธรรม และความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆตลอดเวลา เพื่อก้าวสู่เสรีอาเซียนอย่างมั้นใจ

ชาญศักดิ์ คูคีรีเขต

ประโยชน์ที่ได้จากการอบรม วันที่ 30 กรกฎาคม 2555

    ได้ทราบถึงบทบาทความแตกต่างระหว่าง ผู้นำ และ ผู้จัดการ  และคุณลักษณะของผู้นำที่ดี  และทำอย่างไรเราถึงสามารถพัฒนาตนเองไปเป็นผู้นำได้  สิ่งที่น่าสนใจคือ ทฤษฎีการสร้างผู้นำในอนาคต ( 5 E) เพราะดูเป็นขั้นตอนสามารถนำไปฝึกฝนได้ ในชีวิตการทำงาน 

ประโยชน์ที่ได้จากการอบรม วันที่ 31 กรกฎาคม 2555 (ช่วงเช้า) ในช่วงเช้าเป็นกิจกรรม Corporate Social Responsibility การรับผิดชอบธุรกิจที่ดีต่อสังคมและส่วนรวม (csr) ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ทำงานเป็นทีม ได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นนอกสถานที่กันอย่างเต็มที่ เพราะหากเสนอความคิดเห็นในห้องประชุม อาจจะไม่กล้าแสดงออกกันมากนัก ซึ่งผลที่ได้จากกิจกรรมช่วงนี้ รวมทั้ง 4 กลุ่มที่ได้รับฟัง คือ ทุกกลุ่มเน้นการพัฒนาโดยให้ชุมชนมีส่วนร่วม เป็นการวางแผนให้ชุมชนรู้จักดำเนินการได้ด้วยตัวของชุมชนเอง โดยที่มีภาครัฐเข้าไปมีส่วนช่วยเหลือ ซึ่งหากชุมชนสามารถทำตามแบบแผนที่ได้วางไว้แล้ว ความสำเร็จก็จะเป็นความยั่งยืนของชุมชนเอง ซึ่งตรงตามโจทย์ที่ได้รับ

ประโยชน์ที่ได้จากการอบรม วันที่ 31 กรกฎาคม 2555 การสร้างและบริหารทีมของข้าราชการยุคใหม่ในยุคของการเปลี่ยนแปลง (ช่วงบ่าย รศ.ดร.เฉลิมพล เกิดมณี)

    ได้รับความรู้ว่า การที่เราจะจะอยู่ในองค์กรใดองค์กรหนึ่ง จะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร  ได้รู้ถึงลักษณะของ IQ,EQ,MQ,SQ และวิเคราะห์กลุ่ม ทั้ง 4 กลุ่มว่ามีลักษณะนิสัยอย่างไร และได้เข้าใจว่า ลักษณะคนกลุ่มใดต้องปฏิบัติตัวด้วยอย่างไร การทำงานถึงจะราบรื่น

รับทราบวิธีการพัฒนา ทั้ง IQ และ พัฒนา EQ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในการปฏิบัติงาน ได้ตระหนักถึงความสำคัญของทีม ว่าในทีมแม้จะมีความแตกต่างกันแต่เราสามารถทำงานร่วมกันได้ การทำงานเป็นทีมต้องใจกว้าง เปิดโอกาสให้คนในทีมแสดงความคิดเห็น และการทำงานเป็นทีมควรพูดคุยกันก่อนทำงานทุกครั้ง เพราะหากไม่คุยกันไม่ร่วมมือกันงานที่ออกมาก็จะไร้เป้าหมาย

นายเจมวิทย์ จันฤาชัย
     ความรู้ที่ได้จากหนังสือ เป็นการเปิดโลกทัศน์ความคิดของตัวผมเองให้เห็นความสำคัญของการพัฒนาศักยภาพของตน  ยิ่งในยุคแห่งโลกาภิวัตน์ การเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ประเทศไทยต้องพัฒนาทุนมนุษย์อีกมาก ข้าราชการรุ่นใหม่หรือข้าราชการใหม่อย่างผมขอเป็นฟันเฟืองตัวเล็กๆ ที่ช่วยพัฒนาประเทศให้สุดความสามารถ ถึงแม้ความรู้ ความสามารถที่มีอยู่ ณ ตอนนี้ ยังคงต้องพัฒนาตามหลักการที่อาจารย์ให้ไว้ในหนังสืออีกมาก

  สิ่งที่ผมเห็นตรงกับอาจารย์ คือ การพัฒนาทุนมนุษย์ ควรพัฒนาวางรากฐานตั้งแต่เด็ก จากครอบครัว สถาบันการศึกษา ชุมชน ศาสนา  และการน้อมนำหลักการพัฒนาต่าง ๆ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นหลักในการพัฒนาซึ่งจะทำให้การพัฒนาทุนมนุษย์เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ถ้ารากฐานของทรัพยากรมนุษย์เราพร้อมกับการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน  จะทำให้ประเทศไทยก้าวอย่างมั่นคง

   จากทฤษฎีทุน ๘ ประการ และทฤษฎีทุนใหม่ ๕ ประการ บวกกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง ถ้าประเทศไทยพัฒนาทรัพยากรมนุษย์โดยใช้หลักการข้างตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผมเชื่อว่าประเทศไทยจะพัฒนาไปในทิศทางที่เป็นบวก มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน .
ชาญศักดิ์ คูคีรีเขต

วันที่ 1 สิงหาคม 2555 (เช้า)

     คือ วิธีการปฏิบัติตัวให้มีความเชี่ยวชาญในวิชาชีพของตนเอง การปฏิบัติตนเองให้มีคุณค่าในสายตาของประชาชน ไม่ทำงานเช้าชามเย็นชาม ตระหนักถึงความมีจริยธรรมคุณธรรมและข้อกฎหมาย  ซึ่งในส่วนของคุณธรรมจริยธรรมนั้น ข้าราชการต้องรักษาไว้ 24 ชั่วโมงไม่ว่าจะนอกเวลาราชการหรือในเวลาราชการ 

วันที่ 1 สิงหาคม 2555 (บ่าย)

        เมื่อจะเข้าสู่ AEC ในปี 2558 อาจารย์ให้แนวคิดว่าเราควรพัฒนาอะไร อย่างไร ถึงจะสู้กับประเทศต่างๆได้ และได้ความตระหนักว่า เราควรฝึกฝนภาษาอังกฤษซึ่งจะใช้เป็นภาษากลางในการติดต่อสื่อสาร  ในการแบ่งกลุ่มได้เข้ากลุ่มร่วมกับกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ได้วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน ของข้าราชการในกรม ซึ่งไม่ใช่กรมที่ผมสังกัดอยู่ ทำให้มีมุมมองกว้างขึ้นจากการเข้ากลุ่ม 
ชาญศักดิ์ คูคีรีเขต
           สิ่งที่ได้จากหนังสือ 8k's + 5k's  สิ่งที่ได้ประโยชน์มากคือในส่วนของทุนมนุษย์  เพราะในชีวิตวัยเด็กผมได้มีครอบครัวที่อบรมสั่งสอนฝึกอบรมนิสัยให้รู้จักรับฟังความคิดเห็นผู้อื่นและให้เกียรติผู้อื่น และในปัจจุบันและอนาคตในการทำงาน เราสามารถนำทุนด้านต่างๆมาปรับใช้ ทุนที่คิดว่าสำคัญในการทำงาน ในความคิดส่วนตัวผมคิดว่า ทุนทางปัญญา ทุนทางจริยธรรม และทุนทักษะทรรศนคติส่วนในทุนด้านอื่นๆเราได้ศึกษามาบ้างแล้วในทุนมนุษย์ และที่สำคัญคือ การต่อยอดความรู้
                ประเทศในแถบอาเซียน จะเปลี่ยนแปลงเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน จากที่ได้อ่านหนังสือส่วนสำคัญที่ได้รับคือ  กลุ่มประเทศอาเซียนมีประเทศใดบ้าง และเราจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร ตระหนักถือสิ่งที่จำเป็นคือ การฝึกภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสิ่งที่เราควรสร้างและรักษาไว้ คือสร้างแบรนด์ที่เป็นจุดเด่น ซึ่งอาจารย์ได้สอนว่าสิ่งที่เราต้องรักษาไว้คือ วัฒนธรรม ของชาติ ซึ่งหากเรามีการบริหารจัดการที่ดี จะเป็นประโยชน์อย่างมากในอนาคต

