ในการประชุมคณะกรรมการบริหารแผน คณะที่ 3 ของ สสส. เมื่อวันที่ 7 ก.ย.49 เจ้าหน้าที่ของ สสส. ได้นำเสนอประสบการณ์การลงไปทำงานกับภาคีในพื้นที่ ว่าไป "เจอตอ" คือขยับงานไม่ออก เพราะในพื้นที่มีการแบ่งพวกเต็มไปด้วยความขัดแย้งไม่ลงรอยกัน
ผมจึงเสนอว่า ในการทำงานแบบ area-based นั้นต้องคำนึงถึงความเป็นจริง 2 ประการและความเชื่อ 1 ประการ
ความเป็นจริงประการแรก ในแต่ละพื้นที่จะมีคนที่ทำงานในลักษณะที่เรียกว่า "งานพัฒนา" มากมาย ในหลากหลายมิติ หลากหลายประเด็น หลากหลายความเชื่อและอคติ รวมทั้งจะมีทั้งความเป็นมิตร เป็นศัตรูต่อกันอย่างซับซ้อนซ่อนเงื่อน
ประการที่สอง มีหน่วยเกื้อหนุนเข้าไปส่งเสริมนักพัฒนาในพื้นที่มากมาย มีความหลากหลายและซับซ้อนซ่อนเงื่อนอีกแบบหนึ่ง
ดังนั้น การที่จะให้งานพัฒนา "สุขภาวะ" ในพื้นที่ดำเนินการแบบรวมตัวกันทำงานเป็นหนึ่งเดียว ทำไม่ได้ ไม่ควรทำเพราะจะล้มเหลว
ต้องดำเนินการแบบ "ขับเคลื่อนความซับซ้อน" (driving complexity) ให้เดินไปสู่เป้าหมาย "สุขภาวะ" ซึ่งก็มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนภายในตัวมันเอง
วิธีขับเคลื่อนความซับซ้อนทำโดย
- แผนที่ความดี (Success Stories Mapping)
- ตลาดนัดความสำเร็จ
- Storytelling
- มีคณะเลขานุการกิจ คว้าความรู้จดบันทึกไว้ชื่นชมและนำไป re-use ยกระดับต่อ
- ลปรร. กันด้วยวิธีการอื่น ๆ และแต่ละกลุ่มมีการจดบันทึกขุมความรู้ของตนเองด้วย
นี่คือเคล็ดลับการใช้ KM เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนสุขภาวะในพื้นที่
สคส. ส่ง KM ให้ สสส. ใช้ขับเคลื่อนสุขภาวะในพื้นที่และในวิธีการทำงานแบบอื่น ๆ ของ สสส. โดยตรงแล้วครับ
วิจารณ์ พานิช
8 ก.ย.49
เรียน ท่านอาจารย์
เชื่อว่า "ความซับซ้อนซ่อนเงื่อน" มักแฝงอยู่กับการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ ในสังคม อีกมาก โดยเฉพาะหน่วยงานทางราชการ "ความลับลมคมใน" ยังมีให้เห็นอยู่เสมอค่ะ
ขอรับวิธีการขับเคลื่อนความซับซ้อน ที่ท่านอาจารย์ได้กรุณาแนะนำ นำไปใช้และนำไปบอกต่อเพื่อการต่อยอดความรู้ที่ไม่รู้จบค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ขอบพระคุณคะอาจารย์...
พรุ่งนี้กะปุ๋มไปเป็นวิทยากรกระบวนการ KM ที่ สสจ.กาฬสินธุ์ได้...ความคิดต่อยอดแล้วคะ...ว่าจะขับเคลื่อนอย่างไรดี...แม้จะเป็นโจทย์ที่แตกต่างกันออกไป..แต่น่าจะก่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้สำหรับตน...ต่อไปได้อีกคะ...
*^__^*
กะปุ๋ม