ผมได้ยินประโยคนี้มาจากคุณหมอพงษ์ศักดิ์ นัก TalkShow ท่านได้กล่าวถึงคำของท่านพุทธทาสว่ากล่าวไว้ว่า ติดชั่ว ติดดี อัปรีย์พอกัน หมายถึง การทำอะไรก็ตามถ้าคนเรายังติดยึดอยู๋กับความชั่วนั้นเป็นอัปรีย์แน่นอน แต่การติดดีนั้นหมายถึง การติดยึดว่าเมื่อเราทำความดีแล้ว คนทั้งหลายจะเห็นว่าเราเป็นคนดี จะได้รับการเทิดทูน ยกย่อง สรรเสริญ ถ้าคิดแบบนั้นก็จะเป็นอัปรีย์ได้เช่นกัน เพราะไม่ว่าเราจะทำอะไรลงไปไม่ว่าดีหรือไม่ดี คนอื่น ๆ จะคิดกับเราอยู่ 3 แบบ คือ 1.เห็นดีเห็นงาม ชมชอบ (เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกัน) 2. ไม่เห็นด้วย ด่า สาปส่ง ขับไล่ (เพราะขัดผลประโยชน์ของเขา) และ 3. ไม่รู้ไม่เห็น ไม่มีความคิดเห็น เฉย ๆ (เพราะไม่ได้และไม่ขัดผลประโยชน์) ยกตัวอย่าง เช้าขึ้นมากำลังซักผ้า แสงแดดวันนั้นก็จะเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม และคิดว่าวันนี้แดดดีจัง แต่พอกลางวันเดินไปธุระที่ไหนซักแห่ง จะเริ่มบ่นว่า ทำไมวันนี้แดดกล้าจังเลย (เพราะร้อนมาก) จะด่าพระอาทิตย์แล้ว และถ้าเข้าไปนั่งในบ้านแล้วจะไม่ได้คิดถึงพระอาทิตย์อีกเลย เพราะไม่ได้รับความร้อนจากพระอาทิตย์แล้ว
ดังนั้นการที่เราจะทำความดีก็ขอให้ทำด้วยเพราะเราอยากทำดี โดยไม่หวังผลตอบแทน ไม่หวังว่าคนอื่นจะยกย่องเรา ไม่คิดว่าเราจะดีเหนือคนอื่น แต่ทำความดีเพื่อความดี เพื่อโลกของเรา
ขอให้ทุกท่านที่มีความตั้งใจทำดี จงเป็นที่พึ่งของคนรอบข้าง และเป็นประโยชน์ต่อตนเองและโลกต่อไป
ไม่มีความเห็น