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากกิจกรรม วันที่ 31 ก.ค. 55 ดังนี้ ช่วงที่ 1 กิจกรรม CSR ได้เรียนรู้การวิเคราะห์ปัญหาและวิธีการแก้ไขปัญหาที่มีในพื้นที่ ทำให้ตระหนักถึงความรับผิดชอบของข้าราชการรุ่นใหม่ที่มีต่อสังคม และการทำงานร่วมกับผู้อื่นต้องเปิดใจกว้างรับฟัง โดยปราศจากอคติ และรู้จักถกประเด็นปัญหา หรือที่อาจารย์จีระเคยกล่าวว่าเป็นการประทะทางปัญญาซึ่งก็คือแต่ละคนต้องเอาเหตุผลมาสู้กัน การสู้กันนี้จะไม่มีฝ่ายแพ้หรือชนะแต่จะนำมาสู่เป้าหมายของทีมที่ทุกคนมีร่วมกัน กิจกรรมช่วงที่ 2 โดย รศ.ดร.เฉลิมพล เกิดมณี อาจารย์ได้จุดประเด็นเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์ว่าสิ่งที่ทำให้มนุษย์แตกต่างกันทางกายภาพคือ สิ่งแวดล้อม และการเลี้ยงดู และสิ่งที่ทำให้มนุษย์มีพฤติกรรมต่างกันคือแรงจูงใจและจินตนาการ ดังนั้นพฤติกรรมการทำงานเป็นทีมเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายอย่างใดอย่างหนึ่งจึงต้องมีแรงจูงใจร่วมกับจินตนาการ ซึ่งการมุ่งสู่เป้าหมายนี้ทีมต้องมีความอดทน (Endurance) และสมรรถนะ (Capability) ด้วย นอกจากนี้การทำงานเป็นทีมต้องรู้จักวิเคราะห์บุคลิกภาพของแต่ละคนเพื่อเรียนรู้พฤติกรรมที่แสดงออกมา โดยสามารถจำแนกได้ 4 ประเภทคือ นักทฤษฏี นักพจนภัย นักปฏิบัติ และนักกิจกรรม เมื่อเราทราบว่าแต่ละคนมีบุคลิกภาพอย่างไร การปฏิบัติ หรือการ Coaching คนแต่ละประเภทก็ต้องใช้วิธีการที่แตกต่างกัน ช่วงที่ 3 กิจกรรมกีฬาสีชายหาด สนุกมากเพราะได้เล่นเกมส์ที่สร้างความสามัคคีและรู้จักเพื่อนต่างหน่วยงานมากขึ้น ได้เรียนรู้ที่จะวางแผนและรู้แพ้รู้ชนะ รู้อภัย

สำหรับการอบรมในวันสุดท้่ายที่ชะอำ (๑ สิงหาคม ๒๕๕๕) ได้รับความรู้จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ 2 ท่าน คือ อ.ดร.สมโภช นพคุณ ที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการมีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน การวางแผนในการใช้ชีวิต การพัฒนาตนเอง รวมทั้งการแสดงความเป็นตัวตนของแต่ละบุคคล (ปัจจัยของการแสดงความเป็นตัวตน ได้แก่ ๑. ปัจจัยด้านอัตลักษณ์ของบุคคลนั้นๆ ๒. ปัจจัยด้านองค์กร/งาน ๓. ปัจจัยด้านสังคม การเมือง และกฎหมาย ๔. ปัจจัยที่มาจากสภาพแวดล้อมภายนอก) นอกจากนี้ ท่านยังได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการสร้างความน่าเชื่อถือว่ามาจาก พฤติกรรมของตนเองที่สะท้อนถึงความเป็นตัวตน และ ๒.ความเชี่ยวชาญในการแสดงออก ดังนั้น ความน่าเชื่อจึงถูกสร้างจาก 2 องค์ประกอบ ได้แก่ ๑. ความเชื่อถือ และ ๒. ความไว้วางใจ อีกทั้งท่านยังได้กล่าวถึงการสร้างความเชี่ยวชาญว่า คือ การหาความรู้ใหม่ๆ เพื่อเสริมสร้างภูมิปัญญาที่มีอยู่ของตัวเองให้ต่อยอดขึ้นไปมากกว่าเดิม ซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้งตนเอง หน้าที่การงาน และองค์กรที่สังกัด และการสร้างความไว้วางใจ ว่า เป็นการทำให้คุณค่าที่มีอยู่ในตนเองชัดเจนขึ้น รวมทั้งสา่มา่รถถ่ายทอดไปสู่ผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิท่านที่ ๒ ได้แก่ ศ.พิเศษ วิชา มหาคุณ ท่านจะเน้นย้ำถึงคุณธรรมและจริยธรรมของข้าราชการ ได้แก่ จริยธรรม ธรรมาภิบาล และกฎหมาย ซึ่งคุณธรรมและจริยธรรม จะเป็นพื้นฐานของกฎหมาย ที่จะนำไปสู่ ธรรมาภิบาล ภายในสังคม ซึ่งจริยธรรมคือ อุดมการณ์/มาตรฐานด้านความประำพฤติของมนุษย์ที่เป็นจุดมุ่งหมายเพื่อความดีสูงสุด โดยเป็นตัวช่วยในการอธิบายการตัดสินใจของมนุษย์ และช่วยในการส่งเสริมการกระทำ/จุดมุ่งหมายของมนุษย์ให้เป็นไปตามแนวทางที่ถูกต้องเหมาะสม ทั้งนี้ ท่านได้เน้นย้ำถึง การเคารพกฎหมาย ว่าเป็นสิ่งอันพึงจะทำมากกว่า การเคารพตัวบุคคล ในภาคบ่าย ดร.จีระ ได้กล่าวถึงประเทศไทยในการก้าวเข้าสู่การเป็นหนึ่งในสมาชิกของประชาคมอาเซียน ว่า ควรจะมีการวางแนวทางดำเนินการเช่นไร สิ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับประเทศต่างๆ ในประชาคมอาเซียน การเตรียมพร้อมในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ทรัพยากรมนุษย์" เนื่องจาก การเข้าเป็น ๑ ในสมาชิกของประชาคมอาเซียน จะทำให้การดำเนินงานต่างๆ เป็นไปได้อย่างราบรื่นขึ้น ทั้งนี้ในฐานะของการเป็นข้าราชการจึงควรที่จะรู้ถึงแนวทางการดำเนินงาน วิธีการปฏิบัติตน และความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียนที่ถูกต้อง และสามารถนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง หน้าที่การงาน สังคม และประเทศชาติได้อย่างเต็มที่

ปิญาทิพย์ พรหมพิทักษ์

สิ่งที่ได้รับจากการอ่านหนังสือ เรื่อง 8K's + 5K's ทุนมนุษย์ของคนไทยรองรับประชาคมอาเซี่ยน มีดังนี้ สำหรับทุน 8 ประการคือ ได้ทราบถึงแนวคิด ทฤษฎี ต้นทุนต่างๆ ซึ่งสามารถนำไปเป็นเครื่องมือในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเปิดโลกเสรีอาเซี่ยนซึ่งไม่เพียงแต่ภาคราชการเท่านั้น ยังรวมทั้งภาคเอกชนด้วย ซึ่งเราจะต้องรู้จุดแข็ง จุดอ่อน ของเราเพื่อขับเคลื่อนพลังอาเซี่ยนได้อย่างตรงจุดและสามารถอุดช่องว่าง รวมทั้งเติมเต็มได้อย่างสมบูรณ์แบบให้มีความพร้อมรับมืออาเซี่ยนให้มากที่สุด นอกจากทุน 8 ประการที่จะเป็นพื้นฐานของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์แล้ว ยังมีทุนที่สำคัญที่จะต้องพัฒนา อีก 5 ประการ ซึ่งความสำคัญอยู่ตรงที่ หากคุณสามารถพัฒนาให้มีทั้ง 5 ทุนนี้แล้ว ไม่เพียงแต่เวทีอาเซี่ยนเท่านั้น คุณยังสามารถยืนหยัดแข่งขันบนเวทีโลกได้ทุกเวที และสุดท้าย ยังได้ทราบถึงแนวคิด ของคนไทย ที่ช่วยกันระดมความคิดเพื่อแสดงให้เห็นถึง จุดอ่อน จุดแข็ง รวมถึงเราจะพัฒนาอย่างไรให้มีความพร้อมในการเตรียมรับมือสู่โลกอาเซี่ยน

ปิญาทิพย์ พรหมพิทักษ์

สิ่งที่ได้รับจากการอบรมวันที่ 1 ส.ค. 55 คือ ได้รับทราบถึง ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการกระทำ พฤติกรรม จริยธรรมของบุคคลในการทำงาน การอยู่ร่วมกันในสังคม และ เรื่องจริยธรรม ธรรมาภิบาล และกฎหมาย และนอกจากนี้ยังมีการแบ่งปันและช่วยกันแสดงความคิดเห็น กับท่านอาจาย์ทั้ง 3 ท่าน ในเรื่องของ กฎหมายออกมาจากคนที่ผิด ศีลธรรมกับกฎหมายไปด้วยกันไม่ได้ เรื่องของการทุจริตเชิงนโยบาย เรื่องของระบบอุปถัมภ์ เรื่องภาษีบาป เป็นต้น ทำให้ได้คำตอบที่เป็นประโยชน์ต่อการนำไปปรับใช้ในชีวิตข้าราชการ และในช่วงบ่ายยังได้ทราบถึงเรื่องประเด็นสำคัญที่เราควรให้ความสำคัญกับการเข้าสู่ประชาคมอาเซี่ยน รวมถึงการช่วยกันวิเคราะห์และระดมความคิดเกี่ยวกับหน่วยงานของตนเองเพื่อการเตรียมความพร้อมสู่อาเซี่ยน

กัญจน์ณัฏฐ์ ประถมวงศ์

จากการเรียนรู้ในวันที่ 31 ก.ค. 55 นั้นได้รับความรู้ในเรื่องต่างๆ มากมาย ดังนี้ 1. การออกกําลังกายและการบริหารใบหน้า ทําให้เราแข็งแรง จิตใจเบิกบาน 2. กิจกรรม CSR ฝึกให้คิดโครงการที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวม การมีจิตใจที่อยากจะพัฒนา นอกจากนี้ยังฝึกให้เรารู้จักรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น การรับฟังทําให้เราได้รับความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ 3. ได้เรียนรู้ว่าทุกสิ่งบนโลกนี้มีคุณค่า เราต้องมองเห็นคุณค่าของตัวเอง ให้เรานําคุณค่าที่มีมาใช้กับการทํางานอย่างเหมาะสมและมีความสุข อย่าลืมขอบคุณทุกสิ่งที่มีคุณค่ากับตัวเราเสมอ

กิจกรรมวันที่ 1 ส.ค. 55 ช่วงที่ 1 โดย อาจารย์สมโภชน์ นพคุณ (อดีตรองเลขาธิการ ก.พ.) ท่านได้กล่าวว่า "คนเราเมื่อตั้งใจจะทำอะไรแล้ว ขอให้ตั้งใจจริงๆ" เช่นเดียวกับการปฏิบัติราชการต้องมีการพัฒนาตนเอง โดยต้องเรียนรู้ทุกๆวัน และคิดว่าวันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน พรุ่งนี้ก็ต้องดีกว่าวันนี้ด้วย โดยเริ่มจากการตั้งเป้าหมายในการทำงาน และเรียนรู้การทำงานและวิธีการที่เราจะไปสู่เป้าหมายนั้นๆอย่างตั้งใจ และอาจารย์ฯได้แนะนำนิสัย 30 ประการที่ข้าราชการรุ่นใหม่พึงมี (ตามที่คุณเขมิกา ถึงแก้วธนกุล ได้กรุณาสรุปไว้ข้างต้น)

ช่วงที่ 2 โดย อาจารย์วิชา มหาคุณ (กรรมการ ป.ป.ช.) กล่าวว่าจริยธรรม ธรรมาภิบาล และกฏหมายคือหัวใจสำคัญของข้าราชการ โดยเฉพาะกฏหมายเป็นที่รวมของคุณธรรมและจริยธรรมเพราะการที่มนุษย์ยอมอยู่ภายใต้การควบคุมของกฏหมายก็เป็นคุณธรรมอย่างหนึ่งก็คือการสละกิเลส นอกจากนี้การเป็นข้าราชการคือการ "respect to the law not respect to the man" เป็นการปฏิบัติภายใต้เจตนารมณ์ของกฏหมายที่มีความเป็นกลางไม่ใช้ตามความต้องการของคนใดคนหนึ่งที่ขึ้นอยู่กับอารมณ์ และข้าราชการทุกคนต้องมีมาตรฐานการปฏิบัติที่สูงกว่าคุณธรรมปกติคือหรือเป็นจุดมุ่งหมายเพื่อความดีสูงสุดที่เรียกว่า "จริยธรรม" และท้ายสุดอาจารย์ได้เน้นถึงความสำคัญของหลัก "Good Governance" ตาม พ.ร.ฏ.วิธีบริหารกิจกิจการบ้านเมืองที่ดี มาตรา 6 ว่าด้วยการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ที่ข้าราชการทุกคนต้องยึดถือปฏิบัติ

ช่วงที่ 3 หัวข้อ "ข้าราชการไทยกับการเตรียมความพร้อมเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน" โดยอาจารย์จีระ หงส์ลดารมภ์ ได้เรียนรู้ว่าข้าราชการไทยต้องเรียนรู้ตัวเองและเพื่อนบ้านเพื่อสร้างโอกาสและป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในโอกาสที่ประเทศไทยจะก้าวเข้สู่การเป็นสมาชิกประชาคมอาเซียน

พิมพ์บุญญา บุณยพิพิธ
         สิ่งที่ได้รับจากการเีีรียนรู้ในวันที่ 31 กรกฏาคม   ได้รับความรู้เกี่ยวกับการทำ CSR เพื่อชุมชนว่าคืออะไร แล้วควรที่จะเลือกทำสิ่งใดและมีวิธีการดำเนินการอย่างไร ได้ฝึกให้มีการคิดจากการสังเกตสิ่งรอบๆตัวหรือรอบๆชุมชน การยอมรับฟังความคิดเห็นจากเพื่อนในกลุ่มเดียวกันทำให้เกิดความหลากหลายทางความคิด การทำงานเป็นทีมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นไปตามเป้าหมายเดียวกัน  
         หากต้องการทำสิ่งใดให้สำเร็จควรกำหนดเป้าหมายที่ใหญ่เพราะจะทำให้เรามีความอดทนอดกลั้น กระบวนการคิดและบุคลิกภาพของคนแต่ละคนที่แตกต่างกันจะทำอย่างไรให้มาทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว การค้นหาคุณค่าของตนเอง การทำงานเป็นทีมหรือการสร้างทีมต้องมีเป้าหมายเดียวกัน โดยมีแนวทางปฏิบัติ คือ
  1. เปิดใจรับฟังกัน ต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
  2. รักษาน้ำใจเพื่อนร่วมทีม ให้การแบ่งปันกันและเเสดงน้ำใจต่อกัน
  3. ยอมอยู่กับปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้ดีก่อนโดยยังไม่ต้องคิดถึงอดีตและอนาคต
นางสาวรัตนอาภา ทรัพย์สมบัติ

สิ่งที่ได้จากการเข้าร่วม โครงการพัฒนาข้าราชการใหม่ฯ ที่จัดโดย Chira Academy ร่วมกับกลุ่มจิตรี ณ โรงแรมแกรนด์แปซิฟิค ซอฟเฟอริน อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เป็นระยะเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม – 1 สิงหาคม 2555

วันที่ 30 กรกฎาคม

    จากการฟังบรรยายและการทำ workshop หัวข้อ “ภาวะผู้นำของข้าราชการยุคใหม่” โดย อ.ดร.จีระ หงส์รดารมภ์ ซึ่งถือเป็น Role Model ของการเป็น “ผู้นำ” ที่ดี และการเป็น “ข้าราชการ” ที่ดี ทำให้ได้ทราบถึงความแตกต่างระหว่างการเป็น “ผู้บริหาร” และ “ผู้นำ” ซึ่งคนส่วนใหญ่จะเก่งในการเป็นผู้บริหาร แต่ยังก้าวไม่ถึงการเป็นผู้นำที่ดี เพราะผู้นำที่ดีต้องเป็นผู้ที่สามารถจัดการกับ “มนุษย์” ได้ดี ต้องสามารถสร้าง “ความศรัทธา” ให้เกิดขึ้นได้ในหมู่เพื่อนร่วมงาน ต้อง “มองไปข้างหน้า” “มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล” และเน้นการใช้ “นวัตกรรม” เพื่อให้เกิด “การเปลี่ยนแปลง” ที่ดีขึ้น ไม่ใช่เพียงแต่เน้นการบริหารควบคุมระบบ จัดการให้เสร็จเป็นเรื่องๆ มองสั้นและมองแคบ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนแปลงต่อองค์กรหรือสังคม
      ดังนั้น ในยุคโลกาภิวัตน์ที่โลกไร้พรมแดนและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราควรจะฝึกตัวเองให้เป็น “ผู้นำ” ที่ดี ปลุกศรัทธาในตัวเอง ที่สำคัญ คือ อย่าหยุดการเรียนรู้ หรือพอใจกับแค่ปริญญาบัตรที่มีเท่านั้น เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา จะทำให้เรามองภาพได้กว้างขึ้น เข้าใจโลกมากขึ้น เห็นอะไรจากหลายๆมุมมากขึ้น เป็นที่มาของแนวความคิดหรือนวัตกรรมใหม่ๆ ต้องหัดคิดนอกกรอบ กล้าที่จะคิดแตกต่าง (แต่ไม่แตกแยก) อ่อนน้อม ถ่อมตนอยู่เสมอ
      และการทำ workshop เป็นเรื่องทีดีมากๆ  เนื่องจากทำให้เราได้พูดคุย เสนอความคิดของตนเอง แลกเปลี่ยนความคิดกับผู้อื่น เพราะบางสิ่งเราอาจจะคิดไม่ถี่ถ้วน หรือมองภาพไม่กว้างพอ ทำให้เราได้เรียนรู้ไปในตัว โดยเฉพาะการยกตัวอย่าง Role Model ของผู้นำ หรือข้าราชการที่ดี ทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งสำคัญสิ่งหนึ่ง คือ คุณสมบัติที่ Role Model เหล่านี้มีร่วมกัน คือ การเรียนรู้ตลอดชีวิตและการมีคุณธรรม จริยธรรมที่ดี

      ส่วนกิจกรรมละลายพฤติกรรม โดยกลุ่มจิตรี นอกจากจะได้ความสนุกสนานแล้ว ยังได้ผ่อนคลาย เนื่องจากมีการให้สมาชิกได้ปลดปล่อยอารมณ์จากการเต้น ที่เหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง และที่สำคัญ คือ การฝึกการหายใจ ทำสมาธิ เพราะทุกวันนี้เราทำงานกันหนัก ทั้งงานประจำ งานที่บ้าน และอื่นๆ มีเรื่องให้ต้องคิดมากมาย ทำอะไรแบบรีบร้อน จนบางครั้งก็ลืมที่จะดูแลตัวเองและใจตัวเอง การทำสมาธิหรือฝึกการหายใจก็จะช่วยให้เราผ่อนคลาย และมีสติในการใช้ชีวิตมากขึ้น หากฝึกเป็นประจำ

วันที่ 31 กรกฎาคม

      การทำกิจกรรมข้าราชการยุคใหม่กับกิจกรรมเพื่อชุมชน (CSR) โดยเรื่องการทำกิจกรรมเพื่อสังคมทุกวันนี้มีความสำคัญมาก เพราะการมองแต่ตัวเอง ทำแต่เพื่อความเจริญของตัวเองนั้น ในที่สุดเมื่อเราเจริญก้าวหน้า แต่สังคมหรือคนส่วนใหญ่ยังลำบาก ล้าหลังเราก็จะอยู่ไม่ได้ เพราะฉะนั้น เราจำเป็นที่ต้องร่วมกันรับผิดชอบในการสร้างสังคมของเราให้น่าอยู่ จัดการกับปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด 
      กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ข้าพเจ้าชื่นชอบมาก เนื่องจากการทำงานในส่งนกลาง อาจไม่บ่อยนักที่จะมีโอกาสได้ลงไปทำงานในพื้นที่ แต่กิจกรรมทำให้เราได้ลงไปสัมผัสกับพื้นที่ กับปัญหาที่เกิดขึ้นจริงๆ ได้ไปเห็นกับตา ได้ยินกับหูของตัวเอง ซึ่งก็ทำให้คิดได้อย่างหนึ่งว่า “ความเหลื่อมล้ำไม่มีทางหมดไปจากสังคม ไม่ว่าสังคมใด สังคมหนึ่ง แต่เราจะทำอย่างไร ให้ช่องว่างหรือความเหลื่อมล้ำนั้นมันน้อยที่สุด”

      กิจกรรมช่วงบ่าย โดย รศ.ดร.เฉลิมพล เกิดมณี เรื่อง “การสร้างและบริหารทีมของข้าราชการใหม่ในยุคโลกาภิวัตน์” เป็นกิจกรรมนี้เป็นการทำกิจกรรมในห้องที่สนุกสนานมาก เพราะอาจารย์ให้เราทุกคนเรียนรู้ “การสร้างและบริหารทีม” ด้วยตนเอง จากการมีส่วนร่วมในกิจกรรม ที่ทำให้เราต้องมีการลุกเดินไปรอบๆห้อง เพื่อจับคู่สิ่งของที่เราคิดว่าจะสามารถรวมเป็น “ทีม” เดียวกันได้ พร้อมทั้งให้อธิบายว่าเพราะเหตุใดของเหล่านี้ถึงจะเป็น “ทีม” เดียวกันได้ อีกทั้งยังมีการยกตัวอย่างที่เข้าใจง่าย เห็นภาพชัดเจน  สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่ข้าพเจ้าได้จากกิจกรรมนี้ คือ การต้องเปิดใจให้กว้าง ยอมรับในตัวผู้อื่น มองหาสิ่งดีในตัวคนๆนั้น สิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อ “ทีม” ของเรา เพราะบางครั้งเราไม่สามารถเลือกสมาชิกในทีมได้ด้วยตนเอง เพราะฉะนั้น เมื่อเรามาเป็นทีมเดียวกันแล้ว ไม่ว่าจะโดยทางใดก็ตาม เราก็ควรเรียนรู้ ปรับตัวที่จะเข้ากับทีมให้ได้ ทั้งนี้ ก็เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของเป้าหมายที่มีร่วมกันของทีม

วันที่ 1 สิงหาคม

      วันนี้ถือเป็นวันที่ดีมาก ที่มีโอกาสได้รับฟังการบรรยายจาก Role Model ทั้ง 3 ท่าน ได้แก่ อ.ดร.จีระ หงส์รดารมภ์, ศ.(พิเศษ) วิชา มหาคุณ และดร.สมโภชน์ นพคุณ เพราะแต่ละท่านต่างมีภาระหน้าที่ที่ใหญ่หลวง ท่านไม่จำเป็นต้องมาสนใจเด็กๆอย่างพวกเราก็ได้ แต่ท่านก็ยังให้ความสำคัญกับการมาบรรยายให้กับพวกเราข้าราชการใหม่ได้ฟัง ซึ่งก็สะท้อนให้เห็นว่าท่านทั้ง 3 เป็นผู้ที่มองการณ์ไกลและให้ความสำคัญกับการสร้าง “ทุนมนุษย์”  
      เสียดายมากๆค่ะ ที่มีเวลาน้อยไปหน่อย เนื่องจากสิ่งที่อาจารย์ทั้ง 3 ท่านพูด เป็นเรื่องที่สำคัญจริงๆกับการที่จะเป็น “ข้าราชการยุคใหม่” หรือ “การเป็นผู้นำที่ดี”
      ขอขอบคุณท่านอ.สมโภชน์ ให้เกิดแรงบันดาลใจในการเป็นข้าราชการที่ดี เป็นข้าราชการที่ตั้งใจทำงานเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่ใช่แต่ทำเพื่อตัวเอง 
      ขอขอบคุณอ.วิชา สำหรับการพูดเรื่องจริยธรรม ซึ่งถือเป็นทุนมนุษย์อย่างหนึ่ง ซึ่งดิฉันเห็นด้วยอย่างยิ่ง ว่ามีความสำคัญมาก สังคมเราอาจจะมีคนเก่งเยอะ ดอกเตอร์เยอะแยะไปหมด แต่คนที่สังคมต้องการจริงๆ คือ คนที่เก่งและดี เพราะคนเก่ง เห็นแก่ตัว ก็พาชาติล่มจมได้  อย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน

      สำหรับช่วงบ่ายการบรรยาย เรื่อง “ข้าราชการไทยกับการเตรียมความพร้อมเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน” โดยอ.จีระ จากประสบการณ์ของอาจารย์ที่ทำงานด้านทุนมนุษย์ และการเตรียมความพร้อมรับ AEC มาหลายปีนั้น ทำให้อาจารย์สามารถถ่ายทอดความรู้ให้กับพวกเราได้เป็นอย่างดี 
      สิ่งหนึ่งที่ดิฉันมองว่าอาจารย์เป็นคนที่มองการณ์ไกล เป็นผู้นำรุ่นใหม่รุ่นใหญ่จริงๆ คือ การสอนโดยการให้นักเรียนทำ workshop เพราะคนเราถ้าสักแต่ฟังบรรยาย ถึงจุดหนึ่งก็จะเบื่อ และเลิกฟังไปในที่สุด เหมือนการเรียนการสอนในระบบการศึกษาไทยปัจจุบันที่คุณครูเป็นผู้ป้อนให้นักเรียนอย่างเดียว โดยไม่ให้นักเรียนได้คิด ได้ลงมือทำด้วยตัวเองจริงๆ พอจบคอร์สมา ตอนแรกอาจจะจำได้ แต่นานๆไปก็จะลืม เพราะสิ่งที่รู้ ไม่ได้รู้จากการคิดด้วยตัวเอง แต่เกิดจากการจำหรือทำตามเขามา ดังนั้น การสอนของอ.จีระ โดยให้นักเรียนมีส่วนร่วมจากการทำ workshop  จะทำให้เราต้องคิด ต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ได้แสดงความคิดเห็นของตัวเอง รับฟังความคิดจากมุมมองของผู้อื่น ซึ่งก็จะเป็นการเรียนรู้และเปิดโลกทัศน์ของตนเองไปในตัว 

      ขอขอบคุณอาจารย์จริงๆค่ะ สำหรับความรู้ แนวความคิด และแรงบันดาลใจดีๆ

จากการฝึกอบรมวันที่ 30 ก.ค. ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการที่จะเป็นผู้นำที่ดีควรปฏิบัติอย่างไร เพื่อที่เราจะได้นำไปพัฒนาต่อยอดให้ดีขึ้น ทำให้เรากล้าคิด กล้าแสดงออก สำหรับการจะเป็นผู้นำที่ดี

จากการฝึกอบรมวันที่ 31 ก.ค. ตอนเช้าเริ่มต้นด้วยการออกกำลังกายทำให้เรารู้สึกตื่นตัวเพื่อที่จะได้ทำงานต่อไปได้อย่างกระฉับกระเฉงมากขึ้น และได้ร่วมทำ CSR ร่วมกับเพื่อนทำให้เราได้ทราบถึงปัญหาภายในชุมชน และได้ร่วมกันหาแนวทางในการพัฒนาปรับปรุงชุมชนให้มีสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น ตอนบ่ายได้เรียนเกี่ยวกับการสร้างและบริหารทีม ทำใหเราได้เรียนรู้ในการทำงานเป็นทีม ว่าในการสร้างทีมควรกระบวนการคิดที่เป็นระบบ มีความไว้วางใจกันภายในทีมจึงจะทำให้การสร้างและบริหารทีมเป็นไปได้ง่าย และประสบผลสำเร็จด้วย

จากการฝึกอบรมวันที่ 1 ส.ค. เรียนรู้เกี่วกับประสบการณ์จริงของวิทยากร ทำให้เราได้ทราบถึงจริยธรรมและคุณธรรมทีควรปฏิบัติในสังคมไทย และการเตรียมความพร้อมเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ทำให้เราได้รู้ถึงความเป็นมาของประชาคมอาเซียน แล้วควรเตรียมความพร้อมอย่างไรเพื่อให้องค์กรพร้อมที่สุดเพื่อจะได้ง่ายต่อการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

จากการที่ได้อ่านหนังสือ 8K's+5K's ทำให้ได้รับความรู้ในเรื่องของทุนมนุษย์ว่าทุกวันนี้ควรจะทำอย่างไรให้เราสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการพัฒนาหรือต้องปรับปรุงตัวหรือต้องเตรียมความพร้อมเกียวกับตัวเราอย่างไรบ้าง เพราะทุกทฤษฎีมีการทำให้เราได้พัฒนาและสร้างศักยภาพให้กับตัวเราเองเพื่อที่จะได้แข่งขัยกับผู้อื่นในสังคมได้ จึงเป็นประโยชน์มากทให้เราสามารถนำไปปรับใช้และปฏิบัติได้อย่างไม่ยากนัก

สิ่งที่ได้รับในวันที่ 30 ก.ค.55 คือ การได้เรียนรู้การเป็นผู้นำที่ดี การกล้าทำและยืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้อง คิดเร็ว ทำเร็ว โดยมีสตินึกคิดและใช้ปัญญาไตร่ตรองอย่างรอบคอบ สามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของตัวเราที่มีให้คนอื่นได้ทราบและเราก็ได้เรียนรู้และรับความรู้จากผู้อื่นไปด้วยพร้อมๆ กัน อีกทั้งเรียนรู้พฤติกรรมต่างๆ ของเพื่อนๆ เพื่อนำไปปรับใช้ในการทำงานของเรา

น.ส.รัชฎาวรรณ จันทรังษี

สิ่งที่ได้รับจากการอบรมในวันที่ 1 ส.ค. 55

 ในช่วงเช้าเป็นการอภิปราย หัวข้อ หน้าที่ บทบาทการทำงานกับทุนทางจริยธรรมของข้าราชการยุคใหม่เพื่อประชาชน

โดย ศาสตราจารย์(พิเศษ) วิชา มหาคุณและ ดร.สมโภชน์ นพคุณ ซึ่งทั้งสองท่านได้ให้ความรู้ จุดประกายความคิดในการเป็นข้าราชการยุคใหม่อย่างมาก โดยท่านอาจารย์สมโภชน์ได้เน้นย้ำให้ข้าราชการต้องเรียนรู้ทุกวันและต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอซึ่งทั้งสองสิ่งนี้จะนำพาเราจะก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้โดยไม่ต้องมีเส้นสาย ข้อคิดที่สำคัญที่จะนำมาปรับใช้กับชีวิตได้อีกประการหนึ่งคือการสร้างความเชี่ยวชาญและความไว้วางใจด้วยนิสัย 30 ประการ สำหรับความรู้ที่ได้รับจากท่านอาจารย์วิชา คือ การเน้นย้ำให้ข้าราชการต้องมี ethics หรือจริยธรรม ซึ่งถือว่ามีความหมายที่ลึกซึ้งกว่า Moral นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่ต้องยึดถือและพึงมีคือความซื่อสัตย์ (integrity) ซึ่งจะทำให้เรา้เป็นข้าราชการที่ทำเพื่อประชาชนได้อย่างแท้จริง

 ในช่วงบ่ายเป็นหัวข้อข้าราชการไทยกับการเตรียมความพร้อมเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน โดย ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์ ซึ่งทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการก้าเข้าสู่ AEC และพร้อมที่จะรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงที่มาจากการเปิดเสรีของเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน สังคมและวัฒนธรรม และความมั่นคงทางการเมือง ซึ่งในฐานะข้าราชการยุคใหม่ต้องเห็นความสำคัญและปรับตัวเพื่อรองรับในเรื่องดังกล่าว และท้ายการบรรยายได้ทำ workshop ซึ่งทำให้เราได้ฝึกคิดและได้นำความรู้ที่ได้รับมาวิเคราะห์ซึ่งทำให้เข้าใจในเนื้อหามากยิ่งขึ้น
ธัญญาภรณ์ ไสวพันธ์

สรุปหนังสือ 8K's + 5K's ทุนมนุษย์ของคนไทยรองรับประชาคมอาเซียน สิ่งที่ได้จากการอ่าน คือ การที่ประเทศไทยจะก้าวสู่ประชาคมอาเซียน ( AEC) เกี่ยวข้องและส่งผลกระทบต่อคนไทยทุกคน ทั้งในแง่บวกและแง่ลบ เป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยง ดั้งนั้นเราจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยได้รับผลประโยชน์สูงสุดในการเปิดเสรีอาเซียน คือเราต้องเร่งสร้างคนในประเทศให้เป็นคนมีคุณภาพ โดยเสนอการสร้างคุณภาพของทุนมนุษย์ด้วยการใช้ทฤษฏี 8K's + 5K's ของอาจารย์ จีระ หงส์ลดารมภ์ เป็นแนวทาง

สิ่งที่ได้รับจากการอบรมวันที่ 30 ก.ค. 55 ความรู้ในการสร้างภาวะความเป็นผู้นำ ลักษณะการเป็นผู้นำที่ดี ช่วงเย็นได้ความรู้ในการดูแลร่างกาย อารมณ์ของตนเอง

สิ่งที่ได้รับจากการอบรมวันที่ 31 ก.ค. 55 การทำงานเป็นทีม การคิดแก้ปัญหาให้กับประชาชน ช่วงเย็นได้ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนข้าราชการให้ประสบความสำเร็จ

น.ส.รัชฎาวรรณ จันทรังษี

หนังสือ 8 K’s 5K’s นี้ดีอย่างไรต่อการเป็นข้าราชการรุ่นใหม่

จากการอ่านหนังสือ 8 K’s 5K’s ทำให้ดิฉันได้ทราบถึงประวัติของ ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์ ซึ่งถือเป็นบุคคลที่ให้ความสำคัญและทุ่มเทต่อการพัฒนาทุนมนุษย์อย่างมากและได้รับการยอมรับเป็นอย่างยิ่ง สำหรับสิ่งดีๆที่ได้รับจากการศึกษาทฤษฎี 8 K’s 5K’s นั้น ทำให้เราในฐานะข้าราชการได้เห็นความสำคัญและประโยชน์ต่อการพัฒนาทุนมนุษย์ เพราะทรัพยากรมนุษย์ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการจะขับเคลื่อนองค์การและขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวหน้าพัฒนาต่อไป โดยในทฤษฎี 8 K’s นั้นถือเป็นทฤษฎีพื้นฐานในการพัฒนาคุณภาพทุนมนุษย์ ซึ่งการพัฒนาคุณภาพของทรัพยากรมนุษย์นั้นจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เรามีบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีทักษะในด้านต่างๆและพร้อมไปด้วยจริยธรรม ถือเป็นทุนมนุษย์ที่จะเป็นกำลังสำคัญต่อการพัฒนาประเทศชาติสืบต่อไป นอกจากนี้ หลังจากที่เราได้พัฒนาทุนมนุษย์ด้วยทฤษฎี 8 K’s ที่ทำให้เราได้ทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพแล้ว เราต้องเสริมด้วยทฤษฎี 5K’s ซึ่งจะช่วยต่อยอดการสร้างคุณภาพทุนมนุษย์เพื่อศักยภาพในการแข่งขัน โดยจะเกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม อารมณ์ และวัฒนธรรม ซึ่งจะเป็นตัวเพิ่มมูลค่าให้กับทรัพยากรมนุษย์เป็นอย่างมาก 
ทั้งนี้ ความรู้ที่ได้รับจากการอ่านหนังสือทำให้สามารถนำไปวิเคราะห์และปรับปรุงตนเอง รวมไปถึงการนำไปใช้พัฒนางานเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อประเทศและระบบราชการไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนและการเปิดเสรีในปี 2558

สิ่งที่ได้รับในวันที่ 31 ก.ค.55 โดยทำการแบ่งการเรียนรู้ออกเป็น 2 ช่วงคือ

 - การทำกิจกรรมข้าราชการยุคใหม่กับกิจกรรมเพื่อชุมชน (CSR) โดยการเรียนรู้วิธีนี้เป็นการเรียนรู้ที่ดีเพราะสามารถลงไปหาปัญหาที่มีอยู่จริงโดยตรงไม่ใช่นั่งจินตนาการ (นั่งเทียนเขียนโครงการ) เอาเองว่าชุมชนนี้ต้องมีปัญหาอย่างนี้แน่นอนต้องทำการแก้ไขปัญหาอย่างนี้ เพราะถ้าทำอย่างนั้นปัญหาที่มีมันก็จะคงอยู่ตลอดไปถึงแม้จะเบาบางลงไปจริงแต่ก็ไม่สามารถกำจัดให้ออกไปหมดได้ เพราะว่าปัญหาหรือความต้องการต่างๆ ต้องมาจากคนในชุมชนเท่านั้นเพื่อที่เราจะสามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุดและคุ้มค่ากับเงินงบประมาณที่เสียไป
 - การสร้างและบริหารทีมของข้าราชการยุคใหม่ในยุคของการเปลี่ยนแปลง ได้แนวคิดคือการจะสร้างทีมงานขึ้นมาเพื่อทำงานอะไรก็ตามสักอย่างหนึ่งต้องเลือกสรรบุคลากรให้ถูกกับงาน  "Put the right man on the right job" เพราะว่ามนุษย์ทุกคนไม่มีคนใดเก่งไปหมดทุกด้านเพราะแม้แต่ตัวเราเองก็มีทั้งด้านดีและด้านลบ ฉะนั้นต้องดึงด้านที่ดีและเด่นของเขาออกมาโดยส่งเสริมให้เขาได้แสดงศักยภาพที่มาอย่างเต็มที่ โดยปลูกฝังจิตสำนึกว่าประโยชน์ที่ประชาชน (รวมถึงตัวเราเพราะเราก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง) สังคม และประเทศชาติจะได้รับมันสำคัญมากแค่ไหน เมื่อทีมงานมีจิตสำนึกและเป้าหมายที่ชัดเจนอยู่ในใจแล้วการทำงานไม่ว่างานอะไรมันก็จะประสบความสำเร็จเพราะว่าเราทำมันมาออกมาจากใจโดยที่ไม่ได้มีการโดนบังคับ
พิมพ์บุญญา บุณยพิพิธ

ความรู้ที่ได้รับจากการเรียนรู้ในวันที่ 1 สิงหา่คม

สำหรับหัวข้อ หน้าที่ บทบาท การทำงานกับทุนทางจริยธรรมของข้าราชการยุคใหม่เพื่อประชาชน 

ความรู้ที่ได้รับจากท่านอาจารย์สมโภช นพคุณ หัวใจของการเป็นข้าราชการต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน มีการพัฒนาตัวเองทุกวัน เรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ ระบบราชการเป็นระบบที่ให้การดูแลบุคลากรรวมทั้งครอบครัวเป็นอย่างดีแต่การที่จะก้าวหน้านั้นจะเป็นไปอย่างช้าๆต้องสร้างนิสัยให้กับตัวเองและฝึกพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ พฤติกรรมที่น่าเลื่อมใสที่ควรพัฒนาตนเอง คือ เอกลักษณ์ของตนเองและการเป็นผู้นำในตนเองที่สามารถนำผู้อื่นได้ พฤติกรรมที่น่าเชื่อถือ คือ 1. การสร้างความเชี่ยวชาญ หาความรู้ให้ตัวเองอยู่เสมอและตลอดเวลา 2. การสร้างความไว้วางใจ ทำให้บุคคลอื่นเห็นคุณค่าของตนเองให้ชัดเจน การรับราชการ ต้องตั้งหลักให้ดีและมีเป้าหมายที่ชัดเจน รวมไปถึงความรู้เกี่ยวกับลักษณะนิสัย 30 ประการที่สร้างความน่าเชื่อถือ

ความรู้ที่ได้รับจากท่านศาสตราจารย์(พิเศษ) วิชา มหาคุณ คือ จริยธรรม ธรรมาภิบาลและกฎหมายเป็นหัวใจของข้าราชการ การที่จะเป็นข้าราชการที่ดีได้นั้นเราควรนับถือกฎหมายมากกว่าตัวคนเพราะกฎหมายเป็นกลางไม่มีความโลภเหมือนกับคน ข้าราชการที่ดีต้องคอยรับฟังความทุกข์ยากของประชาชนทั้งแผ่นดินและแก้ปัญหาให้ จริยธรรมที่สำคัญของผู้บริหารองค์กร คือ การไม่ขัดแย้งผลประโยชน์ส่วนตนและส่วนรวม ความซื่อตรง

  สำหรับหัวข้อ ข้าราชการไทยกับการเตรียมความพร้อมเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน เข้าใจถึงจุดเริ่มต้น ที่มาของ AEC การวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของแต่ละประเทศ การปรับตัวที่สำคัญเพื่อการเตรียมรับ AEC คือ ความเข้าใจและการศึกษาให้ถ่องแท้ การปรับตัวที่สำคัญที่สุด คือ การสร้างทัศนคติ ถึงแม้ว่าจะเข้าเป็น AEC ก็ควรรักษาทุนทางวัฒนธรรมของไทยเอาไว้ พัฒนาความสามารถทางภาษาทั้งภาษาอังกฤษและภาษาเพื่อนบ้าน การสร้างความใฝ่รู้และการพัฒนาทุนมนุษย์
นางสาวรัตนอาภา ทรัพย์สมบัติ
      “หนังสือ 8K’s + 5K’s ทุนมนุษย์ของคนไทย รองรับประชาคมอาเซียน” เป็นหนังสือที่ทุกคนควรได้อ่าน เนื่องจากหนังสือเล่มนี้อาจารย์จีระ ที่ถือว่าเป็นนักทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ ได้เขียนขึ้นมาจากประสบการณ์ทั้งหมดของท่าน เป็นหนังสือที่ท่านเขียนขึ้นมาด้วยความจริงใจที่อยากจะให้คนไทยหรือสังคมไทยก้าวทันโลกที่นับวันจะหมุนเร็วขึ้นทุกวันๆ โดย 8K ถือเป็นทุน 8 ประการที่เป็นพื้นฐานของทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพหากเราสามารถพัฒนาตนเองให้มีครบทั้ง 8 ประการนี้ เราก็จะได้ชื่อว่าเป็น “ทรัพยากรมนุษย์” ที่มีคุณภาพของสังคม ต่อมาเมื่อมีพื้นฐานทุนทั้ง 8 ประการแล้ว หากเราสามารถพัฒนาตนเองให้มี 5K ถัดมาได้อีก เราก็จะได้ชื่อว่าเป็น “ทรัพยากรมนุษย์” ที่สมบูรณ์แบบ ที่พร้อมจะปะทะทางปัญญา สามารถปรับตัวกับวัฒนธรรมที่แตกต่างและแข่งขันกับใครก็ได้ในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นเวทีอาเซียนหรือเวทีใดๆในโลก ประเทศไทยของเราก็จะก้าวหน้าไม่แพ้ชาติใดๆแน่นอน 

      เพียงแต่เราต้องหมั่นฝึกฝนตนเองทุกวันจากการเรียนรู้ตลอดชีวิต อย่าเป็นกบในกะลา หัดคิดนอกกรอบ รู้จักการใช้เทคโนโลยี หันไปมองคนอื่นบ้าง ไม่ใช่มองแต่ตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายมากสำหรับคนในยุคปัจจุบัน

      ขอบคุณค่ะ ที่อ.จีระได้แบ่งปันแนวความคิดดีๆ เป็นต้นแบบที่ดีของคนในสังคมไทย
สิทธิโชค ปรางค์ทอง

สิ่งที่ได้รับจากการอบรมในวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ช่วงที่ ๑ ๑. ทำให้ทราบถึงคุณสมบัติของการเป็นผู้นำที่ดี ว่าจะต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ๒. ทำให้ข้าพเจ้าเกิดประกายที่จะหาความรู้เพิ่มเติมทางอินเตอร์เน็ตในแง่ของความแตกต่างระหว่าง “ผู้นำ” และ “หัวหน้า” โดยข้าพเจ้าขอสรุปเพิ่มเติมดังนี้ หัวหน้า ผู้นำ บังคับให้ทำงาน ฝึกให้ทำงาน ใช้อำนาจ ใช้ไมตรีจิต ก่อให้เกิดความกลัว ก่อให้เกิดความศรัทธา แทนตัวเองว่า ฉัน แทนตัวเองว่า เรา บ่น ตำหนิ แก้ปัญหา รู้ว่าทำอย่างไร แสดงให้รู้ว่าทำอย่างไร ใช้คนทำงาน พัฒนาคนในการทำงาน รับแต่ความไว้วางใจ ให้ความไว้วางใจ ไปทำเดี๋ยวนี้ ลงมือปฏิบัติได้

(ข้อมูลจากเน็ต)

นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่จะสามารถทำให้เราเป็นผู้นำที่ดีได้ ก็คือเราต้องสร้างความเชื่อมั่น ความศรัทธา ให้กับองค์กร ชุมชน สังคม ได้ สุดท้ายทำให้ทราบถึงตัวอย่างของผู้นำที่ดี ตลอดจนได้รับมิตรภาพที่อบอุ่น ความสามัคคี ได้รับรู้ถึงความตั้งใจในการทำงานของเพื่อนๆข้าราชการรุ่นใหม่ในการทำ WORKSHOP เรื่องการวิเคราะห์ ๔ คุณลักษณะของผู้นำ (จ่าเพียร)

ช่วงที่ ๒ ๑. ทำให้ทราบถึงวิธีการดูแลร่างกายและจิตใจให้แข็งแรงมาจากภายใน ๒. ทำให้ทราบถึงวิธีการผ่อนคลายกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ ๓. ทำให้เรากลับมาสนใจในบางเรื่องที่เราละเลยไป เช่น การกำหนดลมหายใจ เข้า ออก การนั่ง การเดิน

ช่วงที่ ๓ ได้รับความอบอุ่น ผ่อนคลาย ความสนุกสนานจากอาหารมื้อค่ำ กิจกรรมร้องเพลง ในบรรยากาศที่เป็นกันเองมากๆ

.........................................

สิ่งที่ได้รับจากการอบรมในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ช่วงที่ ๑ กิจกรรมพัฒนาพื้นที่ชะอำ (CSR) ได้รับความรู้ในการเขียนโครงการ การทำงานเป็นทีม การระดมสมอง ทักษะด้านการสื่อสารกันภายในทีม การจัดสรรเวลาในเรื่องของการทำงานให้สำเร็จมีคุณภาพภายในระยะเวลาที่จำกัด

ช่วงที่ ๒ ๑. ทำให้ทราบว่าความสำเร็จจะต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง ๒. ทำให้รู้จักลักษณะบุคคล ๔ ลักษณะและวิธีการเข้าถึงบุคคลเหล่านั้น ๓. ทำให้รู้ว่าสิ่งสำคัญที่จะทำให้ ทีม ประสบความสำเร็จ คือ จะต้องมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล และต้องเปิดใจยอมรับความคิดเห็นของคนอื่นๆในทีม (ในส่วนนี้ท่านวิทยากรสามารถยกตัวอย่างทำให้เราเห็นภาพและเข้าใจง่าย…กดไลท์) ๔. ทำให้รู้ว่าคนเรานั้นสำคัญอยู่ที่ ใจ “ใจ สามารถรักษาร่างกายให้อยู่ได้” เปรียบเสมือนว่าหากเรามีจิตใจที่เข้มแข็งก็จะทำให้เราสามารถผ่านอุปสรรคต่างๆไปได้

ช่วงที่ ๓ กิจกรรมกีฬาชายหาด เป็นกิจกรรมที่ทำให้เรามีส่วนร่วม ร่วมกัน ได้แสดงให้เห็นถึงความสามัคคีของเพื่อนๆ ข้าราชการใหม่ และความมีน้ำใจนักกีฬา

.............................................

สิ่งที่ได้รับจากการอบรมในวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ ช่วงที่ ๑ ๑. ทำให้ทราบถึงเจตนารมณ์ของกฎหมาย ว่ากฎหมายนั้นเป็นไปเพื่อความยุติธรรม แต่สิ่งที่สำคัญกว่าตัวบทกฎหมายก็คือ ผู้ที่จะนำกฎหมายไปใช้ต้องเข้าใจเจตนารมณ์ของกฏหมายในแต่ละบทแต่ละตอนให้ถ่องแท้เสียก่อน ๒. ทำให้ทราบว่าทุนทางจริยธรรมนั้น มีความสำคัญมาก เพราะความเก่งอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอที่จะพาประเทศชาติอยู่รอดได้ หากแต่ต้องมีความดี เป็นตัวตั้งสำคัญเสียก่อน ๓. ทำให้ทราบถึงวิธีการประเมินตัวเองเพื่อการเป็นเป็นข้าราชการที่ดี การเป็นข้าราชการที่ดีต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน ต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจจริง

ช่วงที่ ๒ ทำให้รู้ที่มาของการเปิดเสรีอาเซียน ความสำคัญ รวมถึงการเตรียมความพร้อมให้กับตัวเอง ในฐานะที่เป็นข้าราชการรุ่นใหม่ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญในอนาคต และการเตรียมความพร้อมให้กับองค์กรของเรา ด้วยการวิเคราะห์ จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และยุทธวิธี

................................................

สิ่งที่ได้รับจากการอ่านหนังสือ 8K’S+5K’S ๑. ทำให้ทราบว่า ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ เป็นบุคคลที่มีความทุ่มเท มีความตั้งใจ ให้กับการทำงานมาก พร้อมที่จะทำงานหนักเพื่อพัฒนา เผยแพร่ความรู้ต่างๆ เป็นนักคิด เป็นตัวอย่างของบุคคลที่แสดงให้เห็นว่า เราต้องเป็นคนที่ไม่หยุดที่จะเรียนรู้ ไม่หยุดการพัฒนา ๒. ทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญของ AEC ที่จะมีขึ้นในอีกไม่ถึงสามปีข้างหน้า เราจะต้องเตรียมความพร้อมเพื่อที่จะเข้าไปแข่งขันในด้านต่างๆกับประเทศในกลุ่มอาเซียน ๓. ทำให้ทราบถึงทฤษฎีพื้นฐานเพื่อพัฒนาคุณภาพทุนมนุษย์ ว่าประกอบด้วยทุนอะไรบ้าง และเราจะสร้างทุนพื้นฐานทั้ง ๘ ประการนี้ได้อย่างไร ๔. ทำให้ทราบว่านอกจากทุนพื้นฐาน ๘ ประการที่เราพึงมีแล้วนั้น ยังมีทุนมนุษย์อีก ๕ ประการ ซึ่งจะช่วยต่อยอด สร้างคุณภาพ ศักยภาพในการแข่งขันของยุคอาเซียนเสรี ๕. และสุดท้าย ทำให้ทราบว่าไม่ว่าทฤษฎีว่าดีเพียงใดก็ตาม หากเราไม่นำไปใช้ หรือนำไปใช้โดยที่ไม่มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ก็จะไม่เกิดประโยชน์ ดังนั้นเราจึงควรศึกษาให้แตกฉาน เพื่อจะได้นำทฤษฎี 8K’S+5K’S ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

สิทธิโชค ปรางค์ทอง ๑ สิงหาคม ๒๕๕๕

สิ่งทีได้รับจากการฝึกอบรมในวันที่ 1 ส.ค. 55 มีดังนี้

 -  หน้าที่ บทบาทการทำงานกับทุนทางจริยธรรมของข้าราชการยุคใหม่เพื่อประชาชน สิ่งที่ได้เรียนรู้คือ ข้าราชการควรตระหนักว่าข้าราชการทุกคนนั้นมีหน้าที่รับใช้ประชาชน ไม่ใช่คิดว่าประชาชนเป็นผู้มาขอรับบริการจากเรา โดยเราเองนั้นต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราในการปฏิบัติงาน  โดยยึดหลักการทำงานเพื่อประโยชน์ของสุขประชาชนและประเทศชาติเป็นที่ตั้งไม่ได้ทำงานเพื่อนักการเมืองคนใดคนหนึ่ง หรือเพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง  ไม่หวังที่จะเข้ามากอบโกยเงินทองจากอำนาจหน้าที่ ถึงแม้ว่าระบบงานราชการจะไม่ได้มีเงินทองหรือของรางวัลมากมายมาตอบแทน  แต่ก็เป็นอาชีพที่สามารถเลี้ยงตัวเรา ครอบครัวได้ถ้าเรารู้จักคำว่าพอเพียง เพราะอาชีพข้าราชการเป็นอาชีพที่มีเกียรติและศักดิ์ศรี
 - ข้าราชการไทยกับการเตรียมความพร้อมเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน สิ่งที่ได้รับคือได้เรียนรู้การเตรียมความพร้อมในการปรับตัวเราเองและระบบราชการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การเชื่อมโยงความสัมพันธ์ต่างๆ ของคนในภูมิภาคและสิ่งที่คนในภูมิภาคนี้จะได้รับ  เพื่อให้ประชาคมอาเซียนของเรามีการพัฒนาและมีความเจริญในทุกๆด้านไปพร้อมๆ กันอย่างยั่งยืน  สามารถแข่งขันกับนานาอารยะประเทศได้

สิ่งที่ได้จากการอ่านหนังสือ "8K's+5'Ks ทุนมนุษย์ของคนไทยรองรับประชาคมอาเซียน" ได้รับการจุดประกายและความตระหนักรู้ต่อการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนเสรีในปี 2558 ตอนแรกข้าพเจ้าเข้าใจว่าทุนมนุษย์จะมาเกี่ยวกับเรื่องประชาคมอาเซียนได้อย่างไร จนได้รับความกระจ่างจากการอ่านหนังสือของท่านอาจารย์จีระ หงส์ลดารมณ์ ที่ได้กรุณาอธิบายว่าการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนเสรีจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ดังนั้นประเทศไทยจึงต้องสร้างภูมิคุ้มกันและความได้เปรียบ โดยการพัฒนาคนในชาติหรือที่เรียกว่า "ทุนมนุษย์" ซึ่งในแง่ของเศรษฐศาสตร์ "ทุนมนุษย์" เป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุด จึงต้องลงทุนสูงและใช้เวลาแต่ผลที่ได้จะยั่งยื่นและคุ้มค่ามากกว่าการลงทุนอย่างอื่น ซึ่งการลงทุนในที่นี้ก็หมายถึงการพัฒนาโดย ใช้ทฤษฎีพื้นฐาน "8K's เพื่อพัฒนาคุณภาพทุนมนุษย์" ซึ่งข้าพเจ้าเห็นด้วยอย่างยิ่งในข้อ "K6 ทุนแห่งความยั่งยืน (Sustainable Capital) คือการมองอนาคตว่าตัวเราจะอยู่รอดได้หรือไม่ ซึ่งได้น้อมนำแนวคิดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 ว่าด้วยความพอประมาณ มีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกัน หากประเทศของเรามีหลักทั้ง 3 ข้อนี้แล้วก็จะสามารถอยู่รอดได้

นอกจากหลักทฤษฎีพื้นฐาน 8K's เพื่อพัฒนาคุณภาพทุนมนุษย์แล้ว ต้องมีการต่อยอดด้วยหลัก "5K's ทฤษฏีต่อยอดสร้างคุณภาพทุนมนุษย์เพื่อศักยภาพการแข่งขันยุคอาเซียนเสรี" ซึ่งจะเป็นแนวคิดใหม่ที่ต้องเสริมจากแนวคิดพื้นฐาน เพราะนอกจากประเทศไทยจะอยู่รอดได้แล้วจะต้องมีการพัฒนาในด้านต่างๆเพื่อสร้างศักยภาพให้สามารถแข่งขันในสังคมอาเซียนได้อย่างยั่งยืน

ทั้งหมดทั้งมวลที่อาจารย์จีระได้กรุณาเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นจะไม่เกิดประโยชน์เลยหากผู้อ่านไม่ได้นำไปปฏิบัติ ดังนั้นในฐานะที่ข้าเจ้าเป็นข้าราชการรุ่นใหม่จะนำหลักดังกล่าวไปปรับใช้ในการทำงาน ครอบครัว และสังคมในโอกาสที่จะสามารถทำได้เพื่อสร้างความตระหนักรู้และเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนเสรีในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้

นางสาวจริยา มณีกาศ

สิ่งที่ได้รับจากการอบรมในวันที่ 30 กรกฎาคม 2555 ทำให้ทราบถึงคุณสมบัติของการเป็นผู้นำที่ดี ว่าจะต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้างเพื่อที่เราจะได้นำแนวคิดที่ได้ไปพัฒนาให้ดีขึ้น ทำให้เรากล้าคิด กล้าแสดงออก กล้ายืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง สามาารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ในกิจกรรม Love Life Light wellness mind for wellness body ทำให้เราห็นคุณค่าในตัวเอง การดูแลตัวเอง และรักตัวเอง การดูแลร่างกาย และจิตใจ จากภายใน ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเราต้องมีสติ และในกิจกรรมนี้ยังช่วยให้เราผ่อนคลายความเครียด มองโลกในแง่ดี รวมถึงการสร้างความสุขง่ายๆด้วยตนเอง ............................................................. สิ่งที่ได้รับจากการอบรมในวันที่ 31 กรกฎาคม 2555 ได้ทำโครงการ CSR การทำงานเป็นทีม การระดมสมอง การจัดสรรเวลาในเรื่องของการทำงานให้สำเร็จภายในระยะเวลาที่จำกัด การสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นจริงและความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหา การสร้างและบริหารทีมของข้าราชการยุคใหม่ ทำให้เราได้ย้อนกลับมามองจุดอ่อน จุดแข็งของตัวเอง วิธีการทำงานให้มีความสุข การเห็นคุณค่าในตัวเอง การยอมรับและเปิดใจให้กว้าง การสร้างแรงบันดาลใจ การตัดสินใจ การทำงานร่วมกันและเห็นคุณค่าที่ได้รับของการทำงานเป็นทีม แต่ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตามเราจะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน และจะต้องอยู่บพื้นฐานของคุณธรรม จริยธรรม ที่ถูกต้องดีงามด้วย สำหรับกิจกรรมกีฬาสี ทำให้เราเกิดความสามัคคี สนุกสนาน ผ่อนคลาย ความมีน้ำใจเป็นนักกีฬา ............................................................ สิ่งที่ได้รับจากการอบรมในวันที่ 1 สิงหาคม 2555 ทั้งดร.สมโภชน์และศาสตราจารย์พิเศษวิชา คือ เราต้องรู้จักเรียนรู้และพัฒนาตัวเองในทุกๆวัน ข้าราชการต้องเป็นทั้งคนเก่ง คนดี ข้าราชการต้องมี คุณธรรม จริยธรรมและอาจารย์ได้เน้นถึงความสำคัญของหลัก "Good Governance" ตาม พ.ร.ฏ.วิธีบริหารกิจกิจการบ้านเมืองที่ดี ที่ข้าราชการทุกคนต้องยึดถือปฏิบัติ หัวข้อ "ข้าราชการไทยกับการเตรียมความพร้อมเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน" โดยอาจารย์จีระ หงส์ลดารมภ์ ข้าราชการไทยต้องรู้จุดอ่อน จุดแข็ง ของเพื่อนบ้านเพื่อสร้างโอกาสและป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ความสามารถทางการแข่งขัน การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท